เพียงเพื่อความสุข ๒.
นิโรธ...เป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำให้แจ้ง
อะไรละที่ควรทำให้แจ้ง และทำให้แจ้งอย่างไร?
อันความสุขในโลกนี้ ล้วนเป็นความสุขที่คนเราต่างนึกคิดและยอมรับความสุขเหล่านั้นกันเอง และเป็นความสุขเพียงชั่วครู่ชั่วยามไม่เที่ยงแท้ถาวร มีความผันแปรไปตลอดเวลา เราจะสังเกตได้จากตัวเราเองว่า บางอารมณ์เราก็ต้องการ บางอารมณ์เราก็ไม่ต้องการ
อาหารที่เรารับประทานกันนั้น เรามีการเปลี่ยนรสชาติ เปลี่ยนแปลงดัดแปลงอาหารกันตลอด ก็เพราะบางครั้งเราต้องการเช่นนั้น บางครั้งเราก็ไม่ต้องการเช่นนั้น ที่หลับที่นอนของเราเองเรายังมีเปลี่ยนที่บ่อยๆหาเวลาไปพักหลับนอนตามต่างจังหวัดเป็นต้น ก็เพราะเราเบื่อความจำเจนั่นเอง ตลอดจนเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม เราก็พยายามจัดหามาใหม่เพื่อทดแทนในสิ่งที่เราไม่ยินดีพอใจแล้วนั่นเอง
http://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/14115-1.gif@n
จะเห็นได้ว่าความไม่พอใจนั่นเป็นความทุกข์ ที่ใจเราทนรับในสภาพเดิมนั้นไม่ได้ จึงต้องเสาะแสวงหา แก้ไข เพื่อมาบำบัดทุกข์บำรุงสุข ซึ่งสุขนั้นไม่ถาวรเลย สาเหตุใหญ่นั้นเกิดจากความทุกข์ และความทุกข์นั้นก็เกิดมีได้ที่ชีวิตของเรานั่นเอง.
ลองใช้วิจารณญาณให้ดี เราก็จะเห็นว่าการมีชีวิตเป็นทุกข์แท้จริง ด้วยเหตุนี้องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงแสดงธรรมที่เรียกว่านิโรธ หรือนิพพาน อันเป็นธรรมที่ดับสิ้นไปจากความทุกข์ ให้เราท่านได้ศึกษาทำความเข้าใจให้แจ้ง ในพระนิโรธ หรือนิพพานนั้นให้ถูกต้องนั่นคือจุดมุ่งหมายของการทำให้แจ้งอย่างหนึ่ง
อีกอย่างหนึ่งนั้นก็คือ การแจ้งนิโรธ หรือนิพพานโดยการเข้าถึง ด้วยการปฏิบัติตามแนวทาง มหาสติปัฏฐาน ๔ นั่นเองและเมื่อผู้ใดแจ้งได้ก็เท่ากับท่านเองนั่นแหละได้ปลงภาระหนักออกจากบ่าเสียได้แล้ว
http://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/14115-2.gif@n
อาจจะใช้เวลาในการทำให้แจ้งสักหน่อย แต่เราต้องพยายามต่อสู้กับความไม่รู้
ด้วยการระลึกเสมอว่า..
คนที่ไม่รู้สิ่งใดและยังไม่รู้ว่าเขาไม่รู้สิ่งนั้น
เขาผู้นั้นเป็นคนโง่...จงหลีกเลี่ยงเสีย
เพียงเพื่อความสุข แม้จะต้องใช้ศรัทธาอย่างใหญ่หลวง แต่ก็อาศัยศรัทธาอันใหญ่หลวงนั้น มนุษย์จึงค้นพบสาระสำคัญแห่งการมีชีวิตของตนเองได้.
http://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/14115-3.gif@n
มรรค...เป็นสิ่งทุกคนควรทำให้เจริญ
แล้วจะทำอย่างไรละ มรรคอันเป็นหนทางสู่ความพ้นทุกข์ได้นั้น จะเจริญได้
ก็ด้วยการเข้าใจที่เรียกว่าสัมมาทิฏฐินั่นเอง เราต้องสร้างความเห็นถูกให้เกิดขึ้นในชีวิต หรือเรียกว่าปลูกฝังปัญญาให้มีขึ้นในตนเอง
และนำปัญญานั้นมาเป็นเครื่องมือในการเดินทาง เพื่อตรงตามหลักคำสอนของพระพุทธองค์ท่าน ที่ทรงแนะนำมรรคมีองค์ ๘ ไว้เพื่อเราท่านได้เดินไปเพื่อความสิ้นทุกข์นั่นเอง.
พรุ่งนี้จะมาอธิบายต่อนะคะ
ด้วยความปรารถนาดีคะ
บุษกร เมธางกูร
http://webboard.abhidhammaonline.org/old/www.dhammathai.org/flowers/flower11.gif
หน้า:
[1]