มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ

Moonlanithi Vipassana
Meditation
OnlineStudy
thai    english
Article สำนักวิปัสสนา
อ้อมน้อย
กิจกรรม About Us

[ Home ] [ ลานถาม-ตอบปัญหาธรรมะ ] [ ลานกวีธรรม ] [ ลานคิด เล่า เขียน ] [ ลานกลิ่นดอกแก้ว ] [ ค้นหากระทู้ ] [ สมัครสมาชิก ] [ login เข้าระบบ ]


ขันติวาทิชาดก




ขันติวาทิชาดก


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร
ทรงปรารภภิกษุผู้มักโกรธรูปหนึ่ง จึงตรัสพระธรรมเทศนานี้
มีคำเริ่มต้นว่า "โย เต หตฺเถ จ ปาเท จ" ดังนี้.

เรื่องได้กล่าวไว้แล้วในหนหลังนั่นแล.
ก็ในที่นี้ พระศาสดาตรัสกะภิกษุนั้นว่า




"เธอบวชในพระศาสนาของพระพุทธเจ้าผู้ไม่โกรธ
เพราะเหตุไร จึงกระทำความโกรธเล่า
โบราณกาลบัณฑิตทั้งหลาย
เมื่อเครื่องประหารตั้งพันตกลงบนร่างกาย
เมื่อถูกเขาตัดมือเท้า หู และจมูก
ก็ยังไม่กระทำความโกรธแก่คนอื่น"


แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :-
ในอดีตกาล พระเจ้ากาสีพระนามว่ากลาปุ
ทรงครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี

ในกาลนั้น พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์
มีทรัพย์สมบัติ ๘๐ โกฏิ
เป็นมาณพชื่อว่ากุณฑลกุมาร

โดย พี่เณร...นำมาฝาก [2 ม.ค. 2557 , 08:51:21 น.] ( IP = 58.9.203.52 : : ) เก็บกระทู้นี้ไว้ใน Bookmarkส่งกระทู้นี้ให้เพื่อนของคุณ


  สลักธรรม 1

เมื่อโตขึ้นได้เล่าเรียนศิลปะทุกอย่างในนครตักศิลา
แล้วรวบรามทรัพย์สมบัติตั้งตัว
เมื่อบิดามารดาล่วงลับไปจึงมองดูกองทรัพย์แล้วคิดว่า...

“ญาติทั้งหลายของเรา
ทำทรัพย์ให้เกิดขึ้นแล้วไม่ถือเอาไปเลย
แต่เราควรจะถือเอาทรัพย์นั้นไป”


จึงจัดแจงทรัพย์ทั้งหมดให้ทรัพย์แก่คนที่ควรให้
ด้วยอำนาจการให้ทาน แล้วเข้าไปบวชที่ป่าหิมพานต์
เลี้ยงอัตภาพให้เป็นไปด้วยผลาผลไม้อยู่เป็นเวลาช้านาน
เมื่อต้องการจะเสพรสเค็มและรสเปรี้ยวจึงไปยังถิ่นมนุษย์
ถึงนครพาราณสีโดยลำดับ แล้วอยู่ในพระราชอุทยาน.

วันรุ่งขึ้น เที่ยวภิกขาจารไปในนคร
ถึงประตูนิเวศน์ของเสนาบดี
เสนาบดีเลื่อมใสในอิริยาบถของพระโพธิสัตว์นั้น
จึงให้เข้าไปยังเรือนโดยลำดับ
ให้บริโภคโภชนะที่เขาจัดไว้เพื่อตน
ให้รับปฏิญญาแล้วให้อยู่ในพระราชอุทยานนั้นนั่นเอง.

อยู่มาวันหนึ่ง พระเจ้ากลาปุทรงมึนเมาน้ำจัณฑ์
มีนางนักสนมห้อมล้อมเสด็จไปยังพระราชอุทยานด้วยพระอิสริยยศอันยิ่งใหญ่
ให้ลาดพระที่บรรทมบนแผ่นศิลาอันเป็นมงคล
แล้วบรรทมเหนือตักของหญิงที่ทรงโปรดคนหนึ่ง
หญิงนักฟ้อนทั้งหลายผู้ฉลาดในการขับร้อง การประโคม และการฟ้อนรำ

โดย พี่เณร...นำมาฝาก [2 ม.ค. 2557 , 08:55:40 น.] ( IP = 58.9.203.52 : : )


  สลักธรรม 2

พระเจ้ากลาปุได้มีสมบัติดุจของท้าวสักกเทวราช
ก็ทรงบรรทมหลับไป ลำดับนั้น หญิงเหล่านั้นพากันกล่าวว่า

“พวกเราประกอบการขับร้องเป็นต้น
เพื่อประโยชน์แก่พระราชาใด
พระราชานั้นก็ทรงบรรทมหลับไปแล้ว
ประโยชน์อะไรแก่พวกเรา ด้วยการขับร้องเป็นต้น”

จึงทิ้งเครื่องดนตรีมีพิณเป็นต้นไว้ในที่นั้น ๆ เอง
แล้วหลีกไปยังพระราชอุทยาน ถูกดอกไม้ ผลไม้
และใบไม้เป็นต้นล่อใจ จึงอภิรมย์อยู่ในพระราชอุทยาน.

ในกาลนั้น พระโพธิสัตว์นั่งอยู่ ดุจช้างซับมันตัวประเสริฐ
ยังเวลาให้ล่วงไปด้วยความสุขในบรรพชาอยู่ ณ โคนต้นสาละ
มีดอกบานสะพรั่งในพระราชอุทยานนั้น.

ลำดับนั้น หญิงเหล่านั้นหลีกไปยังพระราชอุทยาน
แล้วเที่ยวไปอยู่ ได้เห็นพระโพธิสัตว์นั้น จึงกล่าวกันว่า

“มาเถิดท่านทั้งหลาย
พระผู้เป็นเจ้าของพวกเราเป็นบรรพชิตนั่งอยู่ที่โคนไม้ต้นหนึ่ง
พวกเราจักนั่งฟังอะไร ๆ ในสำนักของพระผู้เป็นเจ้านั้น
ตราบเท่าที่พระราชายังไม่ทรงตื่นบรรทม”
จึงได้ไปไหว้นั่งล้อมแล้วกล่าวว่า
“ขอท่านโปรดกล่าวอะไร ๆ ที่ควรกล่าวแก่พวกดิฉันเถิด”

โดย พี่เณร...นำมาฝาก [2 ม.ค. 2557 , 09:01:39 น.] ( IP = 58.9.203.52 : : )


  สลักธรรม 3

พระโพธิสัตว์จึงกล่าวธรรมแก่หญิงเหล่านั้น
ครั้งนั้นหญิงคนนั้นขยับตัวทำให้พระราชาตื่นบรรทม
พระราชาทรงตื่นบรรทมแล้วไม่เห็นหญิงพวกนั้น จึงตรัสว่า
“พวกหญิงถ่อยไปไหน ? "

หญิงคนโปรดนั้นกราบทูลว่า
“ข้าแต่มหาราช หญิงเหล่านั้นไปนั่งล้อมดาบสรูปหนึ่ง"
พระราชาทรงกริ้ว ถือพระขรรค์ได้รีบเสด็จไปด้วยตั้งพระทัยว่า
“จักตัดหัวของชฎิลโกงนั้น"

ลำดับนั้น หญิงเหล่านั้นเห็นพระราชาทรงกริ้วกำลังเสด็จมา
ในบรรดาหญิงเหล่านั้น หญิงคนที่โปรดมากไปแย่งเอาพระแสงดาบ
จากพระหัตถ์ของพระราชาให้พระราชาสงบระงับ

พระราชานั้นเสด็จไปประทับยืนในสำนักของพระโพธิสัตว์แล้วตรัสถามว่า
“สมณะ แกมีวาทะว่ากระไร ?”
พระโพธิสัตว์ทูลว่า “มหาบพิตร อาตมามีขันติวาทะ กล่าวยกย่องขันติ"

พระราชา “ที่ชื่อว่าขันตินั้น คืออะไร ?"
พระโพธิสัตว์ “คือความไม่โกรธในเมื่อเขาด่า ทำร้าย หรือเย้ยหยัน"


พระราชาตรัสว่า “ประเดี๋ยวเราจักเห็นความมีขันติของแก”
แล้วรับสั่งให้เรียกเพชฌฆาตผู้ฆ่าโจรมา
เพชฌฆาตนั้นถือขวานและแซ่หนามตามจารีตของตน
นุ่งผ้ากาสาวะสวมพวงมาลัยแดงมาถวายบังคมพระราชาแล้วกราบทูลว่า
“ข้าพระองค์จะทำอะไร พระเจ้าข้า ?”

พระราชาตรัสว่า “เจ้าจงจับดาบสชั่วเยี่ยงโจรนี้
ฉุดให้ล้มลงพื้นแล้วเอาแซ่หนามเฆี่ยนสองพันครั้งในข้างทั้งสี่
คือข้างหน้า ข้างหลัง และด้านข้าง ๆ ทั้งสองด้าน”

เพชฌฆาตนั้นได้กระทำเหมือนรับสั่งนั้น
ผิวของพระโพธิสัตว์ขาด หนังขาด เนื้อขาดโลหิตไหล

โดย พี่เณร...นำมาฝาก [2 ม.ค. 2557 , 09:04:50 น.] ( IP = 58.9.203.52 : : )


  สลักธรรม 4

พระราชาตรัสถามอีกว่า “เจ้ามีวาทะว่ากระไร ?"
พระโพธิสัตว์ทูลว่า“มหาบพิตร อาตมามีวาทยกย่องขันติ
ก็พระองค์สำคัญว่า ขันติมีในระหว่างหนังของอาตมาหรือ ?
ขันติไม่ได้มีในระหว่างหนังของอาตมา,
มหาบพิตร ก็ขันติของอาตมาตั้งอยู่เฉพาะภายในหทัย
ซึ่งพระองค์ไม่อาจแลเห็น

เพชฌฆาตทูลถามอีกว่า “ข้าพระองค์จะทำอะไร ?
พระราชาตรัสว่า “จงตัดมือทั้งสองข้างของดาบสโกงผู้นี้
เพชฌฆาตนั้นจับขวานตัดมือทั้งสองข้างแต่ข้อมือ.
ทีนั้น พระราชาตรัสกะเพชฌฆาตนั้นว่า “จงตัดเท้าทั้งสองข้าง”
เพชฌฆาตก็ตัดเท้าทั้งสองข้าง
โลหิตไหลออกจากปลายมือและปลายเท้า
เหมือนรดน้ำครั่งไหลออกจากหม้อทะลุฉะนั้น

พระราชาตรัสถามอีกว่า
“เจ้ามีวาทะว่ากระไร ?"
พระโพธิสัตว์ทูลว่า
“มหาบพิตรอาตมามีวาทะยกย่องขันติ
ก็พระองค์สำคัญว่า ขันติมีอยู่ที่ปลายมือปลายเท้าของอาตมาหรือ ?
ขันตินั่นไม่มีอยู่ที่นี้ เพราะขันติของอาตมาตั้งอยู่เฉพาะภายในหทัยอันสถานที่ลึกซึ้ง.

พระราชานั้นตรัสว่า “จงตัดหูและจมูกของดาบสนี้”
เพชฌฆาตก็ตัดหูและจมูก ทั่วทั้งร่างกายมีแต่โลหิต

โดย พี่เณร...นำมาฝาก [2 ม.ค. 2557 , 09:07:57 น.] ( IP = 58.9.203.52 : : )


  สลักธรรม 5

พระราชาตรัสถามอีกว่า “เจ้ามีวาทะกระไร ?”
พระโพธิสัตว์ทูลว่า “มหาบพิตร อาตมามีวาทะยกย่องขันติ
แต่พระองค์ได้สำคัญว่า ขันติตั้งอยู่เฉพาะที่ปลายหูปลายจมูก
ขันติของอาตมาตั้งอยู่เฉพาะภายในหทัยอันลึก

พระราชาตรัสว่า “เจ้าชฏิลโกง เจ้าจงนั่งยกเชิดชูขันติของเจ้าเถิด”
ว่าแล้วก็เอาพระบาทกระทืบยอดยกแล้วเสด็จหลีกไป

เมื่อพระราชานั้นเสด็จไปแล้ว
เสนาบดีเช็ดโลหิตจากร่างกายของพระโพธิสัตว์
แล้วเก็บรวบรวมปลายมือปลายเท้า ปลายหู และปลายจมูกไว้ที่ชายผ้าสาฎก
ค่อย ๆ ประคองให้พระโพธิสัตว์นั่งแล้วไหว้
ได้นั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่งแล้วกล่าวว่า
“ท่านผู้เจริญ ถ้าท่านจะโกรธ ควรโกรธพระราชาผู้ทำผิดในท่าน ไม่ควรโกรธผู้อื่น

เมื่อจะอ้อนวอนจึงกล่าวคาถาที่ ๑ ว่า :-
ข้าแต่ท่านผู้มีความเพียรมาก ผู้ใดให้ ตัดมือ เท้า หู และจมูกของท่าน
ท่านจงโกรธ ผู้นั้นเถิด อย่าได้ทำรัฐนี้ให้พินาศเสียเลย

พระโพธิสัตว์ได้ฟังดังนั้น จึงกล่าวคาถาที่ ๒ ว่า
พระราชาพระองค์ใดรับสั่งให้ตัดมือ เท้า หู และจมูกของอาตมภาพ
ขอพระราชา พระองค์นั้นจงทรงพระชนม์ยืนนาน
บัณฑิต ทั้งหลาย เช่นกับอาตมภาพย่อมไม่โกรธ เคืองเลย.

โดย พี่เณร...นำมาฝาก [2 ม.ค. 2557 , 09:11:22 น.] ( IP = 58.9.203.52 : : )


  สลักธรรม 6

ในกาลที่พระราชาเสด็จออกจากพระราชอุทยาน ลับสายตาของพระโพธิสัตว์เท่านั้น มหาปฐพีอันหนาสองแสนสี่หมื่นโยชน์นี้ก็แยกออก ประดุจผ้าสาฎกทั้งกว้างทั้งแข็งแตกออกฉะนั้น.

เปลวไฟจากอเวจีนรก แลบออกมาจับพระราชา เหมือนห่มด้วยผ้ากัมพลแดงที่ตระกูลมอบให้ พระราชาเข้าสู่แผ่นดินที่ประตูพระราชอุทยานนั่นเอง แล้วตั้งอยู่เฉพาะในอเวจีมหานรก

แม้พระโพธิสัตว์(ขันติวาทีดาบส)ก็มรณภาพในวันนั้นเอง

ราชบุรุษและชาวนครทั้งหลายถือของหอม ดอกไม้ ประทีปและธูป มากระทำฌาปนกิจสรีระของพระโพธิสัตว์.

มีอภิสัมพุทธคาถาทั้งสองคาถานี้อยู่ว่า

สมณะผู้สมบูรณ์ด้วยขันติ ได้มีมาใน อดีตกาลนั้นแล้ว
พระเจ้ากาสีได้รับสั่งให้ห้ำหั่นสมณะนั้นผู้ดำรงอยู่เฉพาะในขันติธรรม พระเจ้ากาสีหมกไหม้อยู่ในนรก เสวย วิบากอันเผ็ดร้อนของกรรมที่หยาบช้านั้น.

พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว จึงทรงประกาศสัจจะแล้วทรงประชุมชาดก. ในเวลาจบสัจจะ ภิกษุผู้ขี้โกรธบรรลุพระอนาคามิผล.

พระเจ้ากาสีพระนามว่ากลาปุในครั้งนั้น ได้เป็นพระเทวทัต
เสนาบดีในครั้งนั้น ได้เป็นพระสารีบุตร
ส่วนดาบส ผู้มีวาทะยกย่องขันติในครั้งนั้น ได้เป็นเราตถาคต ฉะนี้แล.

โดย พี่เณร...นำมาฝาก [2 ม.ค. 2557 , 09:16:55 น.] ( IP = 58.9.203.52 : : )

ขอเชิญแสดงความคิดเห็น
จาก : *
Code :
กรุณากรอก Code ตัวเลขด้านบน *
อีเมล์ : หากไม่ต้องการให้เว้นว่าง
รูปภาพ : ไม่เกิน 150KB
รายละเอียด :
Icon Toy
Special command

* *
กรุณาคลิ๊ก Post message เพียงครั้งเดียว.... 

คำเตือน
  • การแอบอ้างใช้ชื่อบุคคลซึ่งอาจทำให้บุคคลนั้นเกิดความเสียหาย อาจถูกดำเนินคดีทางกฏหมายได้
  • การโพสรูปภาพที่ไม่เหมาะสม หรือ ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของภาพ อาจถูกดำเนินคดีทางกฏหมายได้
  • หากพบเห็นรูปภาพหรือกระทู้ที่ไม่เหมาะสมสามารถเมล์เข้ามาได้ที่ freewebboard@thaimisc.com โดยระบุ subject "กระทู้ไม่เหมาะสม" พร้อมทั้งระบุ ADDRESS ของเว็บบอร์ด

ผู้ช่วยเหลือ-แหล่งข้อมูล

[ คีตธรรม ] [ ตารางสี ] [ ค้นหาเพลง ]

ลานภาพ

อบรมวิปัสสนา

ค้นหา

ค้นหา-GooGle

สร้างสรรค์โดย a2.gif (164 bytes) http://www.abhidhamonline.org