อิ่มบุญ อิ่มใจ ตอน 3.
https://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/2497-14.gifhttps://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/2497-14.gifhttps://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/2497-14.gifhttps://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/2497-14.gifhttps://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/2497-14.gifhttps://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/2497-14.gif
22 มิถุนายน บทที่ 3
ท่านให้เราคำนึงถึงความสำคัญของคำว่า “โอกาส”และรำพึงถึงชีวิตว่า “เวลาเหลือน้อยลงแล้ว”เมื่อมีโอกาสที่จะได้ทำความดีก็ต้องรีบทำด้วยความตั้งใจ
เมื่อเร็วๆ นี้มีลูกศิษยที่ติดตามธรรมะทางเว็บไซต์ท่านหนึ่งมีความเดือนร้อนในชีวิตเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยบ้านหลังคารั่ว ห้องน้ำรั่วซึม และเตียงชำรุด แจ้งขอความช่วยเหลือมาซึ่งในขณะที่ทราบเรื่องนั้นยังไม่มีความพร้อมเพียงพอที่จะตัดสินใจเพราะมีเหตุสงสัยบางอย่างจึงได้ปล่อยให้เวลาผ่านไปพอสมควร แต่ก็มีเสียงเตือนขึ้นว่า
“อย่าเสียดายทรัพย์เมื่อมีความพร้อม และมีโอกาสให้หรือทำทาน
แต่จงเสียใจเมื่อตัวเองมีโอกาสและความพร้อมแต่ไม่ได้ทำ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้วก็หลับตาลงเห็นแสงวิบวับเต็มไปหมดใจก็สงบขึ้นมาทันที แล้วก็ตั้งใจให้ความช่วยเหลือลูกศิษย์ท่านนั้นด้วยเงินที่เพิ่งได้รับจากลูกศิษย์คนอื่นที่มอบไว้ให้ใช้จ่ายในโอกาสพิเศษๆจะเห็นว่า เมื่อมีผู้นำที่จิตใจดี ความสงบก็เกิดขึ้นง่ายสิ่งไม่ดีที่กำลังกระทบอยู่ก็หยุดลง หากวางใจเป็นก็จะสบายใจ เพราะเราไม่รู้เลยว่าวิบากอะไรจะมาส่งผลบ้าง
https://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/12931-2.jpg@n
เราได้เรียนพระอภิธรรมกันมาพอสมควรแล้วแต่เรายังไม่สามารถนำความรู้เหล่านั้นมาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ชีวิตได้เราไม่ค่อยนำธรรมะไปคิดไปวิจัยชีวิต แต่เราจะคิดในเรื่องที่ไม่ควรคิดอย่างบางครั้งเราทำความดีไปแล้ว แต่บางทีก็เกิดความน้อยใจขึ้นมาน้อยใจที่ไม่มีใครเห็นคุณค่าหรือเห็นความดีที่เราทำ หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้นำเรื่องชวนะมาใช้กันบ้างที่นั่งอยู่ตรงนี้ก็เก่งกันทุกคน แต่ขอตั้งคำถาม ดังนี้
คำถาม “ชวนะดวงแรกให้ผลเมื่อใด” คำตอบ “ให้ผลชาตินี้”เพราะเป็นดวงแรกจึงมีกำลังอ่อน (ทิฏฐธรรมเวทนียกรรมคือกรรมที่ให้ผลอย่างรวดเร็วในปัจจุบันชาติ)
(เพิ่มเติม : ทิฏฐธรรมเวทนียกรรมที่ให้ผลในปัจจุบันชาติจะต้องมีองค์ประกอบสำคัญคือต้องมีกำลังมากเป็นพิเศษเป็นกรรมหนักไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วจะต้องไม่ถูกเบียดเบียนจากกรรมหนักอื่นที่ได้ทำเช่นกันจะต้องมีอำนาจเจตนาที่มีกำลังแรงกล้ามากและจะต้องกระทำกับบุคคลที่ประกอบด้วยคุณวิเศษ ตัวอย่างที่ยกประกอบในเรื่องนี้เสมอคือการทำทานกับพระอรหันต์ที่เพิ่งออกจกนิโรธสมาบัติ)
https://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/12931-2.jpg@n
คำถาม “ชวนะดวงที่เจ็ดให้ผลเมื่อใด” คำตอบ “ให้ผลชาติหน้า” (อุปปัชชเวทนียกรรมคือกรรมที่ให้ผลในภพหน้าที่จะไปเกิด)
คำถาม “ขณะนี้เป็นชาติหน้าหรือยัง” คำตอบ “ยัง”
คำถาม “ชวนะดวงที่ 2 ถึงดวงที่ 5 ให้ผลเมื่อใด”คำตอบ “ให้ผลตั้งแต่ชาติที่ 3 เป็นต้นไป”(อปรปริยายเวทนียรรม คือกรรมที่ให้ผลในชาติที่ 3 นับจากปัจจุบันชาตินี้เป็นต้นไปจนกว่าจะเป็นอโหสิกรรม)
คำถาม “อโหสิกรรม คืออะไร”คำตอบ “กรรมที่ไม่ให้ผลแล้ว”
ดังนั้น ที่มาคิดน้อยใจว่าทำดีไม่มีใครเห็นคุณค่านั่นคือเราไม่ได้รู็ถึงการให้ผลของชวนะดวงที่ 1 ซึ่งอย่างเราๆ นี่ก็สรุปได้เลยว่าการให้ผลของชวนะดวงที่ 1เป็นอโหสิกรรมไปได้เลยเพราะเราขาดองค์ประกอบในการกระทำที่จะยิ่งใหญ่พอให้มาส่งผลได้
ในบางตำราอาจบอกว่าให้ผลเป็นความสุขใจสบายใจเล็กๆน้อยๆ หลังจากที่ได้ทำแล้ว แต่ก็ไม่เสมอไปเพราะเราก็กลับมาคิดน้อยใจอยู่นั่นเอง ดังนั้นจึงต้องตั้งใจให้ดี อย่ามองแต่ผลในชาตินี้แต่ทำทุกอย่างให้เหมือนการสร้างเสบียงเพื่อไปในชาติหน้าเพราะชาตินี้เราอยู่เย็นเป็นสุขกันแล้ว ก็ต้องสร้างเสบียงไว้ต่อไป
https://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/12931-2.jpg@n
อย่างในขณะนี้เรามานั่งอยู่ที่วัดศรีประวัติเป็นสถานที่ของหลวงพ่อพระมหาแสวงผู้จุดประกายปัญญาให้แก่เราสถานที่แห่งนี้เคยเป็นแหล่งให้ความรู้แม้จะไม่ได้มีความรู้ถึงขนาดรู้แจ้ง แต่เราก็มีความรู้พอตัวและเพียงพอแล้วสำหรับชาตินี้คือไม่โง่ไปกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันแล้ว เรารู้เป็นพื้นฐานแล้วว่ารูปมี 28 เจตสิกมี 52 ดวง ปกิณกณะเจตสิกมี 6 ดวง สัพพจิตสาธารณเจตสิกมี 7 ดวงโทสะอยู่ในกลุ่มของโทจตุกะเจตสิกหรือสภาวธรรมหมวดอื่นๆ เราก็รู้ฉะนั้นอย่าทำตัวให้ต่ำลงไปกว่านี้คืออย่าโง่มากกว่านี้ เพราะเรามีรากฐานความรู้พระอภิธรรมอยู่ในใจแล้วก็ต้องนำออกมาใช้บ้าง
หลายคนที่มานั่งอยู่ตรงนี้ส่วนมากมีอายุถึงหลักหกกันแล้วน้อยคนที่มีอายุยังไม่ถึงหกสิบปีนี่ก็แสดงว่าเราอยู่กันมาเกินครึ่งคนแล้วถ้านับตามขัยอายุทั่วไป คือ 75 ปีเราพ้นวัยนักเรียนมาแล้วยกเว้นมาลีที่ตอนนี้กำลังเรียนอะไรอยู่ก็ไม่ทราบเราผ่านสุขผ่านทุกข์ ผ่านรสชาติต่าง ๆทั้งอาหาร ผลไม้ หรือขนม มันก็รสเดิมๆ แต่เปลี่ยนร้านหรือเปลี่ยนเวลาเท่านั้นชีวิตของเราผ่านเรื่องราวมามากแล้วและที่จะมีต่อไปก็เป็นเรื่องราวซ้ำๆ สุข ทุกข์ดีใจ เสียใจ
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเราก็จะเข้าไปเล่นบทได้เร็วมากมาตอนนี้เราเริ่มชราจึงเล่นบทได้ช้า แต่ถึงแม้เราจะเข้าไปเล่นบทต่าง ๆ ได้ช้าลงแต่กิเลสของเราก็ยังไวอยู่คือใจของเรายังไวต่อกิเลสทั้งหลายจึงต้องพยายามหัดควบคุมจิตใจ ท่านฝากมาย้ำว่า “อยู่คนเดียวให้ระวังความคิดอยู่กับหมู่มิตรให้ระวังคำพูด” เขาก็คือเขา เราก็คือเราเมื่อได้รับรู้รับฟังสิ่งใดมาก็อย่าไปเล่นตามกิเลสเพราะถ้าเราเข้าไปเล่นแล้วเราอาจจะเล่นบทร้ายเพราะจิตของเราร้าย
https://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/12931-2.jpg@n
ต้องไม่ลืมว่าในโลกนี้มีคนมากมายที่เราไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวและเราก็ได้ยินแต่ข่าวแต่ข่าวเหล่านั้นไม่เคยประทุษร้ายเราเลย จึงต้องระวังการก้าวล่วงเข้าไปประทุษร้ายเขาเหล่านั้นโดยที่เขาไม่ได้รับรู้รับทราบและไม่ตอบโต้กลับมาก็ถือเป็นการเล่นบทร้ายที่มีโทษมาก
และก่อนที่จะเข้าสู่พิธีเจริญพระพุทธมนต์ท่านก็ได้บอกว่าขอบคุณลูก ๆ ทุกคน ที่ไม่ลืมและยังตั้งใจที่จะบริจาคทรัพย์ให้พ่อ ให้พ่อได้มีโอกาสทำทานให้พ่อได้มีโอกาสอนุโมทนา ได้มีโอกาสปีติในเส้นทางที่เคยนั่งสอนด้วยหัวใจและลูกก็กำลังเดินอยู่ในเส้นทางนั้นหลับตาทีไรก็เห็นลูก ๆ แต่ละคนเดินมา มีเราสองคนพ่อลูกเสมอ ลูกของพ่อยังไม่ตกจากเส้นทางนั้น
จบบทที่3
และรอพบตอนต่อไป เท่าที่สามารถจะจำและนำมาถ่ายทอดให้อ่านกันอีกนะคะ
https://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew13/2044-2.gif@n
หน้า:
[1]