พี่ดอกแก้ว โพสต์ 2020-1-21 19:05:01

เสียงกระซิบข้างหัวใจ 2.

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย พี่ดอกแก้ว เมื่อ 2020-1-21 19:09

เสียงกระซิบข้างหัวใจโดย : พี่ดอกแก้ว

https://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/2497-14.gifhttps://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/2497-14.gifhttps://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/2497-14.gifhttps://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/2497-14.gif

ความมืด

ความมืดเปรียบเสมือนภัยอันน่ากลัวของชีวิต เพราะความมืดทำให้เรามองไม่เห็นสิ่งรอบตัว มองไม่เห็นเส้นทางและสภาพที่แท้จริง รวมทั้งมองไม่เห็นว่ามีภัยร้ายหรืออุปสรรคใดกีดขวางอยู่ข้างหน้าอยู่หรือไม่ เราจึงไม่รู้ว่า สภาพแวดล้อมของเราเป็นคุณหรือโทษ

และแต่ละก้าวที่เหยียบย่างไปนั้นจะพบกับสิ่งใด บางครั้งเราอาจเดินผ่านทรัพย์สมบัติ ที่มีค่ามากมายไปอย่างน่าเสียดาย ก็เพราะอิทธิพลของความมืดเข้าครอบคลุมเสียจนเราไร้ดวงตาที่จะให้ความใส่ใจ บางครั้งมีหลุมพรางปกปิดไว้หรือศัตรูร้ายซุกซ่อนอยู่ก็ไม่ได้ทำให้เราเกิดความกลัวในภัยนั้น   นั่นเป็นเพราะความมืดทำให้เรามองไม่ชัดตา เราจึงเกิดความประมาทและขาดความระมัดระวังฉะนั้น ภัยร้ายที่อยู่รอบกายหาได้ร้ายแรงเท่าภัยของความมืดไม่ เพราะหากปราศจากความมืดเสียแล้ว เราก็จะสามารถแก้ไขหรือหลบเลี่ยงภัยไปได้บ้างตามความสามารถที่มี

หลายคนอาจแย้งว่า ความมืดเป็นสิ่งที่มีประโยชน์แก่ตน เช่น อยู่ในความมืดเพื่อสงบจิตใจหรือสำรวจความเป็นไปของตน แต่เมื่อพิจารณาอย่างถ่องแท้แล้ว ..เรามิได้ต้องการความมืดนั้นแท้จริงเลย   สิ่งที่เราต้องการระหว่างที่อยู่ในความมืดนั้นคือ ความกระจ่างหรือความสว่างของใจมากกว่า เราต้องการหลุดพ้นจากปัญหาทั้งหลาย แต่อาจเป็นเพราะเรามีความไม่มั่นใจ มีความกลัว หรือความอับอาย เราจึงต้องอาศัยความมืดเพื่อเป็นเครื่องมือปิดบังอำพรางความอ่อนแอนั้นเอาไว้ ..ซึ่งก็ต้องการเพียงชั่วคราว   และขณะที่อยู่ในความมืด เราก็ต้องยอมรับว่า อากัปกิริยาต่างๆ ล้วนไม่สำรวมหรือละเลยความรู้สึกตัวไปหลายประการ นั่นคือ ความประมาท

พี่ดอกแก้ว โพสต์ 2020-1-21 19:08:07

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย พี่ดอกแก้ว เมื่อ 2020-1-21 19:09

ความมืดมิได้ให้อิสระเสรีภาพแก่เราเลยสักนิด แต่เป็นอาณาบริเวณที่กักขังให้เราซ่อนเร้นตนเองจากความจริงที่ไม่กล้ายอมรับอย่างซึ่งหน้า ความมืดจึงเป็นเสมือนเกราะคุ้มกันผู้อ่อนแอให้อ่อนแอยิ่งขึ้น และยังทำให้หลงคิดไปว่า การกระทำที่เกิดขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว

นับแต่โบราณกาลมาจึงมีผู้พยายามคิดค้นหาสิ่งที่ให้แสงสว่างเพื่อทำลายความมืดในยามค่ำคืนให้สิ้นไป   แต่การอยู่ในแสงสว่างก็ใช่ว่าจะพ้นไปจากความมืดได้ ไม่ว่าจะเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน เพราะเมื่อหันเข้าหาแสงเมื่อใด ที่ด้านตรงข้ามหรือด้านที่อยู่ข้างล่างก็ยังมีความมืดปรากฏเป็นเงา

ฉะนั้น ในยามใดก็แล้วแต่ที่ชีวิตของเราพบกับความมืด และเราไม่มีแสงไฟมาเป็นเครื่องมือช่วยเหลือ ..เราจึงต้องรู้จักสงบ...เพื่อที่จะพิจารณาตรวจตราสิ่งที่เป็นไปรอบข้างให้ชัดเจน โดยต้องใช้ประสาทสัมผัสเท่าที่มีอย่างละเอียดถี่ถ้วนเพื่อช่วยในการระวังภัย และแก้ไขปัญหา   เพราะการรู้จักสงบและพิจารณานี้เปรียบเสมือนการฉายแสงจากดวงใจให้มีความเตรียมพร้อม เพื่อที่จะพาตนไปให้พ้นจากความมืดนั้นได้

วิถีชีวิตของชาวพุทธจึงเป็นวิถีที่ดำเนินไปสู่ความสว่างคือ สว่างด้วยการรู้จัก และแก้ไขด้วยเหตุผล เพื่อพาตนให้พ้นจากปลักที่มืดมนไปได้ในที่สุด


ด้วยความปรารถนาดี
พี่ดอกแก้ว

https://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/2497-14.gifhttps://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/2497-14.gifhttps://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/2497-14.gifhttps://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/2497-14.gif
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: เสียงกระซิบข้างหัวใจ 2.