มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ - เว็บบอร์ด

 ลืมรหัสผ่าน
 ลงทะเบียน
ค้นหา
ดู: 917|ตอบกลับ: 3

วิปัสสนา..คืออะไรกันแน่

[คัดลอกลิงก์]

238

กระทู้

469

โพสต์

4138

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8

เครดิต
4138

สวัสดีคะท่านผู้เจริญในธรรมทุกๆท่าน หลังจากที่ได้พยายามถ่ายทอดความเข้าใจในเรื่องราวของชีวิตเราท่านมาในกระทู้ก่อนๆ โดยเฉพาะความโชคดีที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์กันแล้ว มาถึงขณะนี้เรามาทำความเข้าใจให้ถูกต้องกันนะคะว่า.. ๚ ๛วิปัสสนา..คืออะไรแน่ ๛๚

เพื่อจะได้สร้างความเห็นถูกต้องตรงตามความเป็นจริง และจะได้ประพฤติปฏิบัติกันด้วยความสัทธา โดยอาศัยความเข้าใจไปสร้างปัญญาบารมีนะคะ

วิปัสสนา คืออะไร ? เราก็มาเพียรในการเข้าใจก่อนที่จะทำวิปัสสนาว่า.. คำว่าวิปัสสนา เป็นชื่อ ของปัญญา มีปัญญา ชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า วิปัสสนา ปัญญามีชื่อเรียกมากทีเดียว มีชื่อต่าง ๆกัน แต่ว่า ปัญญา ที่ชื่อวิปัสสนา ปัญญานี้รู้อะไร?

ปัญญาวิปัสสนารู้ว่า นามรูปนี้ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา ไม่มีสาระ ไม่มีแก่นสาร เป็นอนัตตา ไม่มีตัวตน รู้อย่างนี้แหละเรียกว่า วิปัสสนา

ท่านจะต้องเข้าใจหลักความรู้ของวิปัสสนาเสียก่อน ถ้าปัญญาวิปัสสนาเกิดแล้ว ก็แปลว่าต้องรู้ว่า รูปนาม ไม่เที่ยง หรือรูปนามเป็นทุกข์ หรือรูปนามไม่ใช่ตัวไม่ใช่ตน ไม่มีสาระ ไม่มีแก่นสารอะไร อย่างนี้อันใดอันหนึ่งก็ได้ ที่รู้อย่างนี้นี่แหละ เรียกว่า วิปัสสนา

238

กระทู้

469

โพสต์

4138

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8

เครดิต
4138
 เจ้าของ| โพสต์ 2018-1-26 09:24:15 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ขอให้จำไว้ด้วยนะคะว่า .ต้องมีนามรูปรองรับ. ต้องนามรูปไม่เที่ยงมารับรองนะคะ ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าอะไรไม่เที่ยง เราจะเข้าไปทำวิปัสสนา เพื่อจะรู้ว่านามรูปนี้ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ไม่ใช่ตัวตนใช่ไหมคะ

ดังนั้นหลักที่จะเข้ามาทำวิปัสสนา เพื่อจะรู้อย่างนี้ แล้ว เราจะดูอะไรอย่างอื่นเล่าคะ ถึงจะเห็นนามรูปไม่เที่ยง เราก็ต้องดูนามรูป เราจึงจะเห็นนามรูปไม่เที่ยง เพราะฉะนั้นผู้ทำวิปัสสนานี้ จะต้องมี นามรูปรับรองความรู้อยู่เรื่อย ถ้าคราวไหนไม่มีนาม ไม่มีรูปรับรองแล้ว ก็แปลว่า.. รู้แล้วก็รู้นิ่งไป

ถึงแม้นิ่งไปไม่ฟุ้งก็ตาม แต่ว่าใช้ไม่ได้ ความรู้สึกเช่นนั้นใช้ไม่ได้นะคะ จะต้องมี นาม มี รูป อยู่เสมอ เหมือนกับคนไปเรียนหนังสือ เด็กไปเรียนหนังสือเข้าโรงเรียนใหม่ ๆ ต้องมี ก. ไก่ ข. ไข่ ต้องมีตัวหนังสืออยู่เรื่อย ต้องอ่านหนังสือ ต้องมีตัวหนังสือรับรองอยู่เรื่อย ไม่งั้นก็อ่านหนังสือไม่ออก ถ้าไปโรงเรียนแต่ไม่ดูหนังสือ ก็จะอ่านหนังสือไม่ออกใช่ไหมคะ

นามรูปเฉพาะผู้ปฏิบัติใหม่ ก่อนที่จะดูนามรูป ก็จะต้องรู้จักนามรูปเสียก่อน มิฉะนั้นแล้วดูนามก็ไม่รู้ว่าดูอะไร เพราะจะต้องให้ท่านที่มาปฏิบัติวิปัสสนานี้ เข้าไปพิจารณานามรูป

ทีนี้ก็จะต้องรู้เสียก่อนว่า..ดูนามน่ะ ดูอะไร ดูรูปน่ะ ดูอะไร จะต้องเรียนนามรูปเสียก่อนให้เข้าใจ รูปนามมีมากมายเหลือเกิน แต่เราก็จะเอาให้ง่ายที่สุด สำหรับปัญญาของเรา เพราะว่ายุคสมัยที่ล่วงผ่านมาจนถึงวันนี้แล้ว พวกเราๆนี่ปัญญาน้อยแล้ว

เพราะอะไรละคะ.. ก็เพราะว่าเราถึงได้ล่าช้ามาอยู่จนป่านนี้ ต้องมาทรมานทนทุกข์ ประเดี๋ยวเจ็บ ประเดี๋ยวไข้ ประเดี๋ยวร้องไห้เสียใจ พบกับสิ่งที่พอใจบ้าง ไม่พอใจบ้าง สิ่งที่พอใจพลัดพรากไปบ้าง นี่เราจะต้องพบอยู่เรื่อย ความทุกข์นี่มีอยู่รอบตัวเราเลย เราจะต้องพบ

อันนี้ถึงได้บอกว่า เวลาที่เรามาอบรม มาพิจารณานามรูปเวลานี้น่ะ เรายังไม่รู้ว่า นามรูปมันดีหรือไม่ดี ยังไม่รู้ต้องรู้เสียก่อน เวลาไปพิจารณาจึงจะรู้ความจริงของนามรูป

238

กระทู้

469

โพสต์

4138

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8

เครดิต
4138
 เจ้าของ| โพสต์ 2018-1-26 09:24:35 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ทีนี้นามรูปที่เราจะต้องเรียน สำหรับคนปัญญาน้อยนี่ เราก็เรียนแต่พอที่จะเอามาใช้งาน ที่ยังไม่ใช้งานเวลานี้ ยังไม่ต้องเรียน

เพียงนำเอานามรูปไปพิจารณา จนกระทั่งได้ความจริงด้วยการพิจารณา คือด้วยความรู้สึกไม่ใช่ด้วยการคิดนึก ด้วยการตรอง ด้วยการวิจารณ์ ไม่ได้ทั้งนั้น นามรูปมีอะไรบ้างละคะ ที่จริงถ้าเราจะสอนที่ถูกแล้ว ก็ควรจะสอนอารมณ์ทั้ง ๖ เสียก่อน แต่เกรงว่าจะต้องร่ายยาวเกินไป เพราะฉะนั้น เวลาที่จะอบรมให้เข้าใจอารมณ์ ตามทวารทั้ง ๖ ที่เราใช้งานอยู่ ก็กลัวจะไม่พอทีจะอธิบายในกระทู้นะคะ

แต่ที่ถูกแล้วควรจะบอก บอกแล้วเวลาทำงานก็ทำเฉพาะอิริยาบถ ๔ ก่อน คือแรกๆลงมือกำหนดก็ไม่ต้องคอยดูมาก ให้ดูแต่น้อย ๆหน่อย จนกระทั่งคล้ายๆกับจิตที่อบรมเชื่องแล้ว ดูได้สะดวกแล้ว แล้วก็อารมณ์ทั้ง ๖ นั้นมันก็จะรู้ขึ้นมาเองเหมือนกัน แต่ว่ายังไงก็ตาม อย่าลืมนะคะว่า.. จะต้องมีนามรูปเป็นพื้นฐาน

จะต้องมีนามรูปเป็นพื้นฐาน ไม่ว่าเวลาเห็น เวลาได้ยิน เช่น


เวลาเห็น ..ที่เห็น เป็นนาม..สิ่งที่ถูกเห็น เป็นรูป

เวลาได้ยิน..ที่ได้ยิน เป็นนาม..เสียงที่พูด เป็นรูป

เวลาได้กลิ่น ..ที่รู้กลิ่น เป็นนาม..กลิ่นหอม, เหม็น เป็นรูป

เวลาลิ้มรส..ที่รู้รส เป็นนาม..รสที่ถูกรู้ว่าเปรี้ยว หวาน เป็นรูป

เวลาถูกต้อง ..ที่รู้สึกถูกต้อง เป็นนาม..เย็น ร้อน อ่อน แข็ง เป็นรูป

เวลานั่ง นอน ยืน เดิน...ที่รู้ว่า นั่ง นอน ยืน เดิน เป็นนาม...อิริยาบท นั่ง นอน ยืน เดิน เป็นรูป

นามรูปทั้งหลาย จึงมีอยู่ที่ตัวเราในขณะรับอารมณ์ ตามทวารทั้ง ๖…นั่นเองคะ

238

กระทู้

469

โพสต์

4138

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8

เครดิต
4138
 เจ้าของ| โพสต์ 2018-1-26 09:25:02 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ดังนั้น..ดูนามรูปให้รู้จากตัวเรา… ถ้าไม่ได้เรียนอารมณ์ของวิปัสสนาแล้ว เราจะไม่รู้ตัวเรา เห็นอะไรก็ไม่รู้ ได้ยินอะไรก็ไม่รู้ แล้วโดยมากการศึกษาเล่าเรียนในชีวิตของเรา ที่เราเป็นอยู่นี่เราไม่ได้รู้เรื่องของเราเลย รู้แต่เรื่องคนอื่นทั้งนั้น เรื่องคนโน้นเรื่องคนนี้ เรื่องพระอาทิตย์ พระจันทร์ แทนที่จะรู้อยู่ที่ตัว เรากลับรู้ไปจนถึงโลกพระจันทร์ เดี๋ยวนี้เขาจะไปรู้โลกพระอังคารอีกแล้ว มันรู้ยาวออกไปอย่างนี้ กิเลสมันก็ยืดยาวออกไปด้วย นามรูปที่ตัวเองนี่ไม่รู้หรอก

แต่ว่าวิธีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านี่ ไม่ต้องไปรู้คนอื่น รู้ตัวของตัวเสียก่อน แล้วก็คนอื่นกับตัวเราน่ะมันเหมือนกัน มันไม่ผิดกันหรอก มันอย่างเดียวกันนั่นแหละ

แต่รู้คนอื่นน่ะไม่แน่ เช่น อย่างเวลานี้จิตใจเขาเป็นอย่างไร อยากรู้แต่ก็รู้ไม่ได้ และเวลานี้จิตใจเราเป็นอย่างไร จะให้รู้เขาได้อย่างไรไม่มีทางรู้ได้เช่นกัน

แต่เวลานี้จิตใจเราเห็นอย่างไร ประกอบด้วยอะไรเรารู้ได้ ประกอบด้วยความไม่พอใจ หรือประกอบด้วยความพอใจ เวทนาเราเป็นสุขหรือเป็นทุกข์เวลานี้ นี่เรารู้เรารู้ของเราก่อน เพราะว่าร่างกายเรานี้ก็เป็นโลกโลกหนึ่ง

โลกที่ว่านี้ไม่ใช่ว่าหมายถึง ฟ้า ดิน อะไร ไม่ใช่อย่างนั้น นี่พอเรารู้ของเราอย่างนี้แล้วคนอื่นก็เหมือนกัน เช่น อย่างพอเรารู้ของเราอย่างนี้แล้ว คนอื่นก็เหมือนกัน

เช่น พอความโกรธเกิดขึ้นแก่จิตใจของเรา มีลักษณะอย่างไร ความโกรธของคนอื่นก็เหมือนกัน ไม่ต้องไปรู้ของใคร เพราะฉะนั้น การแสดงออกมาภายนอก ทางกายก็ดี วาจาก็ดี กิริยาอาการที่แสดงออกมาให้เราเห็น เราก็รู้แล้วว่า ออกมาจากจิตใจ กิริยาอย่างนี้ออกมาจากจิตอะไร พอใจหรือไม่พอใจ มันจะบอกทีเดียว เพราะฉะนั้น มันก็เป็นโลกชนิดหนึ่ง

สำหรับวันนี้ คงพอสมควรแล้วนะคะ ขอเพียงตั้งใจทำความเข้าใจไปทีละนิด แต่ต้องเข้าใจจริงๆรับรองได้ว่า ท่านจะได้ประโยชน์มากมายจริงๆคะ ไว้พบกันต่อไปในวันพรุ่งนี้นะคะ ขอความเจริญความผาสุก อันจะเกิดขึ้นจากปัญญาบารมี จงประสบแด่ท่านทุกคนนะคะ





ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ประวัติการแบน|อุปกรณ์พกพา|ข้อความล้วน|อภิธรรมออนไลน์

GMT+7, 2024-4-25 01:02 , Processed in 0.167087 second(s), 19 queries .

Powered by Discuz! X3.4, Rev.75

Copyright © 2001-2021 Tencent Cloud.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้