แสงเทียนส่องใจ
แสงเทียนส่องใจ
https://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/2497-14.gifhttps://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/2497-14.gifhttps://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/2497-14.gifhttps://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/2497-14.gifhttps://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/2497-14.gifhttps://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/2497-14.gifhttps://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/2497-14.gif
เทียนสองเล่ม ที่ประดิษฐานอยู่เบื้องหน้าพระปฏิมาพระโบราณจารย์ท่านเปรียบไว้ว่า เสมือนพระธรรมและพระวินัยที่จะนำความสว่างมาสู่ผู้ที่ศึกษาและปฏิบัติตาม
แสงเทียนจากพระธรรมส่องสว่างให้รู้ทั่ว ถึงความเป็นไปของชีวิต และสรรพสิ่งทั้งหลาย
แสงเทียนจากพระวินัยส่องสว่างให้กระจ่างชัดถึงเส้นทางที่ควรดำเนินไปอย่างเคร่งครัดเพื่อให้ถึงเป้าหมาย
หากปราศจากความรู้ทั่วเสียแล้ว เราก็มิอาจที่จะดำเนินชีวิตไปให้ตามเส้นทางที่ควรดำเนินได้ และหากปราศจากเส้นทางและความเคร่งครัดเสียแล้ว เราก็มิอาจเดินไปจนบรรลุเป้าหมายได้เช่นกัน ทั้งสองประการจึงเป็นสิ่งที่คู่ควรอยู่ด้วยกัน สมตามสัญลักษณ์ที่ปรากฏ เพราะหากเรามีเพียงประการใดประการหนึ่ง ความครบสมบูรณ์ย่อมไม่เกิดขึ้น
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย พี่ดอกแก้ว เมื่อ 2025-8-7 18:42
https://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/13914-1.gif@n
ผู้ที่เรียนรู้มาก แต่ไม่เพียรสังวรเพื่อความบริสุทธิ์ ก็เสมือนติดหลอดไฟไว้ทั่วบ้านแต่ไร้สายไฟที่จะนำพลังงานไปแสดงผลส่วนผู้ที่เคร่งครัดต่อการปฏิบัติ โดยปราศจากความรู้ ก็เหมือนกับการเดินสายไฟไว้ แต่ไร้หลอดให้เรืองแสง
เคยสังเกตตนเองหรือไม่ว่า ..ทั้งๆที่เรามีความรอบรู้ในหลักธรรมอยู่มากมาย แต่ทำไมในบางครั้งที่เราประสบปัญหา เรากลับเกิดความท้อแท้และนิ่งดูดาย ต่อการแก้ไข หรือลุกขึ้นสู้ เราปล่อยชีวิตให้จมอยู่กับอารมณ์ที่มืดมน และหม่นหมอง.... เป็นการเปิดโอกาสให้ความมืดเข้ามาครอบครองชีวิตของเราไปในบางช่วง และเมื่อใดที่รู้สึกตัว... เราจึงเกิดความพยายามที่จะแก้ไข นั่นเป็นเพราะเราขาดความสมดุลในการใช้เทียนทั้งสองเล่มให้ประสบผล.. ซึ่งเป็นวิถีชีวิตของปุถุชนที่ต่างจากอริยะชนอย่างสิ้นเชิง
อย่างไรก็ดี การรู้จักใช้แสงสว่าง ในบางคราว ก็คือการทำลายความมืดให้หมดสิ้นลงไปในบางครั้งผู้ที่ศึกษาพระธรรมคำสั่งสอน จนมีความรู้ความเข้าใจแม้จะยังไม่ประสบผลสำเร็จในการปฏิบัติ อย่างน้อยก็นับได้ว่าเป็นบุคคลที่ไม่มืดบอดต่อแสงธรรมที่สาดฉาย เพราะยังมีโอกาสที่ดีที่จะใช้แสงสว่างสำรวจดูตนได้ในยามที่สำนึกรู้สึกตัวในภายหลัง..
https://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/13914-1.gif@n
หากไม่สิ้นชีวิตไปเสียก่อนซึ่งก็ยังดีกว่าผู้ที่ปฏิเสธการศึกษาพระธรรมอย่างสิ้นเชิง ..ซึ่งเบื้องหน้านั้นก็คือ การเป็นมิจฉาทิฎฐิบุคคลอย่างแน่นอน
ความเป็นมิจฉาทิฎฐิบุคคลนี้ คือผู้ที่มีความมืดบอดยิ่งกว่าผู้ที่จักษุพิการ.. เพราะมืดบอดต่อการกระทำกุศลกรรมที่ประกอบไปด้วยปัญญา มืดบอดต่อทางสายกลางที่ควรดำเนิน แม้จะหวังความสุขอันเป็นอมตะเพียงใดก็ยากยิ่งที่จะได้พบ ทั้งยังมีความสุดโต่งไปในการปฏิบัติอย่างงมงาย กระทำอกุศลก็เข้าใจว่าเป็นกุศล จึงเป็นผู้ที่น่าสงสารเป็นที่สุด ควรที่เราจะหลีกเร้นชีวิต ให้ห่างจากโทษสมบัตินี้ให้ได้
ขอให้ท่านผู้อ่านทุกคน ได้ประสบแต่สิ่งที่สว่างไสว ไร้รอยหมองหม่น ปราศจากมุมอับและมุมมืดของชีวิต ขอแสงเทียนที่ส่องฉายอยู่เบื้องหน้าองค์พระปฏิมา จงเป็นลำแสงที่ฉายฉานเข้าสู้ทุกดวงใจที่เปี่ยมด้วยศรัทธาในพระพุทธศาสนา ขอแสงไฟที่จุดสาดส่องทั่วในเทศกาลเข้าพรรษานี้ จงเป็นเสมือนความงดงามสว่างไสวของทุกผู้ปราถนาความสุขที่ปราศจากการเบียดเบียน ทั่วทุกๆท่านเทอญ.
ด้วยความปรารถนาดีค่ะ
บุษกร เมธางกูร.
https://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/2497-14.gif https://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/2497-14.gif
หน้า:
[1]