มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ - เว็บบอร์ด

 ลืมรหัสผ่าน
 ลงทะเบียน
ค้นหา
ดู: 686|ตอบกลับ: 5

เพียงเพื่อความสุข ๕

[คัดลอกลิงก์]

238

กระทู้

469

โพสต์

4138

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8

เครดิต
4138

เพียงเพื่อ.jpg

การตักบาตร เป็นสัญลักษณ์ที่ดีของชาวพุทธที่ควรจะทำเป็นประจำ เพราะพระท่านฝากปากท้องอยู่กับชาวบ้าน ถ้าชาวบ้านไม่ใส่บาตรให้ท่าน ท่านก็ไม่อาจที่จะอยู่ในเพศนักบวชได้ เพราะมีพุทธบัญญัติห้าม มิให้พระหุงต้มเองในยามปกติ

แต่อย่างไรก็ตาม พระมิได้จะอยู่ได้เพียงอาหารอย่างเดียว พระอยู่ได้เพราะปัจจัย 4 คือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่พักอาศัยและยารักษาโรค ทั้ง 4 ชนิดนี้ จะต้องสมดุลกัน จึงจะเกิดสัปปายะ คือ ความสะดวกสบายตามอัตภาพของพระ

หน้าที่ชาวพุทธที่ดีจะต้องบำรุงพระที่ดี เพื่อให้ท่านมีกำลังไว้สืบอายุพระศาสนา ไว้ให้ลูกหลานของเราได้มีที่พึ่งทางใจต่อไป ถ้าเราไม่อาจที่จะตักบาตรเป็นประจำได้ ก็อาจจะนานๆ ตักทีก็ได้ ถ้ายังไม่สะดวกอีก ก็อาจจะเสริมในส่วนที่ท่านขาดแคลนซึ่งมีอยู่มากมาย

แม้ในการตักบาตรก็ควรใช้วิมังสา คือพิจารณาร่วมด้วย ว่าท่านขาดหรือเกินมากน้อยเพียงใด ถ้าท่านขาดเราก็เพิ่มให้มาก ถ้าเกินเราก็ตัด หรืองดไปเลยจะเป็นการดี แต่ไปเสริมในสิ่งที่ท่านขาดแคลน หรือว่ามีศรัทธาเฉพาะในเรื่องอาหาร ก็ควรไปเลือกทำในวัดที่ท่านขาดแคลน เราก็ย่อมได้อานิสงส์แห่งบุญมากยิ่งขึ้น

ในการทำบุญทำทานทุกชนิดหรือการใส่บาตรก็ตาม ผลของบุญจะได้มากหรือได้น้อยนั้น มิได้ขึ้นอยู่กับราคาของ หรือจำนวนของที่ถวายพระ แต่ขึ้นอยู่กับ 2 สิ่งที่เป็นตัวแปรที่สำคัญ คือ เจตนาที่ประกอบด้วยศรัทธาและปัญญา

238

กระทู้

469

โพสต์

4138

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8

เครดิต
4138
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-5-6 15:29:24 | ดูโพสต์ทั้งหมด

เจตนาที่ประกอบด้วยศรัทธา ก็คือ ต้องมีความเชื่อบุญหรือเชื่อกรรมอย่างถูกต้อง มีศรัทธาในผู้รับทานอย่างเต็มที่ ของที่บริจาคก็เป็นของที่ได้มาโดยบริสุทธิ์ ผู้รับก็เป็นผู้ปฏิบัติดีและของที่ถวายก็ใช้ประโยชน์ได้เต็มที่

ปัญญา คือ ต้องรู้ว่าสิ่งใดควรหรือไม่ควรกับพระ ทำให้เหมาะกับกาลเทศะและบุคคล ทานที่บริจาคก็จะไม่ขาดไม่เกิน การทำบุญเอาหน้า หรือตำน้ำพริกละลายแม่น้ำที่มีอยู่กันทั่วๆ ไป เป็นแล้วหรือได้ยินแล้วก็แสนจะหดหู่หัวใจ

ถ้าเป็นคนรวยทำก็ไม่ว่าอะไรกัน ทำแล้วเขาไม่เดือดร้อนตนเองหรือผู้อื่น แต่คนที่จนแสนจนไม่มีจะกินยังฝืนใจทำ ถึงกับกู้หนี้ยืมสินเขามาทำ นี่สิได้ยินแล้วก็แสนจะโทมนัสใจนัก

238

กระทู้

469

โพสต์

4138

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8

เครดิต
4138
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-5-6 15:29:55 | ดูโพสต์ทั้งหมด

เช่น งานบวช เป็นงานที่ต้องใช้เงินมากและสูญเสียไปโดยไม่เกี่ยวกับการบวชเลย เช่น ค่าเหล้า ค่าหมอทำขวัญ แตร ปี่พาทย์ กลองยาว หนัง ดนตรี เครื่องขยายเสียง เจ้าภาพงานบวชหลายราย ลูกบวชสึกออกมาหลายปีแล้ว หนี้ที่บวชยังใช้เขาไม่หมดเลย ซ้ำร้าย บางคนบวชเพียง ๗ วัน ๑๕ วัน หรือเดือนเดียวเท่านั้น ยะถาสัพพียังไม่ได้เลยก็สึกแล้ว พระธรรมวินัยยังไม่ทันรู้ก็สึกแล้ว

จุดหมายของการบวชนั้น ก็เพื่อศึกษาและปฏิบัติตามหลักพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า เพื่อดับทุกข์ในชีวิตประจำวัน เพื่อกระทำให้แจ้งพระนิพพาน อันเป็นจุดหมายปลายทางของชีวิตที่แท้จริง

อย่าว่าแต่จะบวชเพียง ๓ เดือน ๔ เดือนเลย แม้บวชตั้ง ๕ ปี ๑๐ ปี ถ้าไม่ศึกษาและปฏิบัติอย่างจริงจัง ก็ไม่อาจจะรู้ธรรมะทั่วถึงได้ ปัจจุบันนี้เศรษฐกิจรัดตัวบวช ๗ วัน ๑๕ วันก็มีมากขึ้น แต่ประโยชน์ที่ได้แทบไม่มีเลย จะมีแน่ๆ ก็คือ หนี้สินหรือทุนเดิมที่มีอยู่หมดไป ทิ้งไว้แต่ความภูมิใจลมๆ แล้งว่าได้บวช

238

กระทู้

469

โพสต์

4138

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8

เครดิต
4138
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-5-6 15:30:17 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ความจริงการบวชแท้ๆ นั้น ใช้เงินไม่เท่าไรก็เป็นองค์พระที่สมบูรณ์ได้ หรือถ้าไม่มีจริงๆ แต่ถ้าอยากบวชก็ไปขอจีวร บาตร และบริขาร ตามวัดต่างๆ ที่รวยๆ ก็มีถมไป

ถ้าเราไม่ติดลัทธิขี้ตามช้างหรืออยากได้หน้าได้ตา การทำบุญทุกประเภทใช้เงินไม่มาก บางคนทำบุญ ๑ บาท แต่ได้บุญเพียง ๑ สลึงเดียวเท่านั้น นอกนั้นที่เสียไปนั้นไม่ใช่บุญ แต่เป็นบาทและอบายมุข เช่น เหล้า การพนัน การเล่นต่างๆ

การบวชที่คุ้มค่านั้นต้องเลือกวัด เลือกสมภารที่มีการศึกษาและปฏิบัติทางจิตด้วย ศึกษาลาเพศออกมาจะได้มีความรู้ติดตัว และเอาไปใช้ได้ด้วย


ถ้าบวชไม่เลือกวัด สึกออกมาก็เหมือนเดิม คือ ก่อนบวชเคยมีนิสัยอย่างไร สึกออกมาก็มีนิสัยอย่างนั้น ซ้ำร้ายจะพาเอาทุนเดิม คือ ศรัทธาที่มีอยู่เดิมหมดไปด้วย ที่ได้ไปเห็นพระที่ปฏิบัติตนไม่ดี ก็เลยไม่นับถือพระอีกเลย มีตัวอย่างอยู่ทั่วๆ ไป

พุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งปัญญา จะทำการสิ่งใดก็ต้องทำด้วยความถูกต้อง มีประโยชน์และประหยัด อย่าเอาอย่างหรือทำตามอย่างค่านิยมที่ผิดๆ ถ้าทำตนเองและผู้อื่นเดือดร้อนเป็นทุกข์ การกระทำนั้นย่อมขัดกับหลักพระพุทธศาสนา

238

กระทู้

469

โพสต์

4138

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8

เครดิต
4138
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-5-6 15:30:38 | ดูโพสต์ทั้งหมด

สังฆทาน คือ ทานเพื่อสงฆ์ การถวายแก่สงฆ์ได้แก่ การถวายเป็นกลางๆ ไม่จำเพาะเจาะจง ภิกษุรูปใดรูปหนึ่ง แม้ว่าจะรูปเดียวก็เป็นสงฆ์ได้ คืออุทิศสงฆ์ แต่ปกติก็ใช้ ๔ รูปขึ้นไป การถวายสังฆทาน ถือว่าเป็นทานที่สูงสุดฝ่ายวัตถุไม่มีวัตถุทานใดๆ จะเหนือไปกว่านี้อีกแล้ว ยกเว้นแต่วัตถุที่เป็นสื่อของธรรมทาน คือ การให้ธรรมะเป็นทาน ย่อมจะเหนือกว่าทานทั้งปวง

ถ้าเราจะทำงานที่เหนือกว่าการใส่บาตรก็จะต้องเลื่อนมาทำสังฆทาน ซึ่งจะต้องเกี่ยวกับเวลาและเงินด้วย แต่เราก็สามารถที่จะทำได้อย่างประหยัด และได้ประโยชน์เท่ากันนั่นคือ การเลือกจัดสิ่งของทั้งคาวและหวาน รวมทั้งบริขารอื่นๆ ที่จำเป็นกับพระเป็นแห่งๆ หรือแล้วแต่สถานที่นั้นๆ ว่าท่านจะขาดแคลนสิ่งใด เราก็เสริมสิ่งนั้นให้มากหน่อย สิ่งใดที่ท่านมีมากแล้ว เหลือเฟือ เราก็งดเสีย

ทางที่ดีถ้าได้ส่งแมวมองเข้าไปสัมผัสกับชีวิตจริงของพระก่อน ว่าท่านขาดตกบกพร่องสิ่งใด แล้วจัดถวายให้ตรงกับสิ่งที่ท่านขาดแคลน บุญของเราก็ย่อมจะเกิดผลทวีคูณ คือได้ผลคุ้มค่า

238

กระทู้

469

โพสต์

4138

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8

เครดิต
4138
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-5-6 15:31:09 | ดูโพสต์ทั้งหมด

ในการถวายสังฆทานนั้น เราอาจทำได้ ๓ วิธีด้วยกัน คือ

๑. จัดอาหารพร้อมทั้งปัจจัย ๔ เพียงที่เดียว นิมนต์พระมารับแต่เพียงรูปเดียว แต่เราขอถวายเป็นของสงฆ์ ไม่เจาะจงบุคคล ท่านส่งรูปใดมา แม้กระทั่งสามเณร เราก็ต้องยินดีและพอใจ ว่าท่านเป็นตัวแทนของสงฆ์ คือ สงฆ์ส่งท่านมา

๒. จัดอาหารพร้อมทั้งปัจจัย ๔ รวมไว้เป็นที่ๆ จะใส่ถังน้ำก็ได้ จัดไว้ ๔ ที่ แล้วนิมนต์พระมารับไป พอท่านรับถวายแล้วท่านอนุโมทนา ก็เป็นอันเสร็จพิธี

๓. จัดอาหารพร้อมทั้งปัจจัย ๔ เลี้ยงพระที่วัด หรือที่บ้าน ตั้งแต่ ๔ รูปขึ้นไป กล่าวคำถวายสังฆทาน และประเคนให้ท่านฉัน ท่านฉันเสร็จ ก็อนุโมทนา เป็นอันเสร็จพิธี ไม่มีอะไรจะยุ่งยาก หรือใช้เงินทองมากเลย เพราะพระท่านมิได้กะเกณฑ์ว่า จะต้องทำเท่านั้นเท่านี้ก็หามิได้ เราศรัทธาจะทำเท่าไร ก็จงทำไปตามนั้นเถิด การทำบุญทำทานอะไรแล้วเดือดร้อนตนเองและผู้อื่น เป็นบาปไม่ควรทำ

การทำบุญในพระศาสนานั้น ถ้าทำเป็นและทำอย่างถูกต้องตามแนวคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้ว มันก็แสนจะประหยัด และได้ประโยชน์คุ้มค่า หรือเกินค่าด้วยซ้ำไป

ขอให้ทราบเถิดว่า ที่หมดเปลืองไปจนถึงเดือดร้อนนั้น ไม่ใช่เรื่องของบุญของพระหรอก แต่เป็นเรื่องของมารและอบายมุขต่างๆ เสียละมากกว่า จงระวังให้ดีผีจะแย่งเอาบุญไปหมด

แล้วจะมาอธิบายต่อนะคะ

ด้วยความปรารถนาดีคะ
บุษกร เมธางกูร


ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ประวัติการแบน|อุปกรณ์พกพา|ข้อความล้วน|อภิธรรมออนไลน์

GMT+7, 2024-4-25 05:52 , Processed in 0.199260 second(s), 22 queries .

Powered by Discuz! X3.4, Rev.75

Copyright © 2001-2021 Tencent Cloud.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้