Moonlanithi |
Vipassana Meditation |
OnlineStudy thai english |
Article |
สำนักวิปัสสนา อ้อมน้อย |
กิจกรรม | About Us |
เจตสิกปรมัตถ์โดยสังเขป
สลักธรรม 1
ก่อนที่จะเข้าเรื่องเจตสิก ก็ขอทวนเรื่องจิตกันสักเล็กน้อยนะคะ
จิตเป็นธรรมชาติที่รู้อารมณ์ เกิดขึ้นโดยปราศจากเจตสิกมิได้ จิตและเจตสิกจะเกิดพร้อมกัน ดับพร้อมกัน อาศัยวัตถุเดียวกัน
การที่เราสามารถเรียนแยกจิต-เจตสิกกันได้นั้น ก็ด้วยพระสัพพัญญุตาญาณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เรียนเรื่องจิตกันมามากมาย โดยเรียนจิตด้วยการจำแนกจิตโดยภูมิ แบ่งออกเป็น ๔ ประเภท
- กามาวจรจิต ๕๔ ดวง
- รูปาวจรจิต ๑๕ ดวง
- อรูปาวจรจิต ๑๒ ดวง
- โลกุตตรจิต ๘ หรือ๔๐ ดวง
ทีนี้จิตในแต่ละภูมินี้แตกต่างกันอย่างไรบ้างค่ะโดย ภญ.ธัญนันทน์ เลิศหิรัญวงศ์ [20 ต.ค. 2557 , 11:13:45 น.] ( IP = 27.145.82.120 : : )
สลักธรรม 2
เริ่มจากกามาวจรจิต ๕๔ ดวง อันได้แก่
- อกุศลจิต ๑๒ ดวง
- อเหตุกจิต ๑๘ ดวง
- กามาวจรโสภณจิต ๒๔ ดวง
การคิดพิจารณาว่าจิตเหล่านี้แตกต่างกันอย่างไรบ้าง ก็เอาความรู้เรื่อง ๙ เภทนัยมาช่วยในการวิเคราะห์ โดยไล่เรียง ๙ เภทนัยของกามาวจรจิต ๕๔ ให้ได้ก่อนดังนี้
๑. ชาติเภทนัย...กามาวจรจิต ๕๔ แบ่งเป็น กุศลชาติ อกุศลชาติ วิปากชาติ กิริยาชาติ
๒. ภูมิเภทนัย...กามาวจรจิต ๕๔ เป็นกามาจรภูมิ
๓. โสภณเภทนัย...กามาวจรจิต ๕๔ แบ่งเป็นอโสภณจิต และโสภณจิต
๔. โลกียเภทนัย...กามาวจรจิต ๕๔ เป็นโลกียจิต
๕. เหตุเภทนัย...กามาวจรจิต ๕๔ แบ่งเป็น อเหตุกจิต และสเหตุกจิต
๖. ฌานเภทนัย...กามาวจรจิต ๕๔ เป็นอฌานจิต
๗. เวทนาเภทนัย...กามาวจรจิต ๕๔ ประกอบด้วยเวทนาทั้ง ๕ คือ สุขเวทนา ทุกขเวทนา โสมนัสเวทนา โทมนัสเวทนา และอุเบกขาเวทนา
๘. สัมปโยคเภทนัย...กามาวจรจิต ๕๔ มีสัมปยุตตจิตถึง ๕ อย่างคือ ทิฏฐิคตสัมปยุตตจิต ปฏิฆสัมปยุตตจิต วิจิกิจฉาสัมปยุตตจิต อุทธัจจสัมปยุตตจิต และญาณสัมปยุตตจิต
๙. สังขารเภทนัย...กามาวจรจิต ๕๔ แบ่งเป็น อสังขาริกจิต และสสังขาริกจิตโดย ภญ.ธัญนันทน์ เลิศหิรัญวงศ์ [20 ต.ค. 2557 , 11:34:10 น.] ( IP = 27.145.82.120 : : )
สลักธรรม 3
จากนั้นแล้วเราก็สามารถแยกแยะได้ว่ากามาวจรจิต ๕๔ เหล่านี้ แตกต่างกันอย่างไรบ้าง (ตามภาพ)โดย ภญ.ธัญนันทน์ เลิศหิรัญวงศ์ [20 ต.ค. 2557 , 11:37:32 น.] ( IP = 27.145.82.120 : : )
สลักธรรม 4
รูปาวจรจิต และอรูปาวจรจิต ก็คิดวิเคราะห์ได้ทำนองเดียวกันนะคะ
เพียงแต่ต้องทราบเพิ่มเติมว่า
- รูปาวจรจิต ๑๕ ต่างกันที่องค์ฌาน
- อรูปาวจรจิต ๑๒ จะต่างกันที่อารมณ์
- โลกุตตรจิต มีพระนิพพานเป็นอารมณ์เหมือนกัน แต่ต่างกันที่การประหาณกิเลส จึงแยกออกเป็นโสดาปัตติมรรค/ผล, สกิทาคามิมรรค/ผล, อนาคามิมรรค/ผล, อรหัตตมรรค/ผลโดย ภญ.ธัญนันทน์ เลิศหิรัญวงศ์ [20 ต.ค. 2557 , 11:45:10 น.] ( IP = 27.145.82.120 : : )
สลักธรรม 5
จิต เป็นธรรมชาติที่รู้อารมณ์
เจตสิก เป็นธรรมชาติที่ประกอบกับจิต โดยอาการ ๔ ประการ คือ
๐ เกิดพร้อมกับจิต (เอกุปฺปาท)
๐ ดับพร้อมกับจิต (เอกนิโรธ)
๐ รู้อารมณ์เดียวกับจิต (เอกาลมฺพณ)
๐ อาศัยวัตถุเดียวกับจิต (เอกวัตถุก)
จิตมีมากมายถึง ๘๙ หรือ ๑๒๑ ประเภทโดยพิสดาร การจำแนกจิตไว้เช่นนั้นจำแนกโดยอาศัยการปรุงแต่งของเจตสิกที่เกิดขึ้นพร้อมกับจิตนั้นๆ เป็นต้น
จิตจึงสามารถรู้อารมณ์ได้หลากหลายตามลักษณะของเจตสิกที่เข้าปรุงแต่งจิต แต่หากนับจิตตามสภาวะแล้ว จิตมีเพียง ๑ เท่านั้นคือจิตเป็นธรรมชาติทิ่รู้อารมณ์เท่านั้น
แม้ว่าจิตจะเป็นไปตามเจตสิกที่เข้าประกอบปรุงแต่งจิต ก็ยังจัดว่าจิตเป็นประธานในการรู้อารมณ์
..เจตสิกมีมากมาย และเจตสิกแต่ละประเภทก็มีสภาวะลักษณะที่แตกต่างกัน จึงมิได้นับว่าเจตสิกมี ๑ เช่นเดียวกับจิตที่เมื่อนับตามสภาวะ
แต่ เจตสิกมีมากถึง ๕๒ ประเภทโดยนับตามสภาวะลักษณะของตนๆ แบ่งออก
เป็น ๓ กลุ่มใหญ่ๆ ซึ่งแต่ละกลุ่มก็มีคุณสมบัติในการประกอบกับจิตแตกต่างกันไปโดย ภญ.ธัญนันทน์ เลิศหิรัญวงศ์ [20 ต.ค. 2557 , 11:52:22 น.] ( IP = 27.145.82.120 : : )
สลักธรรม 6
ข้อสำคัญ ...ธรรมชาติที่ชื่อว่าเจตสิกนั้นต้องครบองค์ประกอบทั้ง ๔ ประการ คือ
...เกิดพร้อมกับจิต
...ดับพร้อมกับจิต
...รู้อารมณ์เดียวกับจิต
...อาศัยวัตถุเดียวกับจิต (ยกเว้นจิตในจตุโวการภูมิ)
จะหยิบยกมาเพียงข้อใดข้อหนึ่งไม่ได้ เช่นรูปที่เกิดพร้อมกับจิตมีอยู่ เช่นปฏิสนธิกัมมัชรูปเกิดพร้อมปฏิสนธิจิต เราจะเรียกปฏิสนธิกัมมัชรูปว่าเป็นเจตสิกไม่ได้ เพราะรูปมีอายุเทียบเท่าจิตเกิดดับ ๑๗ ขณะ และรูปก็รู้อารมณ์ไม่ได้
หรือวิญญัติรูป เกิดพร้อมกับจิต ดับพร้อมกับจิต จะมาตู่ว่าเป็นเจตสิกก็ไม่ได้ เพราะรู้อารมณ์ไม่ได้
ดังนั้น ธรรมชาติที่ชื่อว่าเจตสิก ต้องสมบูรณ์ด้วยอาการ ๔ ประการ เกิดพร้อมกับจิต ดับพร้อมกับจิต รู้อารมณ์เดียวกับจิต และอาศัยวัตถุเดียวกับจิต
โดย ภญ.ธัญนันทน์ เลิศหิรัญวงศ์ [20 ต.ค. 2557 , 11:59:58 น.] ( IP = 27.145.82.120 : : )
สลักธรรม 7
เจตสิกเป็นธรรมชาติที่ประกอบกับจิต ปรุงแต่งจิตให้เป็นไปต่างๆนานาตามคุณลักษณะประจำตัวของเจตสิก เป็นเหตุให้จิตแสดงอำนาจเป็นไปตามการปรุงแต่งนั้นๆ
หากเปรียบจิตดั่งน้ำเปล่าบรรจุในแก้ว (จิตต้องมีที่อาศัย) เมื่อน้ำเปล่านั้นถูกปรุงแต่งด้วยสีต่างๆ น้ำนั้นก็จะแปรเปลี่ยนไปตามสีที่เข้าปรุงแต่ง และถูกเรียกชื่อใหม่ เช่น
... สีแดง เข้าปรุงแต่ง น้ำเปล่าก็จะกลายเป็น => น้ำแดง
... สีม่วง เข้าปรุงแต่ง น้ำเปล่าก็จะกลายเป็น => น้ำม่วง
... สีดำ เข้าปรุงแต่ง น้ำเปล่าก็จะกลายเป็น => น้ำดำ
... สีเขียว เข้าปรุงแต่ง น้ำเปล่าก็จะกลายเป็น => น้ำเขียว
จะเห็นว่าน้ำชนิดใหม่ที่เกิดขึ้นทุกชนิดยังคงเรียกชื่อนำหน้าว่า "น้ำ" เฉกเช่นจิตก็จะเรียกชื่อเปลี่ยนไปตามอำนาจของเจตสิกนั้นๆด้วยเช่นกัน เช่น มีเจตสิกกลุ่มโลภะเข้าประกอบปรุงแต่ง ก็เรียกจิตนั้นว่าจิตโลภ เป็นต้นโดย ภญ.ธัญนันทน์ เลิศหิรัญวงศ์ [20 ต.ค. 2557 , 12:04:46 น.] ( IP = 27.145.82.120 : : )
สลักธรรม 8
โดย ภญ.ธัญนันทน์ เลิศหิรัญวงศ์ [20 ต.ค. 2557 , 12:09:05 น.] ( IP = 27.145.82.120 : : )
สลักธรรม 9โดย น้องกิ๊ฟ [21 ต.ค. 2557 , 10:22:05 น.] ( IP = 101.51.142.19 : : )
ขอเชิญแสดงความคิดเห็น คำเตือน
- การแอบอ้างใช้ชื่อบุคคลซึ่งอาจทำให้บุคคลนั้นเกิดความเสียหาย อาจถูกดำเนินคดีทางกฏหมายได้
- การโพสรูปภาพที่ไม่เหมาะสม หรือ ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของภาพ อาจถูกดำเนินคดีทางกฏหมายได้
- หากพบเห็นรูปภาพหรือกระทู้ที่ไม่เหมาะสมสามารถเมล์เข้ามาได้ที่ freewebboard@thaimisc.com โดยระบุ subject "กระทู้ไม่เหมาะสม" พร้อมทั้งระบุ ADDRESS ของเว็บบอร์ด
ผู้ช่วยเหลือ-แหล่งข้อมูล |
[ คีตธรรม ] [ ตารางสี ] [ ค้นหาเพลง ] |
ลานภาพ |
ค้นหา |
สร้างสรรค์โดย http://www.abhidhamonline.org |