มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ

Moonlanithi Vipassana
Meditation
OnlineStudy
thai    english
Article สำนักวิปัสสนา
อ้อมน้อย
กิจกรรม About Us

[ Home ] [ ลานถาม-ตอบปัญหาธรรมะ ] [ ลานกวีธรรม ] [ ลานคิด เล่า เขียน ] [ ลานกลิ่นดอกแก้ว ] [ ค้นหากระทู้ ] [ สมัครสมาชิก ] [ login เข้าระบบ ]


เมื่อท่านตายแล้วท่านจะไปไหน..๖




ในพระพุทธศาสนาจะได้แสดงถึงกาลมรณะ อันหมายถึงคราวที่จะต้องตาย และอกาลมรณะ ได้แก่ตายลงไปโดยที่ยังไม่ถึงเวลาก็จริง ก็มิได้กล่าวไว้เฉยๆหากแต่ได้ให้เหตุผลข้อเท็จจริงไว้พร้อมบริบูรณ์
ซึ่งจำเป็นต้องศึกษาเรื่อง มรณุปฺปตฺติจตุกฺกจึงจะเข้าใจได้
มรณุปฺปตฺติจตุกฺก แยกออกแล้วได้ ๓ บท คือ
มรณ + อุปฺปตฺติ+ จตุก มรณ = ความตาย อุปฺปตฺติ = ความเกิดขึ้น จตุกฺก = มี ๔
แปลว่า การเกิดขึ้นของความตายมี ๔ อย่าง

โดย เทพธรรม..นำมาฝาก [4 ก.ย. 2558 , 10:07:14 น.] ( IP = 171.97.27.5 : : ) เก็บกระทู้นี้ไว้ใน Bookmarkส่งกระทู้นี้ให้เพื่อนของคุณ


  สลักธรรม 1

เหตุที่จะให้ความตายเกิดขึ้น ๔ อย่าง นั้น ก็คือ..

๑. อายุกฺขยมรณ เพราะสิ้นอายุ

๒. กมฺมกฺขยมรณ เพราะสิ้นกรรม

๓. อุภยกฺขยมรณ เพราะสิ้นอายุ และ สิ้นกรรม

๔. อุปจฺเฉทกมรณ เพราะประสบอุบัติเหตุทั้งๆที่กรรมยังไม่สิ้น


ถ้าจะเปรียบเทียบการตายของสัตว์ทั้งหลายแล้ว ก็เหมือนกับโคมไฟ ที่ได้จุดไว้ตามบ้านเรือน

โคมไฟดังกล่าวนี้ย่อมจะต้องดับลงได้ด้วยเหตุ ๔ ประการ คือ เพราะหมดไส้ไฟจึงดับอย่างหนึ่ง , เพราะหมดน้ำมันไฟก็ย่อมจะดับอย่างหนึ่ง , เพราะหมดทั้งไส้ทั้งน้ำมันทั้งสองอย่างไฟจึงดับอย่างหนึ่ง และเพราะโดนลมพัดหรืออะไรทับ ไฟจึงดับอีกอย่างหนึ่ง <รวมเป็น ๔ ประการด้วยกัน

โดย เทพธรรม..นำมาฝาก [4 ก.ย. 2558 , 10:55:33 น.] ( IP = 171.97.27.5 : : )


  สลักธรรม 2

๑. อายุกฺขยมรณ
“อายูโนขยํ = อายุกฺขยํ” = ความสิ้นแห่งอายุขัย ชื่อว่า อายุกฺขย

“อายกฺขเยน มรณํ = อายุกฺขยมรณํ” ความตายเพราะสิ้นอายุขัย..ชื่อว่าอายุกฺขยมรณะ

ตามธรรมดาสัตว์ทั้งหลายย่อมจะต้องมีอายุขัยของตน.. ไม่ว่าจะเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน.. เปรต ....อสูรกาย... มนุษย์.. หรือเทวดาก็ตาม...

เช่น สัตว์เดรัจฉาน มีนก หนู สุนัข แมว ช้าง ม้า ปลาวาฬ เป็นต้น ย่อมจะมีขอบเขตสูงสุดของอายุ แม้จะมีบางพวกอายุมากก็จะเกินขัยสูงสุดไปไม่มากนัก
นก สุนัข แมว ก็จะมีอายุประมาณ ๑๐ ถึง ๑๕ ปี
เต่ามีอายุประมาณ ๑๐๐ ถึง ๒๐๐ ปี เป็นต้น

สำหรับมนุษย์นั้น เมื่อ ๒๕๐๐ ปีเศษมาแล้ว มีขัยอายุสูงสุด ๑๐๐ หรือ ๑๐๐ ปีเป็นอายุขัย แต่ในปัจจุบันนี้ ขัยอายุของมนุษย์ลดลงเหลือเพียง ๗๕ ปีเท่านั้นเอง

โดย เทพธรรม..นำมาฝาก [4 ก.ย. 2558 , 10:56:55 น.] ( IP = 171.97.27.5 : : )


  สลักธรรม 3

อายุของมนุษย์จะสั้นหรือยาวก็ตาม.. ย่อมจะต้องอาศัยอำนาจของกรรมที่ได้ทำมาตั้งแต่ในอดีตเป็นส่วนสำคัญ

ด้วยเหตุดังนี้ ผู้ที่มีอายุยืนหรืออายุน้อย จึงเกิดขึ้นมาจากสาเหตุ และเหตุนั้นก็คือ การมีศีล เว้นจากการฆ่าสัตว์ หรือเว้นจากการเบียดเบียนในชีวิตผู้อื่น และการทำบุญให้ทานเจือจานให้ชีวิตของผู้อื่นได้ยืนยาวออกไป หรือช่วยให้ผู้อื่นรอดจากความตาย.. เช่นการรักษาโรคภัยไข้เจ็บด้วยความมีน้ำใจ ทำให้อายุยืนยาว

และการที่ได้เบียดเบียนชีวิตซึ่งกันและกันที่เกิดขึ้นในอดีตชาติ ทำให้อายุถดถอยสั้นลง มีคนหลายคนบ่นว่า ญาติมิตรของเขาไม่ได้ทำบาปอะไรมาเลย ไม่ได้เบียดเบียนไม่ได้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตมาก่อน แต่เหตุไฉนจึงได้ป่วยเจ็บออดแอด และถึงแก่ความตายในเมื่ออายุยังไม่สมควร

ผู้ที่เข้าใจดังนี้ก็มีมากเหมือนกัน แต่ความคิดเห็นดังนี้ไม่เป็นการถูกต้องตามสภาวธรรม.. เพราะกรรมปัจจุบันในชาตินี้ เป็นทิฏฐธรรมเวทนียกรรม เป็นชวนะดวงที่ ๑มีกำลังอ่อน ย่อมจะให้ผลได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

กรรมที่ทำในอดีตชาติต่างหากที่เข้ามาให้ผลและไม่จำเป็นด้วยว่าต้องเป็นชาติที่แล้วมาเท่านั้น อาจเป็นชาติในๆเข้าไปก็ได้

โดย เทพธรรม..นำมาฝาก [4 ก.ย. 2558 , 10:58:38 น.] ( IP = 171.97.27.5 : : )


  สลักธรรม 4

การให้ผลของกรรมนั้น มีความละเอียดลออทั้งซับซ้อนมากอยู่

ดังนั้นจึงได้เป็นเหตุให้ผู้ที่ไม่ได้ศึกษาเล่าเรียนพระอภิธรรมมาให้พอเข้าใจ คิดไปว่าผลของกรรมในชาตินี้ให้ผลได้มากจริงๆ แล้วก็ยกตัวอย่างที่เป็นจริงที่มองเห็นผู้ประพฤติปฏิบัติความชั่วร้ายในปัจจุบัน แล้วก็ได้รับผลในปัจจุบันขึ้นมาอ้าง

เช่น ผู้ร้ายจี้หรือปล้นต้องได้รับโทษถูกจับกุมคุมขัง แต่ผู้ที่มิได้ถูกจับกุมคุมขังก็มี แต่มิได้คิด ผู้คดโกงมามากแล้วก็ล่มจม....... แต่ผู้ร่ำรวยมากมีความสุขมากก็มิได้เอ่ยถึง ผู้ฆ่าสัตว์มามากต้องอาวุธสิ้นชีวิต โดยมิได้คิดถึงผู้ที่ทำลงไปแล้วแต่ไม่มีผลอะไรเลยก็มีอยู่ โดยทอดทิ้งกุศลกรรมอันเป็นตัวการสำคัญที่เขาได้ทำมาในอดีตเสียสิ้น

ความจริงอำนาจของกรรมของบุคคลผู้ซึ่งเบียดเบียนทำให้ชีวิตของสัตว์ต้องตกล่วงไปในอดีตชาติย่อมจะสนับสนุนให้ผู้นั้นมีชีวิตไม่ยืนยาว

และบุคคลซึ่งมีความเมตตา กรุณา เอื้อเฟื้อเจือจานผู้อื่น หรือช่วยให้ชีวิตของผู้อื่นรอดและปลอดภัยในอดีตชาติย่อมจะมาเป็นกำลังอุดหนุนให้บุคคลนั้นมีอายุยืนยาว.. เรื่องนี้มองเห็นได้ยากจะต้องศึกษาเรื่องของกรรมจากพระอภิธรรมปิฎกจนมีความเข้าใจจึงจะหายสงสัยได้

ด้วยเหตุดังนี้เอง ..ในสมัยใดมนุษย์มีอายุขัยลดน้อยถอยลง ก็ย่อมแสดงให้เห็นว่ามนุษย์ในสมัยนั้นได้เคยเบียดเบียนทำชีวิตของสัตว์ทั้งหลายให้ตกล่วงไปเป็นอันมากในอดีตชาติ

โดย เทพธรรม..นำมาฝาก [4 ก.ย. 2558 , 11:02:19 น.] ( IP = 171.97.27.5 : : )


  สลักธรรม 5

คำว่า”อายุ” ในที่นี้มุ่งหมายเอาอายุขัย ซึ่งเป็นการกำหนดขอบเขตของชีวิต

ในสมัยพุทธกาลเมื่อ ๒๕๐๐ ปีเศษมาแล้ว มนุษย์มีอายุขัย ๑๐๐ ปีพอดี แต่เพราะเหตุที่มนุษย์เบียดเบียนกันมากขึ้น รบราฆ่าฟันกันตายมาก ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตกันได้อย่างง่ายดาย

ฉะนั้น เมื่อพ่อแม่ผู้เป็นสถานที่ก่อกำเนิดชีวิตหรือบุคคลในโลก ได้กระทำการเบียดเบียนผู้อื่นเป็นอันมาก และผู้มาเกิดนั้นชีวิตก็จะไม่มีความยืนยาวอย่างแน่นอน

ผู้ที่เบียดเบียนผู้อื่นน้อย ผู้ที่มีศีลมาแต่อดีตมาก ควรจะมีอายุเกินกว่า ๑๐๐ ปีจึงมาเกิดในสมัยนี้ได้ยาก

โดย เทพธรรม..นำมาฝาก [4 ก.ย. 2558 , 11:03:37 น.] ( IP = 171.97.27.5 : : )


  สลักธรรม 6

มนุษย์ในสมัยนี้มีความเฉลียวฉลาด มีความรอบรู้สารพัด รู้จักในเรื่องของโภชนาการว่าบริโภคอะไรบ้างจึงจะดี บริโภคอย่างไรจึงจะเป็นคุณค่าแก่ร่างกายได้มากที่สุด อาหารอะไรบ้างมีวิตามิน มีโปรตีนสูง มีเกลือแร่ที่เหมาะสมกับร่างกาย แล้วก็ยังสอนกันต่อไปอีกว่า ควรบริโภคอะไรบ้างในจำนวนน้ำหนักเท่าใด มีแคลอรี่เท่าใดต่อน้ำหนักของร่างกาย

มนุษย์ในสมัยนี้มีความรู้ในวิชาการทางการแพทย์ รู้จักรักษาโรคได้สารพัดอย่าง ..รู้จักผ่าตัดช่วยคนไข้เอาไว้ได้สารพัดวิธี.. เปลี่ยนร่างกายบางส่วนออกไปแล้วใส่เข้าไปใหม่ก็ได้ หยูกยาสำหรับรักษาโรคภัยไข้เจ็บก็ผลิตกันขึ้นมาจนนับจำนวนไม่ถ้วนชนิด ล้วนแต่มีประสิทธิภาพทั้งนั้น แต่อย่างไรก็ดีแม้มนุษย์จะได้เพียรพยายามอย่างยิ่งยวด ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเอาไว้ได้มากก็จริง กรรมที่ได้กระทำในปัจจุบันได้มาช่วยสนับสนุนให้อายุยืนยาวบ้างก็ตาม แต่มนุษย์ก็หาได้มีความสามารถทำให้ขัยของอายุของตนเองไม่ลดลงไปได้ไม่ แม้เพียงแต่ให้ทรงอยู่กับที่เท่านั้นก็ทำไม่ได้ เพราะบัดนี้อายุขัยของมนุษย์เหลือเพียง ๗๕ ปีเท่านั้นเอง

ในสมัยที่ผมยังเป็นเด็ก ผม (อาจารย์บุญมี เมธางกูร) เห็นคนอายุ ๑๐๐ ปีเศษหลายคน บางคนอายุ ๑๐๕ ปียังพายเรือเก่ง ขึ้นต้นไม้สูงๆก็ได้ แต่ในปัจจุบันนี้ ผมมองไม่เห็นคนอายุเกิน ๑๐๐ ปีเลย

นอกจากจะอ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ ซึ่งมีจำนวนน้อยเหลือเกิน มนุษย์มีความพากเพียรพยายาม ที่จะหาหนทางต่ออายุของตนให้ยืนยาวออกไปมากๆเหมือนคนโบราณ คือมีอายุถึง ๑๐๐ ปี หรือว่ากว่านั้นขึ้นไปอีก ความพยายามของมนุษย์ก็มีผลอยู่บ้าง (กรรมปัจจุบัน) แต่จะให้ผลสมบูรณ์จริงๆก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ เพราะมิใช่แต่เรื่องการปฏิบัติต่อกาย ปฏิบัติต่อจิตใจและดินฟ้าอากาศหรือสิ่งแวดล้อมเท่านั้นที่จะทำให้อายุยืนยาว

หากแต่เป็นเรื่องของกรรมในอดีตร่วมด้วย ในอดีตชาติ ชอบเบียดเบียนชอบฆ่าแล้วเหตุไฉนอายุจะยืนยาว

โดย เทพธรรม..นำมาฝาก [4 ก.ย. 2558 , 11:04:57 น.] ( IP = 171.97.27.5 : : )


  สลักธรรม 7

ในสมัยพุทธกาลขัยอายุของมนุษย์ ๑๐๐ ปี เมื่อมนุษย์รบราฆ่าฟันเบียดเบียนกันอยู่เรื่อยๆ อายุก็ลดลงไป ๑ ปี ต่อ ๑๐๐ ปี

ดังนั้นเวลานี้เป็นปีพ.ศ. ๒๕๐๐ การเบียดเบียนกันก็หนักยิ่งขึ้น อายุจึงได้ลดลงไป ๒๕ ปี คงเหลือ ๗๕ ปีเท่านั้นเป็นอายุขัย ถ้าไม่หยุดการเบียดเบียนกันต่อไป อายุของมนุษย์ก็จะลดลงต่อไปอีก

แม้เราจะเห็นคนอายุเกิน ๗๕ ปี เกินอายุขัยไปก็จริง เราก็เห็นได้ไม่มากนัก ยิ่งคนอายุ ๙๐ปี เศษด้วยแล้วก็ยิ่งจะหาได้ยากขึ้นไปอีก เพราะผู้มีจิตใจชอบเบียดเบียนกันมาเกิดแล้วจะมีอายุขัยเกิน ๗๕ ปีไปมากๆได้อย่างไร ในอดีตชาติมีแต่ความปรารถนาที่จะให้สัตว์ตาย ให้สัตว์เจ็บปวด ให้สัตว์อายุสั้นตายก่อนเวลาอันสมควร ความปรารถนาเหล่านี้ก็จะเก็บประทับเอาไว้ภายในจิตใจ เมื่อมาเกิดใหม่ในชาตินี้ แล้วจะไม่ให้ตายเร็วไม่ให้เจ็บปวดมาก ไม่ให้อายุสั้นจะได้หรือ ปรารถนาอะไรก็จะได้อย่างนั้น ขอให้กำลังของความปรารถนา คือ ทำการเบียดเบียนสัตว์มากๆ และขอให้เวลายาวนานพอสมควรเท่านั้น ผลก็จะปรากฏขึ้นได้อย่างแน่นอน

โดย เทพธรรม..นำมาฝาก [4 ก.ย. 2558 , 11:06:04 น.] ( IP = 171.97.27.5 : : )


  สลักธรรม 8

อายุกขยมรณะ ก็หมายถึง ..ผู้ที่มีอายุมากพอสมควรแล้ว ร่างกายแก่ชราเต็มที่ไม่สามารถที่จะทรงอยู่ได้อีกต่อไป ความตายจึงได้บังเกิดขึ้น จึงได้เรียกว่า อายุกขยมรณะ แปลว่า ความตายเกิดขึ้นเพราะสิ้นอายุ

และบุคคลผู้ตายโดยอายุกขยมรณะนี้.. เป็นผู้ที่ได้เบียดเบียนสัตว์ ทำลายชีวิตสัตว์มาไม่มากนักในอดีตชาติ

บุคคลผู้ตายดังกล่าวนี้ ....เรียกว่าถึงคราวตายแล้ว ความตายได้บังเกิดขึ้นมาเพราะร่างกายแก่เฒ่าทรุดโทรมจนอยู่ไม่ได้อีกต่อไป เป็นกาลมรณะถึงคราวถึงที่แล้วที่จะต้องตาย เปรียบเหมือนดวงประทีบโคมไฟที่น้ำมันก็ยังอยู่ แต่ไส้หมดไปเสียแล้ว

จบเหตุ ๑ ใน ๔ ของการตายแล้ว และจะนำเสนอเหตุที่๒ ของการตายในครั้งต่อไป.. เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้รู้จักเรื่องที่จะต้องเกิดขึ้นกับชีวิตของเราท่านอย่างแน่นอนในชาตินี้นะครับ...พบกันครั้งต่อไปนะครับผม.

โดย เทพธรรม..นำมาฝาก [4 ก.ย. 2558 , 11:07:20 น.] ( IP = 171.97.27.5 : : )

ขอเชิญแสดงความคิดเห็น
จาก : *
Code :
กรุณากรอก Code ตัวเลขด้านบน *
อีเมล์ : หากไม่ต้องการให้เว้นว่าง
รูปภาพ : ไม่เกิน 150KB
รายละเอียด :
Icon Toy
Special command

* *
กรุณาคลิ๊ก Post message เพียงครั้งเดียว.... 

คำเตือน
  • การแอบอ้างใช้ชื่อบุคคลซึ่งอาจทำให้บุคคลนั้นเกิดความเสียหาย อาจถูกดำเนินคดีทางกฏหมายได้
  • การโพสรูปภาพที่ไม่เหมาะสม หรือ ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของภาพ อาจถูกดำเนินคดีทางกฏหมายได้
  • หากพบเห็นรูปภาพหรือกระทู้ที่ไม่เหมาะสมสามารถเมล์เข้ามาได้ที่ freewebboard@thaimisc.com โดยระบุ subject "กระทู้ไม่เหมาะสม" พร้อมทั้งระบุ ADDRESS ของเว็บบอร์ด

ผู้ช่วยเหลือ-แหล่งข้อมูล

[ คีตธรรม ] [ ตารางสี ] [ ค้นหาเพลง ]

ลานภาพ

อบรมวิปัสสนา

ค้นหา

ค้นหา-GooGle

สร้างสรรค์โดย a2.gif (164 bytes) http://www.abhidhamonline.org