มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ

Moonlanithi Vipassana
Meditation
OnlineStudy
thai    english
Article สำนักวิปัสสนา
อ้อมน้อย
กิจกรรม About Us

[ Home ] [ ลานถาม-ตอบปัญหาธรรมะ ] [ ลานกวีธรรม ] [ ลานคิด เล่า เขียน ] [ ลานกลิ่นดอกแก้ว ] [ ค้นหากระทู้ ] [ สมัครสมาชิก ] [ login เข้าระบบ ]


พระเจ้าสิบชาติ ตอน พระมหานารทกัสสปะ




พระมหานารทกัสสปะ ผู้ทรงบำเพ็ญอุเบกขาบารมี



พระเจ้าอังคติราชเป็นกษัตริย์ ครองเมืองมิถิลามหานครในวิเทหรัฐ มีพระราชธิดา พระนามว่ารุจาราชกุมารี มีอำมาตย์ผู้ใหญ่ใกล้ชิด 3 นาย คือ วิชัยอำมาตย์ สุนามอำมาตย์ และอลาตอำมาตย์ พระราชาทรงดำรงอยู่ในธรรมเป็นพระธรรมราชา ทรงบริจาคทาน และรักษาอุโบสถศีลเสมอมา

วันหนึ่งพระองค์เสด็จไปทรงสนทนาธรรม ตามคำแนะนำ ของวิชัยอำมาตย์ และอลาตอำมาตย์ กับคุณาชีวก (อาชีวก ชื่อคุณะ หมายถึงนักบวช ผู้ไม่นุ่งห่มผ้า คือ ชีเปลือย) ผู้มีวาทะว่าขาดสูญ บุญบาปไม่มี โลกอื่นไม่มี สัตว์เสมอเหมือนกันหมด ความเพียรไม่มีผลอะไร ผลแห่งการให้ทานรักษาศีลก็ไม่มี สัตว์เกิดตามกันมาเหมือนเรือนน้อย ห้อยท้ายเรือใหญ่ บิดามารดา ครูอาจารย์ไม่มีบุญคุณอะไร สัตว์ได้ดีได้ชั่วเอง ไม่ต้องทำอะไร ทานนั้นคนโง่เป็นคนให้ ส่วนคนฉลาดมีแต่คอยรับ คนโง่สำคัญตัวว่าฉลาดเป็นผู้ไม่มีอำนาจ ย่อมให้ทานแก่ผู้ฉลาด ทั้งหลาย

รูปกายอันเป็นที่รวมของ ดิน น้ำ ลม ไฟ สุข ทุกข์ และชีวิต 7 อย่างนี้เป็นของเที่ยง ไม่ขาดสูญ ไม่มีใครถูกฆ่าฟันเบียดเบียน เป็นเพียงคมอาวุธชำแรกเข้าไปในระหว่างรูปกาย คนที่ตัดศรีษะผู้อื่นด้วยดาบอันคม ไม่ชื่อว่าเขาฆ่าคนตาย ไม่บาป สุตว์ทุกจำพวก ย่อมเกิดตายว่ายเวียน อยู่ในวัฏสงสารนี่เองตลอด 84 มหากัป เมื่อเกิดตาย เกิดตาย จนครบตามกำหนดนี้ ก็ย่อมบริสุทธิ์เอง ไม่ต้องทำอะไร เพราะเมื่อยังเป็นไปไม่ครบตามกำหนดแล้ว แม้จะประพฤติสำรวมดี ในศีลทานก็บริสุธิ์ไม่ได้ เมื่อยังไม่ถึงเวลา แม้จะกระทำความดีงามมากมาย ก็ไม่บริสุทธิ์ หรือแม้กระทำบาปมากมาย เมื่อเป็นไปตามกำหนดก็บริสุทธิ์ได้ ความบริสุทธิ์ย่อมมีได้เอง เมื่อครบ 84 กัป ไม่ล่วงเลยเขตกำหนดนี้แน่นอน เหมือนคลื่นมหาสมุทร ไม่ล่วงเลยฝั่งไปฉะนั้น

โดย พี่เณร...นำมาฝาก [19 ธ.ค. 2557 , 07:12:24 น.] ( IP = 171.96.177.213 : : ) เก็บกระทู้นี้ไว้ใน Bookmarkส่งกระทู้นี้ให้เพื่อนของคุณ


  สลักธรรม 1

พระเจ้าอังคติราช ทรงเห็นด้วยและทรงเชื่อถือ ตามวาทะของคุณาชีวกนั้น กลายเป็นพระราชามิจฉาทิฐิไป ทรงสั่งให้รื้อโรงทานเลิกบริจาคทาน ไม่รักษาศีลอีกต่อไป ทรงประพฤติปฏิบัติมัวเมาในกามคุณ ทรงสนุกสนานไปตามพระทัยที่ปรารถนา ไม่ทรงสนพระทัยในราชการบ้านเมือง พระราชธิดารุจาราชกุมารี ทรงทราบเรื่อง จึงเสด็จเข้าเฝ้าพระราชบิดา เพื่อที่จะทรงเปลื้องพระองค์ ให้พ้นไปจากความเห็นผิด แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จดังพระประสงค์ จึงทรงอธิฐานขอให้สมณพราหมณ์ เทวดา และมหาพรหม ผู้บริหารรักษาโลก มาช่วยเปลื้องมิจฉาทิฐิจากพระราชา ให้กลับกลายเป็นสัมมาทิฐิด้วย

กาลครั้งนั้น พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติ เป็นท้าวมหาพรหมนามว่า นารทกัสสปโคตร ในวันนั้น พระโพธิสัตว์ทรงตรวจดูโลกด้วยทิพยจักษุ ทอดพระเนตรเห็นพระนางรุจาราชกุมารี และทรงทราบเรื่องทั้งหมด เกี่ยวกับพระราชา ทรงดำริว่า คนอื่นเว้นเราเสียย่อมไม่สามารถ จะปลดเปลื้องพระราชานั้น จากมิจฉาทิฐิได้ วันนี้เราควรจะสงเคราะห์พระธิดา และกระทำความสวัสดีแก่พระราชา จึงเสด็จจากพรหมโลก ไปยังมิถิลานครนั้นในทันที ด้วยเพศแห่งพระฤาษี มีพระรัศมีไพโรจน์โชติช่วง ประหนึ่งดวงจันทร์เพ็ญลอยเด่น อยู่บนเบื้องบนนภากาศ แล้วเสด็จสู่พื้นจันทกปราสาท ประทับยืนอยู่ ณ เบื้องพระพักต์พระราชา

โดย พี่เณร...นำมาฝาก [19 ธ.ค. 2557 , 07:13:56 น.] ( IP = 171.96.177.213 : : )


  สลักธรรม 2

พระเจ้าอังคติราช ทอดพระเนตรเห็นพระฤาษี ผู้มีฤทธิ์ก็ทรงหวาดหวั่นพระทัย จึงเสด็จลงจากพระราชอาสน์ แล้วตรัสถามความเป็นมา เมื่อทรงทราบว่าเป็นพระพรหมนารทะ เสด็จมาเพื่อจะทรงอนุเคราะห์พระองค์ จึงทรงถามว่า " ท่านนารทะ การที่ท่านสามารถยืน และเหาะไปมาได้ในอากาศ ช่างน่ามหัศจรรย์ เพราะเหตุอะไรหนอท่านจึงมีฤทธิ์มากเช่นนี้ "

พระนารทฤาษี จึงทูลว่า " คุณธรรม 4 ประการ คือ สัจจะ ธรรมะ ทมะ และจาคะ อาตมภาพได้ทำไว้ในชาติก่อน เพราะคุณธรรมที่ได้ประพฤติ ปฏิบัติมาดีแล้วนั่นแล อาตมภาพจึงไปไหนๆ ได้ตามความปรารถนาโดยรวดเร็วทันใจ " (ธรรม 4 ประการ คือ ความจริง วาจา สุจริต 3 การฝึกตน และการสละไทยธรรม และการสละกิเลส) จากนั้นได้ทูลตอบปัญหา ของพระราชาต่อไปว่า " ที่กล่าวกันว่าเทวดามี มารดา บิดามี(บุญคุณ) และปรโลก(โลกอื่น) มีนั้น เป็นความจริงแน่นอน แต่คนผู้หลงงมงายในกามย่อมไม่รู้จักปรโลก "

พระเจ้าอังคติราช ตรัสว่า " ท่านนารทะ ถ้าท่านเชื่อว่าปรโลกมีจริง ก็ต้องมีที่ตั้งอยู่แน่นอน สัตว์ที่ตายแล้ว ก็ต้องไปอยู่ที่นั่นแน่นอน ขอท่านจงให้เงินข้าพเจ้ายืมสัก 500 เมื่อข้าพเจ้าไปสู่ปรโลกแล้ว ข้าพเจ้าจะใช้คืนท่าน 1,000 ทีเดียว "

พระนารทฤาษี จึงกล่าวว่า " ถ้าอาตมภาพรู้ว่ามหาบพิตรให้ทานรักษาศีล อาตมภาพก็จะให้มหาบพิตรยืมสัก 500 แต่พระองค์เป็นคนหยาบช้า เมื่อทรงจุติจากโลกนี้แล้ว จะต้องไปอยู่ใน(ปรโลก) นรก ใครจะไปทวงทรัพย์ 1,000 ในปรโลกเล่า ผู้ใดในโลกนี้ เป็นคนไม่มีศีลธรรม ประพฤติชั่ว เกรียจคร้าน มีกรรมหยาบช้า บัณฑิตย่อมไม่ให้ผู้นั้นกู้หนี้ เพราะจะไม่ได้ทรัพย์คืนจากคนเช่นนั้น

ส่วนบุคคลผู้ขยันหมั่นเพียร มีศีล ทาน คนทั้งหลายย่อมนำทรัพย์มามอบให้เอง ด้วยคิดว่าผู้นี้ทำการงานเสร็จแล้ว พึงนำมาใช้คืนให้แน่นอน "

พระนารทฤาษี กราบทูลว่า " ขอถวายพระพร ถ้าพระองค์ไม่ทรงละมิจฉาทิฐิ ยังคงทรงประพฤติ ปฏิบัติเช่นนี้ต่อไป ก็จักต้องเสด็จสู่นรกแน่นอน " แล้วแสดงเรื่องราวของนรกภูมิ เป็นอันมาก เป็นต้นว่า...

โดย พี่เณร...นำมาฝาก [19 ธ.ค. 2557 , 07:16:43 น.] ( IP = 171.96.177.213 : : )


  สลักธรรม 3

" ขอถวายพระพร เมื่อพระองค์ทรงจุติจากภพนี้แล้ว จักเสด็จไปอยู่ในนรกนั้น ใครเล่าจะไปทวงทรัพย์ 1,000 กับพระองค์ผู้อยู่ในนรกในปรโลก ถูกฝูงแร้ง กา สุนัขรุมกัดกินตัวขาด กระจัดกระจายเลือดไหลโซม ฯลฯ "

พระเจ้าอังคติราช ทรงสดับเรื่องราวของนรกแล้ว ทรงสะดุ้งพระทัยประหนึ่งว่า ขุมนรกเหล่านั้น รอคอยพระองค์อยู่ไม่ไกล จึงตรัสว่า พระองค์มืดบอดไปไม่รู้ทิศ พอฟังภาษิตของท่านนารทะจึงสว่างไสว ขอพระฤาษีเป็นที่พึ่ง ประหนึ่งน้ำสำหรับแก้กระหาย ในเวลาร้อน ประหนึ่งเกาะเป็นที่อาศัยในมหาสมุทร และเป็นประทีปสำหรับส่องสว่าง ในที่มืด ขอจงช่วยบอกทางบริสุทธิ์ ที่จะพึงพ้นจากนรกด้วยเถิด

พระนารทฤาษีโพธิสัตว์ จึงทูลขอให้พระราชาทรงบำรุงสมณพราหมณ์ ทรงประพฤติ ปฏิบัติในสิ่งที่เป็นธรรม เว้นอธรรมเสีย ให้ทรงบริจาคทาน รักษาศีล มีพระเมตตากรุณาแก่ชนทั้งปวง แล้วตรัสว่า

โดย พี่เณร...นำมาฝาก [19 ธ.ค. 2557 , 07:18:12 น.] ( IP = 171.96.177.213 : : )


  สลักธรรม 4

" มหาบพิตรจงทรงสำคัญพระวรกาย ของพระองค์ว่าเป็นดังรถ อันมีใจเป็นสารถี กระปรี้กระเปร่า มีอวิหิงสาเป็นเพลาเรียบร้อยดี มีการบริจาคเป็นหลังคา สำรวมเท้าเป็นกงกำ สำรวมมือเป็นพระพอง สำรวมท้องเป็นน้ำมันหยด สำรวมวาจาเป็นความสงบเงียบ กล่าวคำสัตย์เป็นองค์รถบริบรูณ์ ไม่กล่าวคำส่อเสียด เป็นการเข้าหน้าไม้อันสนิท กล่าวคำอ่อนหวาน เป็นเครื่องรถอันเกลี้ยงเกลา กล่าวพอประมาณเป็นเครื่องผูก มีศรัทธาและอโลภะเป็นเครื่องประดับ การถ่อมตัวเป็นทูบ ความไม่กระด้างเป็นงอนรถ มีศีลเป็นเชือกขันชะเนาะ ไม่โกรธเป็นอาการไม่กระเทือน กุศลธรรมเป็นเศวตฉัตร มีพาหุสัจจะเป็นสายพาน จิตมั่นคงเป็นที่มั่น รู้จักกาลเป็นแก่น ความแกล้วกล้าเป็นไม้ค้ำ ความถ่อมตนเป็นเชือกขันแอก ไม่เย่อหยิ่งเป็นแอกเบา จิตไม่หดหู่เป็นเครื่องลาด คบคนเจริญเป็นเครื่องกำจัดธุลี มีสติของนักปราชญ์เป็นปฏัก มีความเพียรเป็นสายบังเหียน มีใจที่ฝึกฝนดีแล้วเป็นเครื่องนำทาง ความปรารถนา และความโลภเป็นทางคด ความสำรวมเป็นทางตรง

ขอถวายพระพร ปัญญาเป็นเครื่องกระตุ้นเตือนม้า ในรถคือพระวรกายของมหาบพิตร ที่กำลังแล่นไปในรูป เสียง กลิ่น รส พระองค์นั่นแลเป็นสารถี ถ้าความประพฤติชอบ และความเพียรมั่นมีอยู่ด้วยยานนี้ รถนั้นจะให้สิ่งที่น่าใคร่ทุกอย่าง จะไม่นำไปเกิดในนรก "

พระนารทฤาษีแสดงธรรม ให้พระเจ้าอังคติราชทรงละมิจฉาทิฐิ ดำรงอยู่ในสัมมาทิฐิแล้ว กล่าวถวายโอวาทอีกว่า ตั้งแต่นี้ไปพระองค์จงละปาปมิตร เข้าใกล้กัลยาณมิตร ดำรงพระชนม์ อยู่ด้วยความไม่ประมาทเถิด แล้วพรรณนาคุณพระนางรุจาราชธิดา ให้โอวาทแก่ประชาชนทั้งปวง แล้วเหาะไปพรหมโลก

พระเจ้าอังคติราชทรงอยู่ในโอวาทพระนารทโพธิสัตว์ ปฏิบัติบำเพ็ญทาน ศีล เป็นต้นอย่างสม่ำเสมอ เมื่อสิ้นพระชนม์ได้เสด็จไปสู่เทวโลกนั่นแล


รอติดตามอ่านเรื่อง วิธุรบัณฑิต ต่อไปนะครับ


โดย พี่เณร...นำมาฝาก [19 ธ.ค. 2557 , 07:21:34 น.] ( IP = 171.96.177.213 : : )


  สลักธรรม 5

โดย น้องกิ๊ฟ [19 ธ.ค. 2557 , 14:12:22 น.] ( IP = 113.53.89.96 : : )

ขอเชิญแสดงความคิดเห็น
จาก : *
Code :
กรุณากรอก Code ตัวเลขด้านบน *
อีเมล์ : หากไม่ต้องการให้เว้นว่าง
รูปภาพ : ไม่เกิน 150KB
รายละเอียด :
Icon Toy
Special command

* *
กรุณาคลิ๊ก Post message เพียงครั้งเดียว.... 

คำเตือน
  • การแอบอ้างใช้ชื่อบุคคลซึ่งอาจทำให้บุคคลนั้นเกิดความเสียหาย อาจถูกดำเนินคดีทางกฏหมายได้
  • การโพสรูปภาพที่ไม่เหมาะสม หรือ ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของภาพ อาจถูกดำเนินคดีทางกฏหมายได้
  • หากพบเห็นรูปภาพหรือกระทู้ที่ไม่เหมาะสมสามารถเมล์เข้ามาได้ที่ freewebboard@thaimisc.com โดยระบุ subject "กระทู้ไม่เหมาะสม" พร้อมทั้งระบุ ADDRESS ของเว็บบอร์ด

ผู้ช่วยเหลือ-แหล่งข้อมูล

[ คีตธรรม ] [ ตารางสี ] [ ค้นหาเพลง ]

ลานภาพ

อบรมวิปัสสนา

ค้นหา

ค้นหา-GooGle

สร้างสรรค์โดย a2.gif (164 bytes) http://www.abhidhamonline.org