มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ

Moonlanithi Vipassana
Meditation
OnlineStudy
thai    english
Article สำนักวิปัสสนา
อ้อมน้อย
กิจกรรม About Us

[ Home ] [ ลานถาม-ตอบปัญหาธรรมะ ] [ ลานกวีธรรม ] [ ลานคิด เล่า เขียน ] [ ลานกลิ่นดอกแก้ว ] [ ค้นหากระทู้ ] [ สมัครสมาชิก ] [ login เข้าระบบ ]


ธรรมนคร (๒)









ธรรมนคร (๒)

ธรรมบรรยายจากศาลาเสือพิทักษ์ โดย หลวงพ่อเสือ



ธรรมนคร (๑)

ตลาดขายของเบ็ดเตล็ด ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสร้างสรรค์เอาไว้ในธรรมนครก็คือ คำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่มีอยู่ในหมวดต่างๆ เป็นสินค้าอันประเสริฐที่น่าปรารถนาพึงพอใจให้เราหาซื้อให้กับชีวิตให้ได้ คือ

๑. ชาติสมบัติ ถึงความพร้อมด้วยชาติ ที่ต้องโปรดได้ มีมนุษย์เป็นเบื้องต่ำ

๒.โภคสมบัติ ความถึงพร้อมด้วยโภคทรัพย์

๓. อายุสมบัติ ความมีอายุยืนนาน

๔.วรรณสมบัติ ความเป็นผู้มีสีกายผ่องใส

๕.ปัญญาสมบัติ ความเป็นผู้มีปัญญา

๖.มนุสิกสมบัติ สมบัติที่มนุษย์ต้องการทั้งหลาย

๗.ทิพยสมบัติ สมบัติในสรวงสวรรค์

๘.นิพพานสมบัติ ความได้บรรลุถึงพระนิพพาน

ทั้ง ๘ อย่างนี้เป็นสมบัติที่มีขายในตลาดเบ็ดเตล็ด ผู้ที่ต้องการซื้อสินค้ามีเจตนาประสงค์จำนงหมายจะได้สมบัติเหล่านี้ก็พึงต้องมีความอุตสาหะตั้งใจปฏิบัติตามหลักพระธรรม จึงจะสมหวังและสมความปรารถนา

ส่วนตลาดธรรมดามีอะไรขาย มี ถั่ว งา สาคู กะปิ พริกไทย เต้าเจี้ยวหลน น้ำปลาน้ำตาล ข้าวสารทั้งหลาย บุคคลใดมีจิตปรารถนาก็ย่อมมุ่งหน้าไปหาซื้อหากินกันได้ในร้านแต่การให้เงินตราเป็นมูลค่า เป็นการเอาโลภะ แลกด้วยโลภะ เมื่อได้มาแล้ว ก็เป็นสมบัติที่วิบัติไป แต่สมบัติที่พระองค์ขายให้นี้ต้องทำที่จิตที่ตนเอง

โดย ศาลาธรรม [4 มิ.ย. 2557 , 07:00:22 น.] ( IP = 115.87.159.116 : : ) เก็บกระทู้นี้ไว้ใน Bookmarkส่งกระทู้นี้ให้เพื่อนของคุณ


  สลักธรรม 1




อยากได้สมบัติเป็นมนุษย์ชาติ ก็ต้องทำ เบญจศีล เบญจธรรม

อยากได้สุคติสมบัติ ก็ต้องทำกุศลกรรมเท่านั้นจึงจะให้คติที่ดี

อยากได้โภคสมบัติ ก็ต้องเจริญอยู่ในทานในศีล

อยากได้อายุสมบัติ ก็ต้องไม่ล่วงเกิน ต้องไม่เบียดเบียนใคร ต้องมีศีล

อยากได้วรรณะสมบัติ ก็ต้องถือศีล

อยากได้ปัญญาสมบัติ ต้องมีศีล มีสมาธิ มีปัญญา

อยากได้มนุษย์สมบัติ ก็ต้องมีหิริ โอตัปปะ ต้องมี และ เบญจศีล เบญจธรรม

อยากได้ทิพยสมบัติ ก็ต้องมีจาคะ โอตัปปะ และหิริ

อยากได้นิพพานสมบัติ ก็ต้องมีสติปัฏฐานสี่

ฉะนั้น จึงต้องทำที่ตนทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้ ผู้มีปัญญาทั้งหลายที่มีโอกาสเกิดมาเป็นมนุษย์และพบพระพุทธศาสนา ต้องพยายามปลูกศรัทธาเลื่อมใสในดวงจิต แล้วรีบประกอบกิจอันเป็นกุศล อย่าผลัดวันประกันพรุ่งอย่างเด็ดขาด และเพียรพยายามปฏิบัติตามพระพุทธโอวาท เรียกว่า โอวาทานุสาสนี คือ การให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา เหมือนกับเรามีเงินทองมากๆ เราก็มีโอกาสหาซื้อสมบัติอันวิเศษได้ ของเพชร นิล จินดา มีเงินน้อยก็ซื้อได้น้อย

โดย ศาลาธรรม [4 มิ.ย. 2557 , 07:02:14 น.] ( IP = 115.87.159.116 : : )


  สลักธรรม 2




ตลาดดอกไม้ที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสร้างเอาไว้ในธรรมนคร ย่อมมีบุปผาชาตินานาพันธุ์วางขายอยู่เกลื่อนกลาดมากมาย ล้วนแต่วิจิตรบรรจงทั้งสิ้น ในที่นี้พระองค์เปรียบดอกไม้นั้นก็คือ สัญญาทั้งหลาย ซึ่งมีอยู่ ๓ ได้แก่ นิจจสัญญา ทุกขสัญญา อนัตตสัญญา จะสวยอย่างไรแล้วแต่ไม่เที่ยง จะสวยอย่างไรแล้วแต่เป็นทุกข์ จะสวยอย่างไรแล้วแต่เป็นธรรมที่ไม่สามารถบังคับบัญชาได้ ฉะนั้น ท่านก็ปลูกฝังสัญญาที่หอมหวลให้ประดุจดอกไม้ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ให้เรารู้จัก

ตลาดผลไม้ ที่องค์สมเด็จพระชินสีห์ศากยมุนีทรงสร้างไว้ในธรรมนครนั้น ย่อมมีโอชารสมากมาย ประกอบไปด้วยผลไม้คือพระอริยธรรม ได้แก่ โสดาปัตติผล สกทาคามีผล อนาคามีผล และอรหัตตผล อันเกิดขึ้นจากไม้งามที่พระองค์ปลูกไว้เพื่อทำให้ประชาสัตว์ทั้งหลายหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด

ตลาดของหอม ที่องค์สมเด็จพระชินสีห์ศากยมนุนีสัมมาสัมพุทโธทรงสร้างไว้ในธรรมนครนั้น ประกอบไปด้วยเครื่องหอมจรุงใจ มีกลิ่นหอมทวนลมอยู่เสมอนั่นก็คือกลิ่นของศีล ที่ทรงวางไว้ให้ถอืปฏิบัติในระดับต่างๆ ได้แก่ ศีล ๕ ไปจนกระทั่งศีลในพระปาฏิโมกขสังวร

ตลาดยาดับงูพิษ ที่สมเด็จพระสัมมาสัพพัญญูเจ้าได้อุตสาหะสร้างเอาไว้ในนครธรรม ทรงมีตัวยาสำคัญแก้งูพิษวางขายอยู่ดารดาษ แต่ในสติปัฏฐานท่านยกเอา ยา ๙ ชนิด ที่พระบรมศาสดาทรงกันงูพิษชนิดที่ร้ายแรงที่สุดไม่ให้สามารถกล้ำกรายได้ คือ นวังคสัตถุสาสน์ ได้แก่ สุตะ เคยยะ เวยากรณะ คาถา อุทานะ อิติวุตตกะ ชาตกะ อัพภูตธรรมะ และเวทัลละ เป็นศาสตร์อันประเสริฐ เป็นตัวยาดับงูพิษ

พิษงูก็คือกิเลสร้ายที่ซึมซาบอยู่ในดวงใจของเรา บรรดากิเลส ตัณหา ราคะ อุปาทานพวกนี้แสดงฤทธิ์พิษกระวนกระวายให้อยู่เนืองนิตย์ เรียกว่าจิตใจฟุ้งซ่านมิมีวันหยุดหย่อน ผู้ที่ถูกพิษร้ายก็จะได้รับความเจ็บปวดเพราะพิษแห่งกิเลสตัณหา คนที่ถูกงูพิษก็จะได้รับความเจ็บปวด หาก ประสงค์จะเอายาเหล่านี้ไปดับพิษก็ต้องใช้ความอุตสาหะมาแลก คือ หมั่นสดับรับฟังพระสัทธรรมหรือพระธรรมเทศนา หมั่นเล่าเรียนจนเจริญภาวนาได้ ไม่ช้าก็ดับพิษเหล่านี้ได้ เพราะพิษเหล่านี้ก็จะถูกรวบรวมและชำระล้างจนสามารถเข้าสู่พระนิพพานอันเป็นที่พ้นทุกข์กันดาร คือทุกข์ประจำ และทุกข์จร

โดย ศาลาธรรม [4 มิ.ย. 2557 , 07:04:37 น.] ( IP = 115.87.159.116 : : )


  สลักธรรม 3




ตลาดยารักษาโรค ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้รู้อินทรีย์อันอ่อนแก่หย่อนตึงของสัตว์ ทรงสร้างให้ไว้แก่ประชาสัตว์นั้นมีมากมายสุดพรรณนา แต่ที่ควรนำมากล่าวในมหาสติปัฏฐาน ๔ นี้ คือ โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ คือ พระมหาสติปัฏฐาน ๔ พระสัมมปธาน ๔ พระอิทธิบาท ๔พระอินทรีย์ ๕ พระพละ ๕ พระโพชฌงค์ ๗ และพระอริยมรรค ๘ เป็นโอสถสำหรับรักษาโรคคือกิเลสโดยตรงเลย

กิเลสมีอะไรบ้าง? เจ้าใหญ่ๆ ก็มี ราคะกิเลส โทสะกิเลส โมหะกิเลส ที่เกาะกินสัตว์โลกมานานแล้ว มันเกาะกินอยู่ในดวงหฤทัยและสันดานของเหล่ามนุษย์ พรหม และเทวดาทั้งหลาย เมื่อพระองค์วางพระโอสถอันนี้ลงไป ผู้รักษาหรือผู้ที่ได้รับยาก็เคลื่อนคล้อยหายจากโลกมากต่อมากนัก ซึ่งก็มีพระอัญญาโกณฑัญญะ เป็นผู้รับยาองค์แรก และหายโดยสวัสดี

จำเนียรกาลผ่านมาหนักหนา เมื่อพระองค์ผู้ประสงค์จะพลีชีวิตเพื่อขายยาชื่อว่า “ยาปรินิพพาน” ให้แก่เวไนยสัตว์ทั้งหลาย จึงทรงขวนขวายหาตัวยาวิเศษเหล่านั้นเพื่อรักษาตนเองเสียก่อน ด้วยการดั้นด้นบำเพ็ญบารมีธรรมมาช้านาน เมื่อหมู่สัตว์ มนุษย์ และเทวดาทั้งหลายที่ต้องการยานี้ ก็ต้องใช้ “ศรัทธา” และ “วิริยะ” มาเป็นค่าแลกเปลี่ยน คือต้องหมั่นปฏิบัติธรรมด้วยใจศรัทธา และมีความเพียร ค่อยๆ ดื่ม ตัวยาวิเศษนี้เข้าไปให้ตกถึงหัวใจ

แต่ส่วนมากสำหรับพวกเราก็จะตกถึงแค่หู ...ได้ยินแล้วหายไป จึงต้องกินให้ถึงดวงใจ ฟังก็ต้องฟังให้ถึงดวงใจ ฟังแค่ๆ หูไม่ได้ แต่ตอนเจริญวิปัสสนาให้ฟังแค่หูได้ แต่ตอนฟังพระธรรมต้องฟังให้ถึงดวงใจ เมื่อดื่มเข้าไปแล้วตกลงในดวงใจเมื่อไร ในไม่ช้าโรคบ้าคลั่งดีเดือดทั้งหลายก็จะหมดไป

โรคบ้าคลั่งที่ต้องใช้ยาโพธิปักขิยธรรมรักษาก็คือ มิจฉาทิฏฐิ ความเห็นผิด, มิจฉาสังกัปปะ ความดำริผิด, มิจฉาวาจา กล่าววาจาผิด, มิจฉากัมมันตะ ประกอบการงานผิด, มิจฉาอาชีวะ เลี้ยงชีวิตผิด, มิจฉาวายามะ มีความเพียรผิด มิจฉาสติ มีสติผิด, มิจฉาสมาธิ มีสมาธิผิด โรคร้ายทั้ง ๘ นี้ เป็นเหตุให้ปฏิบัติผิดกัน และเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏฏะภัย เป็นความเร่าร้อนและลุ่มหลง เมื่อได้รับยาธรรมโอสถของพระองค์ไปก็ค่อยๆ หาย

หายจากเบื้องแรกคือ มิจฉาทิฏฐินั้นต้องหายเสียก่อน ต้องทำทิฏฐิให้ตรงก่อน แล้วก็จะมาเป็นผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ เรียกว่า สัมมาปฏิปฏิบัติ เมื่อปฏิบัติถูกต้องตามทำนองคลองธรรมก็ย่อมจะไม่คลาดแคล้วที่จะหายจากโรคร้าย คือ กิเลสทั้งปวงที่กล่าวมาทั้งหมด

โดย ศาลาธรรม [4 มิ.ย. 2557 , 07:06:06 น.] ( IP = 115.87.159.116 : : )


  สลักธรรม 4




ตลาดน้ำอมฤต ที่สมเด็จพระชินวรณ์สัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เข้าถึงแล้วซึ่งความรู้แจ้งเห็นจริง พระองค์ได้วางโครงสร้างด้วยสัพพัญญุตาญาณโปรดประทานน้ำอมฤตไว้สำหรับสัตว์โลกได้ดื่มเพื่อความไม่รู้แก่ และไม่รู้ตาย ได้รับความสุขเป็นอมตะชั่วนิรันดร์กาล น้ำอมฤตที่กล่าวถึงนี้ ก็คือ พระกายคตาสติปัฏฐาน เป็นธรรมที่เป็นอมตะ และเป็นธรรมที่สำคัญที่สุด ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้นที่จะเอามาเปิดเผยแก่ชาวโลกได้

ในกาลใดก็แล้วแต่ที่มีกาลอุบัติขึ้นแห่งสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วมีการประกาศพระพุทธศาสนาเพื่อยังโลกให้สว่างยานี้ก็ยังมีอยู่ แต่เมื่อโลกว่างจากบวรพุทธศาสนาเมื่อใด พระธรรม คือ กายคตาสติ นี้ ก็จะไม่มีเมื่อนั้น ถ้าใครต้องการจะดื่มน้ำอมฤตจะต้องใช้มูลค่ากล่าวคือ “ศรัทธา” “อุตสาหะ” จำเริญกายาในกกรรมฐานไปให้ถูกต้องตามพุทธฏีกา ก็จะไม่เคลื่อนแคล้วจากสิ่งที่พระองค์วางให้แน่นอน และก็ได้รับความปลอดโปร่งจากโยคา คันถะ ต่างๆ ทั้งหลาย ได้รับความสบายกาย สบายใจ ในปัจจุบันชาติทันตาเห็น จิตใจปลอดโปร่งไม่ฟุ้งซ่าน

และถ้าเป็นคนที่มีบารมีเต็มบริบูรณ์ก็สามารถจะดับ ชาติ ชรา มรณะ ให้สูญชาติไปจากสันดานได้ ตัดเป็นสมุทเฉทประหาร ประดุจเข้าประตูพระนิพพานเป็นแดนอันปลอดภัย ส่วนผู้มีวาสนาบารมียังอ่อนอยู่ ก็ต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏฏะสงสาร คือ การเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จักจบสิ้น ไม่สามารถถึงพระนิพพานได้ แต่ถ้ามีอนุสรณ์คือจิตมุ่งไปในพระกรรมฐานนี้เจริญภาวนาอยู่ร่ำไปให้ติดอยู่ในจิตตสันดานอยู่เป็นเนืองนิตย์ เมื่อสิ้นชีวิตแล้วก็สามารถคลาดแคล้วจาก อบายภูมิ

ตลาดรัตนะ เป็นตลาดสุดท้ายมีธรรมรัตนะ คือ พระธรรมวางขายอยู่กลาดเกลื่อนมากมายหลายชนิด ล้วนแต่ประสิทธิ์ประสาทคุณวิเศษสุดจะพรรณาได้ แต่รัตนะอันเป็นธรรมรัตนะที่จะมาเข้ากับปริจเฉทที่ ๙ ท่านพรรณนาไว้ว่า คือ ศีลรัตนะ สมาธิรัตนะ ปัญญารัตนะ วิมุตติรัตนะ วิมุตติญาณทัสสนะรัตนะ และปฏิสัมภิทารัตนะ

โปรดติดตามตอนต่อไป

โดย ศาลาธรรม [4 มิ.ย. 2557 , 07:07:36 น.] ( IP = 115.87.159.116 : : )


  สลักธรรม 5

กราบนมัสการหลวงพ่อเจ้าค่ะ

ขอบพระคุณและขออนุโมทนากับคุณศาลาธรรมด้วยค่ะ

โดย abctoy - [4 มิ.ย. 2557 , 17:20:30 น.] ( IP = 115.87.25.145 : : )

ขอเชิญแสดงความคิดเห็น
จาก : *
Code :
กรุณากรอก Code ตัวเลขด้านบน *
อีเมล์ : หากไม่ต้องการให้เว้นว่าง
รูปภาพ : ไม่เกิน 150KB
รายละเอียด :
Icon Toy
Special command

* *
กรุณาคลิ๊ก Post message เพียงครั้งเดียว.... 

คำเตือน
  • การแอบอ้างใช้ชื่อบุคคลซึ่งอาจทำให้บุคคลนั้นเกิดความเสียหาย อาจถูกดำเนินคดีทางกฏหมายได้
  • การโพสรูปภาพที่ไม่เหมาะสม หรือ ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของภาพ อาจถูกดำเนินคดีทางกฏหมายได้
  • หากพบเห็นรูปภาพหรือกระทู้ที่ไม่เหมาะสมสามารถเมล์เข้ามาได้ที่ freewebboard@thaimisc.com โดยระบุ subject "กระทู้ไม่เหมาะสม" พร้อมทั้งระบุ ADDRESS ของเว็บบอร์ด

ผู้ช่วยเหลือ-แหล่งข้อมูล

[ คีตธรรม ] [ ตารางสี ] [ ค้นหาเพลง ]

ลานภาพ

อบรมวิปัสสนา

ค้นหา

ค้นหา-GooGle

สร้างสรรค์โดย a2.gif (164 bytes) http://www.abhidhamonline.org