เส้นทางสายรก
https://encrypted-tbn0.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcRvABzd_86bnrhQLZhhov5Bbf8lwwtYRDeYCg&usqp=CAU
ชีวิต....คือการเดินทาง เดินไปสู่สิ่งที่ตนปรารถนา
และในที่สุดต่างก็ไขว่คว้าหามาคอบครอง ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งมีชีวิตหรือไม่มีชีวิต...ครอบครัว ลูกหญิง-ชาย บ้าน รถ มือถือและอีกจิปาถะ
การเจริญของวัตถุนิยม ทำให้คนเรามองข้ามความไม่จำเป็นไปสิ้น ต่างดิ้นรนมองหาเข้ามาสนองความปรารถนาของตนๆ
ความเจริญเติบโตของจิตใจ ที่มีรากแก้วคือตัณหาและทิฏฐิ และมีกิเลสน้อยใหญ่ เป็นปุ๋ยบำรุง ได้แผ่กิ่งก้านสาขาไปทั่วทั้ง 6 ทิศ คือ ตา หู จมูก ลิ้น กายและใจ (อายนะทั้ง 6 ) ได้อย่างรวดเร็ว ออกดอกผลให้หลงใหลกันอย่างบ้าคลั่งได้
ซึ่งจะดูได้จาก "ความรัก" เมื่อก่อตัวขึ้นจนกระแสกิเลสดึงดูดให้คนสองคนมาผูกพัน แต่งงานอยู่กินจนมีลูกเต้า และต่างก็คิดไปว่า นั่นคือโซ่ทองคล้องใจของกันและกัน
จากคนสองคน กลายเป็นครอบครัว
จากความรักกลายตัวเป็นความอุปาทาน
เส้นทางสายรักนี้ ได้ก่อเกิดสิ่งต่างๆมากมาย ล้วนแต่เป็นภาระทั้งสิ้น โดยต่างฝ่ายต่างก้ไม่รู้เลยว่า ตนได้แบกของหนักเอาไว้ด้วยความยินดี ชนิดยากที่ที่วางลงได้
สามี....ต้องรับผิดชอบทำหน้าที่หาเลี้ยงครอบครัว
ภรรยา... ต้องทำหน้าที่แม่บ้าน ทำความสะอาดครัวเรือน ข้าวปลาอาหาร เลี้ยงลูกและยิ่งสมัยนี้ด้วยแล้ว
บางครอบครัวภรรยายังต้องทำงานนอกบ้าน เพื่อมีรายรับมาเพื่อรายจ่ายให้เพียงพอ
บุตรธิดา...ต้องรับผิดชอบตนเองในการศึกษาหาความรู้ ต้องแข่งขันต่อสู้เพื่ออนาคตของตน
คำว่า " ครอบครัว" คือการอยู่ร่วมกันของคนที่ต่างจริต ต่างอารมณ์ ต่างความชอบ เนื่องด้วยอดีตกรรมของแต่ละคนสร้างสมมาไม่เหมือนกัน รสนิยมจึงต่างกันไป แต่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน และอำนาจกรรมนั้นจะส่งผลมาแบบไหน อย่างไร เมื่อไหร่ เวลาใดเกินความสามารถที่เราจะล่วงรู้ได้จริงๆ
คำพระท่านกล่าวไว้ว่า...นานาจิตตัง..หรือจะให้เข้าใจง่ายๆก็คือ ต่างจิตต่างใจกันนั่นเอง
ด้วยความไม่เหมือนกันนี่เอง จึงเป็นสาเหตุแห่งการโต้เถียง ทะเลาะเบาะแว้ง ในที่สุดก็เกิด ความแตกร้าวเมื่อคราวหมดความอดทน
...เส้นทางสายรัก จึงเปลี่ยนสภาพกลายเป็นเส้นทางสายรก คือ รกหู รกตา โดยเฉพาะรกใจ นั่นเอง
ยังไม่สายที่จะแก้... ยังไม่แย่ที่จะเยียวยา
แต่มิใช่แก้ที่เขาหรือใคร แต่ต้องแก้ที่เรา คือที่ใจของตนเอง
นิ่งและมีสติให้มากยอมรับในเรื่องของกรรมและผลของกรรมที่ตนทำมาเอง
ค่อยๆจัดระเบียบในเรือนใจตน เพื่อเส้นทางสายรกที่เกิดขึ้นนั้น จะไม่รกมากขึ้นจนตนเองสะดุดล้ม
ขันธ์ทั้งห้าหนักยิ่งเกินสิ่งอื่น
หนักกายใจทุกวันคืนเกินสิ่งไหน
ต้องดูแลตอบสนองอยู่ร่ำไป
ต่อกลไกตัณหาพาเนิ่นนาน
หนักอะไรก็ไม่เท่าเราแบกทุกข์
สุขอะไรไม่เท่าสุขสิ้นสังสาร
สุขหมื่นแสนไม่เหมือนแม้นพระนิพพาน
สิ้นภาระชั่วกาลพ้นมารภัย
ด้วยความปรารถนาดีค่ะ
....พี่ดอกแก้ว....
https://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew13/2044-2.gif@n
หน้า:
[1]