อิ่มบุญ อิ่มธรรม
https://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/2497-14.gif
22 มิถุนายน 2568 เป็นอีกหนึ่งวันที่ต้องบันทึกไว้ว่า บรรยากาศของบ้านเสือพิทักษ์ได้ย้อนกลับมาเติมเต็มความรู้สึกที่ขาดหายไปในช่วงหลายปีนี้ พี่น้องที่สะดวกมาร่วมงานอาจไม่มากมายเท่าพี่น้องที่ไม่สามารถเดินทางมาได้แต่เต็มใจบริจาคทรัพย์เพื่อร่วมทำบุญเพื่อถวายหลวงพ่อท่านในวันนี้
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของแต่ละคน การทักทายด้วยความรู้สึกห่วงหาอาทรกัน และการพูดถึงพี่น้องคนอื่นด้วยความเสียดายที่ไม่ได้มาร่วมงาน และนอกจากการฟื้นฟูบรรยากาศระหว่างพี่น้องทุกรุ่นแล้ว ยังได้มีการทบทวนถึงหลายๆ คำสอนของหลวงพ่อเสือเคยอบรมพวกเราไว้และสิ่งสำคัญยิ่งประการหนึ่งในวันนี้ คือ
การได้รับรู้ว่าเวลาและวัยที่ล่วงผ่านได้บ่มเพาะความตระหนักรู้ให้เข้าใจและเข้าถึงสาระสำคัญในคำสอนของท่านได้มากยิ่งขึ้น คำสอนที่มีค่าประดุจเพชรในยามก่อน วันนี้ก็ยิ่งเปล่งประกายระยิบระยับในทุกทิศทางมากยิ่งขึ้น
การได้รับรู้ว่าเวลาและวัยที่ล่วงผ่านได้บ่มเพาะความตระหนักรู้ให้เข้าใจและเข้าถึงสาระสำคัญในคำสอนของท่านได้มากยิ่งขึ้น คำสอนที่มีค่าประดุจเพชรในยามก่อน วันนี้ก็ยิ่งเปล่งประกายระยิบระยับในทุกทิศทางมากยิ่งขึ้น
เวลาพระสวดมนต์....ให้ตั้งใจฟัง และระลึกว่าพระพุทธมนต์มีคุณคือพระพุทธคุณ เพื่อจะได้มีความศรัทธาและปีติ ว่าเราได้อยู่ร่วมงานบุญ
เวลาถวายของพระ.. ให้ผู้ถวายกระทำด้วยความมีสติ ส่วนผู้ที่ไม่ได้ถวายก็ให้ส่งใจร่วมไปกับการถวาย อย่าได้น้อยใจไหวตามอารมณ์ว่าตนเองไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการถวาย เพราะปัจจัยไทยธรรมทั้งหมดที่ประกอบด้วยภัตตาหาร ดอกไม้ธูปเทียน ชุดสังฆทานและผ้าบังสุกุลนั้น เป็นการนำเงินบริจาคของทุกคนที่ละความมัจฉริยะสละออกมารวมเป็นค่าใช้จ่ายทุกอย่างในการทำบุญครั้งนี้ จึงขอให้ส่งใจโดยมองไปที่ผู้ทำหน้าที่แทนเราในการถวายของ พร้อมกับส่งใจไปที่มือนั้น
เพราะอย่าลืมว่า ทุกอย่างสำคัญที่ใจ เราเรียนเรื่อง “จิต” มาแล้วก็ต้องให้ความสำคัญกับ “จิต”และสร้างจิตให้มีปัญญา อย่าสร้างสายตาให้มีโทษ
ท่านบอกว่า...มุทิตาจิตเกิดขึ้นได้ยากนะลูกนะ ฉะนั้น เมื่อเราเห็นคนอื่นได้ทำดี เราก็ควรยินดีด้วย แต่ในขณะที่เราทำดีเราก็ควรจะมีสติสัมปชัญญะ
เวลาที่พระกำลังนั่งฉันภัตตาหาร ... ให้มองไปที่พระท่านแล้วหลับตาลงระลึกว่า เรามีโอกาสให้ข้าว ให้น้ำ ให้กำลังแก่พระภิกษุสงฆ์อย่างในครั้งสมัยพุทธกาลที่นางสุชาดาถวายข้าวมธุปายาสนั้น แม้จะเข้าใจว่าพระพุทธองค์เป็นรุกขเทวดาแต่เมื่อนางถวายแล้วก็ระลึกขึ้นว่า นี่เป็นการทำพลีกรรมเป็นการทำบุญ ซึ่งเป็นโอกาสและเป็นบุญ ที่ว่าเป็นโอกาส ก็คือ ที่ได้ทำ และที่ว่าเป็นบุญ ก็คือการได้นำข้าวมธุปายาสมาถวายฉะนั้น เมื่อเราคิดดีเราก็จะได้ดี
ท่านบอกว่า
ท่านปล่อยมานานแล้ว เพราะสมัยลูกพ่อของยังเป็นลิงน้อย หลุกหลิกรุกรี้รุกรนเรียนธรรมะก็รุกรี้รุกรน พอได้มื้ออาหารก็อ้างว่า จำเป็นต้องกินให้ตรงเวลาเพราะต้องทายา บางคนก็อยากทานเพราะเห็นอาหารน่ารับประทาน เท่าที่เห็นอยู่ก็ประมาณกึ่งหนึ่งที่พากันขยับไปขยับมาพากันไปที่โรงครัวด้านหลัง ส่วนอีกกึ่งหนึ่งก็ยังนั่งเรียนอยู่ แต่ก็เห็นใจแหละนะเพราะเคยถูกฝึกกันมาอย่างนี้ว่าเรื่องกินเรื่องใหญ่ เรื่องตายเรื่องเล็ก
ท่านบอกว่า ได้เห็นสิ่งเหล่านี้มามากและเห็นมานานแล้ว แต่ในตอนนี้มันปลายทางของชีวิตกันแล้วนะ ทุกคนใกล้ตายแล้ว แต่ละคนแก่ขึ้นมากแล้ว เราแก่มากแล้วนะ และแก่เกินที่จะหัดอะไรที่ลำบากลำบน แต่สิ่งที่มันสามารถเกิดขึ้นได้ง่ายและทำได้บ่อย ๆคือ มองให้ถูก คิดให้ถูก แล้วทำให้เป็น
มองให้ถูก คือ เรากำลังมาทำบุญ พระกำลังจะรับบาตร คือภัตตาหารที่เราจัดเตรียมไว้
คิดให้ถูก คือ โอกาสที่จะทำให้เกิดบุญได้เต็มที่นั้นยากมาก เราะมีกิเลสล้อมหน้าล้อมหลัง
ทำให้เป็น คือ ระลึกถึงโอกาสดีที่ได้ทำบุญ ตั้งใจฟังพระพุทธมนต์ ตั้งใจกล่าวคำถวาย ตั้งใจรับพรในขณะที่พระสงฆ์กล่าวอนุโมทนากถา และตั้งใจอุทิศกุศล ส่วนเรื่องอาหารการกินของลูกๆ นั้น เดี๋ยวพ่อเลี้ยงเอง
เรามาเลี้ยงพระ อย่าให้พระเลี้ยงเรา
หลายครั้งที่ไปทำบุญตามวัด จะมีอาหารเหลือมากมาย หลายคนก็จะเตรียมถุงไปใส่อาหารกลับ
ขอถามว่า สิ่งที่เราใส่ถุงหิ้วกลับมานั้น มันเป็นประโยชน์กับเราจริงหรือ หรือมันควรเป็นประโยชน์แก่คนที่อยู่ที่วัด อย่างพ่อครัวแม่ครัวหรือคนงานต่างๆ มากกว่าเราได้มาแล้วก็เอามาวางทิ้งไว้ไม่ได้รับประทาน ก็อย่าไปเบียดเบียนคนอื่นเขาเลยนะ
ต้องคิดให้ถูกว่า เรามาวัดในฐานะมนุษย์เป็นผู้มีกำเนิดในสุคติภูมิเราไม่ใช่เปรตที่รอรับส่วนบุญ หรือรอเก็บส่วนที่เหลือ จึงขอให้ลูกเริ่มต้นใหม่ว่า ในเมื่อเราจะเป็นผู้ให้ ก็ต้องให้ให้ขาด อย่าให้ให้เข็ดคือคนอื่นเข็ดกับเรา
อย่างที่วัดศรีประวัตินี้เรามีหลวงพี่ทองซึ่งเป็นพี่น้องของเราคอยดูแลให้ความสะดวกทุกอย่าง นั่นคือน้ำใจไมตรีของพี่น้องเสือพิทักษ์ ที่ไม่ว่าจะมีวรรณะใด เพศใด เราก็ไม่ทิ้งกัน เราดูแลกัน สิ่งนี้เป็นน้ำใจที่ต้องขอบคุณ ซึ่งเราแต่ละคนก็ต้องเปลี่ยนวิถีชีวิตที่เหลือน้อยๆ ของเรานี้มาเป็นผู้ตรงต่องานและความดี เพื่อที่จะได้ดี
สำหรับวันนี้ แค่นี้ก่อนนะคะ
หวังว่าคนที่ไม่ได้ไปจะได้รับทราบถึงบรรยากาศในวันวานด้วยกัน และผู้ที่ไปร่วมอยู่ในวันวาน
วันนี้ก็ได้อ่านทบทวนนะคะ พบกันใหม่..ตอนหน้าค่ะ
https://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew13/2044-2.gif@n
หน้า:
[1]