มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ

Moonlanithi Vipassana
Meditation
OnlineStudy
thai    english
Article สำนักวิปัสสนา
อ้อมน้อย
กิจกรรม About Us

[ Home ] [ ลานถาม-ตอบปัญหาธรรมะ ] [ ลานกวีธรรม ] [ ลานคิด เล่า เขียน ] [ ลานกลิ่นดอกแก้ว ] [ ค้นหากระทู้ ] [ สมัครสมาชิก ] [ login เข้าระบบ ]


มิจฉาทิฐิ (ตอนที่๗)




มิจฉาทิฐิ (ความเห็นผิด)




ตอนที่ (๖) อ่านที่นี่

ทิฐิข้อที่ ๑๗-๑๘

อธิจจสมุปปันนิกาทิฐิ ๒ ชนิด (เห็นผิดว่า ตน และโลกเกิดขึ้นลอย ๆ)

อธิจจสมุปปันนิกาทิฐิ คือความเห็นผิดตนและโลกเกิดขึ้นลอย ๆ ของสมณพราหมณ์ ๒ จำพวก ซึ่งบัญญัติขึ้นด้วยอาศัยเหตุคนละอย่าง

๑๗(๑) ชนิดแรกของอธิจจสมุปปันนิกาทิฐิ

สมณพราหมณ์จำพวกที่ ๑ นั้น เดิมเป็นอสัญญีเทพเจ้า ได้จุติมาจากอสัญญีเทพเจ้าเพราะความเกิดขึ้นแห่งสัญญาแล้วมาเกิดเป็นมนุษย์ ได้ออกบวชบำเพ็ญเพียรสำเร็จเจโตสมาธิ ระลึกชาติหนหลังได้เพียงชาติที่เกิดเป็นอสัญญีเทพเจ้าเท่านั้น ระลึกเลยนั้นไปไม่ได้เขาจึงกล่าวว่า ตนและโลกเกิดขึ้นลอย ๆ เพราะเหตุว่าเมื่อก่อนเราไม่เกิดเป็นอะไร บัดนี้ก็ชื่อว่าเราไม่เป็นอะไร เพราะเราสงบแล้ว แก่ถ้วนแล้ว ดังนี้

๑๘(๒) ชนิดที่ ๒ ของอธิจจสมุปปันนิกาทิฐิ

สมณพราหมณ์จำพวกที่ ๒ นั้นตรึกตรองเอาเองแล้วกล่าวว่า ตนและโลกเกิดขึ้นลอย ๆ ดังนี้

โดย เทพธรรม...นำเสนอ [27 ม.ค. 2558 , 06:48:17 น.] ( IP = 171.96.179.110 : : ) เก็บกระทู้นี้ไว้ใน Bookmarkส่งกระทู้นี้ให้เพื่อนของคุณ


  สลักธรรม 1

ทิฐิข้อที่ ๑๙-๓๔

สัญญีวาททิฐิ ๑๖.. เห็นผิด ๑๖ ชนิดเกี่ยวกับตัวตนไม่เสื่อมสลายตายแล้วมีสัญญา”

สัญญีวาททิฐิ ๑๖ นั้นได้แก่ความเห็นผิดว่าตนตายแล้วมีสัญญา (การจดจำ) อยู่หมายความว่า เห็นผิดในตัวตน (อัตตา) ว่าเที่ยงแท้ไม่เสื่อมสลาย เมื่อตายแล้วมีวิญญาณเที่ยงอยู่ซึ่งมีสัญญาคือการจดจำเที่ยงอยู่ การเห็นผิดเช่นนี้มี ๑๖ ชนิดดังนี้

๑๙(๑) เห็นผิดว่า ตัวตนมีรูปผู้ที่สำเร็จรูปกสิณ คือผู้มีสมาธิจนได้ฌานโดยอาศัยรูปกสิณ เป็นผู้ไม่มีโรค คือ เป็นผู้เที่ยงยั่งยืนถึงร่างกายตายแล้วก็ยังมีสัญญาอยู่ มีวิญญาณเที่ยงอยู่

๒๐(๒) เห็นผิดว่า ตัวตนไม่มีรู้ คือผู้สำเร็จรูปฌานตายแล้วมีสัญญา มีวิญญาณเที่ยงอยู่

๒๑(๓) เห็นผิดว่า ตนมีรูปและไม่มีรูป คือผู้สำเร็จรูปกสิณ และผู้สำเร็จรูปฌาณ ตายแล้วมีสัญญา มีวิญญาณเที่ยงอยู่

๒๒(๔) เห็นผิดว่า ตัวตนมีรูปก็ไม่ใช่ ไม่มีรูปก็ไม่ใช่ ซึ่งได้แก่ผู้สำเร็จแนวสัญญานาสัญญายตนฌาณตายแล้ว มีสัญญา มีจิตวิญญาณเที่ยงอยู่

๒๓(๕) เห็นผิดว่า ตัวตนไม่มีที่สิ้นสุด คือ ผู้ที่ถือว่าโลกไม่มีที่สุด ตายแล้วมีวิญญาณเที่ยงอยู่

โดย เทพธรรม...นำเสนอ [27 ม.ค. 2558 , 06:50:23 น.] ( IP = 171.96.179.110 : : )


  สลักธรรม 2

ทิฐิข้อที่ ๑๙-๓๔

สัญญีวาททิฐิ ๑๖.. เห็นผิด ๑๖ ชนิดเกี่ยวกับตัวตนไม่เสื่อมสลายตายแล้วมีสัญญา”

สัญญีวาททิฐิ ๑๖ นั้นได้แก่ความเห็นผิดว่าตนตายแล้วมีสัญญา (การจดจำ) อยู่หมายความว่า เห็นผิดในตัวตน (อัตตา) ว่าเที่ยงแท้ไม่เสื่อมสลาย เมื่อตายแล้วมีวิญญาณเที่ยงอยู่ซึ่งมีสัญญาคือการจดจำเที่ยงอยู่ การเห็นผิดเช่นนี้มี ๑๖ ชนิดดังนี้

๑๙(๑) เห็นผิดว่า ตัวตนมีรูปผู้ที่สำเร็จรูปกสิณ คือผู้มีสมาธิจนได้ฌานโดยอาศัยรูปกสิณ เป็นผู้ไม่มีโรค คือ เป็นผู้เที่ยงยั่งยืนถึงร่างกายตายแล้วก็ยังมีสัญญาอยู่ มีวิญญาณเที่ยงอยู่

๒๐(๒) เห็นผิดว่า ตัวตนไม่มีรู้ คือผู้สำเร็จรูปฌานตายแล้วมีสัญญา มีวิญญาณเที่ยงอยู่

๒๑(๓) เห็นผิดว่า ตนมีรูปและไม่มีรูป คือผู้สำเร็จรูปกสิณ และผู้สำเร็จรูปฌาณ ตายแล้วมีสัญญา มีวิญญาณเที่ยงอยู่

๒๒(๔) เห็นผิดว่า ตัวตนมีรูปก็ไม่ใช่ ไม่มีรูปก็ไม่ใช่ ซึ่งได้แก่ผู้สำเร็จแนวสัญญานาสัญญายตนฌาณตายแล้ว มีสัญญา มีจิตวิญญาณเที่ยงอยู่

๒๓(๕) เห็นผิดว่า ตัวตนไม่มีที่สิ้นสุด คือ ผู้ที่ถือว่าโลกไม่มีที่สุด ตายแล้วมีวิญญาณเที่ยงอยู่

โดย เทพธรรม...นำเสนอ [27 ม.ค. 2558 , 06:52:07 น.] ( IP = 171.96.179.110 : : )


  สลักธรรม 3

๒๔(๖) เห็นผิดว่า ตัวตนไม่มีที่สุด คือผู้ที่ถือว่าโลกไม่มีที่สุด ตายแล้วมีสัญญามีวิญญาณเที่ยงอยู่

๒๕(๗) เห็นผิดว่า ตัวตนมีที่สุดและไม่มีที่สุด คือผู้ที่ถือว่าโลกมีที่สุด และไม่มีที่สุดตายแล้ว มีสัญญา มีวิญญาณเที่ยงอยู่

๒๖(๘) เห็นผิดว่า ตัวตนมีที่สุดก็ไม่ใช่ ไม่มีที่สุดก็ไม่เชิง คือผู้ที่ถือว่า โลกมีที่สุดก็ไม่ใช่ ไม่มีที่สุดก็ไม่ใช่ ตายแล้วมีสัญญา มีวิญญาณเที่ยงอยู่

๒๗(๙) เห็นผิดว่า ตัวตนมีสัญญาอย่างเดียวผู้ที่มีจิตที่มีอารมณ์อย่างเดียว ได้แก่ผู้มีฌาน ที่ ๓ และที่ ๔ ตายแล้ว มีสัญญามีวิญญาณเที่ยงอยู่

๒๘(๑๐) เห็นผิดว่า ตัวตนมีสัญญาต่างคือ ผู้ที่ไม่ได้ฌานที่ ๓-๔ และตายแล้วมีสัญญามีวิญญาณเที่ยงอยู่

๒๙(๑๑) เห็นผิดว่า ตัวตนมีสัญญาน้อย คือผู้ที่เจริญกสิญได้น้อย ตายแล้วมีสัญญามีวิญญาณเที่ยงอยู่

๓๐(๑๒) เห็นผิดว่า ตัวตนมีสัญญามาร ไม่มีประมาณ คือผู้ที่เจริญกสิณ ได้มากตายแล้วมีสัญญามีวิญญาณเที่ยงอยู่

โดย เทพธรรม...นำเสนอ [27 ม.ค. 2558 , 06:53:57 น.] ( IP = 171.96.179.110 : : )


  สลักธรรม 4

๓๑(๑๓)เห็นผิดว่า ตัวตนมีสุขอย่างเดียว คือผู้ที่เกิดในเวหัปผลาพรหมตายแล้วมีสัญญามีวิญญาณเที่ยงอยู่

๓๒(๑๔) เห็นผิดว่า ตัวตนมีทุกข์อย่างเดียว คือผู้ที่เกิดในนรก ซึ่งมีทุกข์อย่างเดียวตายแล้วมีสัญญามีวิญญาณเที่ยงอยู่

๓๓(๑๕) เห็นผิดว่า ตัวตนมีทั้งสุขและทุกข์ คือมนุษย์ซึ่งมีทั้งสุขและทุกข์ตายแล้วมีสัญญา มีวิญญาณเที่ยงอยู่

๓๔(๑๖) เห็นผิดว่า ตัวตนไม่มีทั้งสุขและทุกข์ คือ พรหมที่เกิดในฌาน ที่มีแต่อุเบกขาตายแล้วมีสัญญา มีวิญญาณเที่ยงอยู่

ทิฐิข้อที่ ๓๕-๔๒

อสัญญีวาท ๘ ทิฐิ.. “ความเห็นผิด ๘ ชนิด เกี่ยวกับตัวตนไม่มีสัญญา ตายแล้วไม่มีสัญญา”

อสัญญีวาททิฐิ ๘ ชนิด คือ ความเห็นผิด ๘ ชนิดว่า ตัวตนไม่มีสัญญา ตายแล้วไม่มีสัญญามีอยู่ ๘ ชนิดดังนี้

๓๕(๑) เห็นผิดว่า ตัวตนมีรูป เที่ยงแท้ ตายแล้ว ไม่มีสัญญา

๓๖(๒) เห็นผิดว่า ตัวตนไม่มีรูป เที่ยงแท้ ตายแล้ว ไม่มีสัญญา

๓๗(๓) เห็นผิดว่า ตัวตนมีรูป และไม่มีรูป เที่ยงแท้ ตายแล้ว ไม่มีสัญญา

๓๘(๔) เห็นผิดว่า ตัวตนมีรูป ก็ไม่ใช่ ไม่มีรูปก็ไม่เชิง เที่ยงแท้ ตายแล้ว ไม่มีสัญญา

๓๙(๕) เห็นผิดว่า ตัวตนมีที่สุด เที่ยงแท้ ตายแล้ว ไม่มีสัญญา

๔๐(๖) เห็นผิดว่า ตัวตนที่ไม่มีที่สุด เที่ยงแท้ ตายแล้วไม่มีสัญญา

๔๑(๗) เห็นผิดว่า ตัวตนทั้งที่มีที่สุด และทั้งที่ไม่มีที่สุด เที่ยงแท้ ตายแล้วไม่มีสัญญา

๔๒(๘) เห็นผิดว่า ตัวตนทั้งที่มีที่สุดก็ไม่ใช่ ทั้งที่ไม่มีที่สุดก็ไม่เชิง เที่ยงแท้ ตายแล้ว ไม่มีสัญญา

โดย เทพธรรม...นำเสนอ [27 ม.ค. 2558 , 06:56:38 น.] ( IP = 171.96.179.110 : : )


  สลักธรรม 5

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สมณพราหมณ์เหล่านั้น มีวาทะว่า หลังแต่ความตาย อัตตาไม่มีสัญญา ย่อมบัญญัติว่า หลังแต่ความตายอัตตาไม่มีสัญญา ด้วยวัตถุ ๘ เหล่านี้แล

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มีสมณะหรือพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีวาทะว่า หลังแต่ความตาย อัตตาไม่มีสัญญา ย่อมบัญญัติว่าหลังแต่ความตาย อัตตาไม่มีสัญญา ย่อมบัญญัติว่า หลังแต่ความตาย อัตตาไม่มีสัญญา สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นทั้งหมด ย่อมบัญญัติด้วยวัตถุ ๘ นี้เท่านั้น หรือด้วยอย่างใดอย่างหนึ่ง ใน ๘ อย่างนี้ นอกจากนี้ไม่มี

คำตรัสตอนท้ายของกลุ่มทิฐิเหล่านี้

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรื่องนี้ตถาคตรู้ชัดว่า ฐานะเป็นที่ตั้งแห่งวาทะเหล่านี้ บุคคลถืออย่างนั้นแล้ว ยึดอย่างนั้นแล้ว ย่อมมีคติอย่างนั้น มีภพเบื้องหน้าอย่างนั้น อนึ่งตถาคตย่อมรู้เหตุนั้นชัด และรู้ชัดยิ่งขึ้นไปกว่านั้น ทั้งไม่ยึดมั่นความรู้ชัดนั้นด้วย และเมื่อไม่ยึดมั่น ตถาคตก็รู้ความดับสนิทเฉพาะตน รู้ความเกิด ความดับ คุณโทษ แห่งเวทนาทั้งหลาย กับอุบายเป็นเครื่องออกไปจากเวทนาเหล่านั้น ตามความเป็นจริง เพราะไม่ยึดมั่น ตถาคตจึงหลุดพ้น

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมเหล่านี้แลที่ลึกซึ้ง เห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก สงบ ประณีต จะคาดคะเนเอาไม่ได้ ละเอียดรู้ได้เฉพาะบัณฑิต ที่ตถาคตทำให้แจ้งด้วยปัญญารู้ยิ่งเอง แล้วสอนผู้อื่นให้รู้แจ้ง อันเป็นเหตุให้คนทั้งหลายกล่าวชมตถาคตตามความเป็นจริงโดยชอบ

โปรดติดตามตอนต่อไป


โดย เทพธรรม...นำเสนอ [27 ม.ค. 2558 , 06:59:08 น.] ( IP = 171.96.179.110 : : )

ขอเชิญแสดงความคิดเห็น
จาก : *
Code :
กรุณากรอก Code ตัวเลขด้านบน *
อีเมล์ : หากไม่ต้องการให้เว้นว่าง
รูปภาพ : ไม่เกิน 150KB
รายละเอียด :
Icon Toy
Special command

* *
กรุณาคลิ๊ก Post message เพียงครั้งเดียว.... 

คำเตือน
  • การแอบอ้างใช้ชื่อบุคคลซึ่งอาจทำให้บุคคลนั้นเกิดความเสียหาย อาจถูกดำเนินคดีทางกฏหมายได้
  • การโพสรูปภาพที่ไม่เหมาะสม หรือ ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของภาพ อาจถูกดำเนินคดีทางกฏหมายได้
  • หากพบเห็นรูปภาพหรือกระทู้ที่ไม่เหมาะสมสามารถเมล์เข้ามาได้ที่ freewebboard@thaimisc.com โดยระบุ subject "กระทู้ไม่เหมาะสม" พร้อมทั้งระบุ ADDRESS ของเว็บบอร์ด

ผู้ช่วยเหลือ-แหล่งข้อมูล

[ คีตธรรม ] [ ตารางสี ] [ ค้นหาเพลง ]

ลานภาพ

อบรมวิปัสสนา

ค้นหา

ค้นหา-GooGle

สร้างสรรค์โดย a2.gif (164 bytes) http://www.abhidhamonline.org