บุษกร โพสต์ 2017-5-4 09:53:40

เพียงเพื่อความสุข ๓




จงสร้างกำลังใจเพื่อที่จะเป็นผู้ศึกษาเล่าเรียนที่ดีเสมอ

การเรียนที่ดีมีวิธีอยู่มากมาย
คุณค่าของการศึกษาไม่ได้ขึ้นอยู่กับวิธีที่ดีที่สุด
แต่อยู่ที่วิธีใช้นั้น และอยู่ที่ว่า เราเลือกด้วยเสรีภาพของเราหรือเปล่า

การเรียนที่ดี ช้าหรือเร็วไม่เรื่องสำคัญ...
คุณค่าของการศึกษาไม่ได้ขึ้นอยู่กับการใช้เวลามากหรือน้อย
แต่อยู่ที่ว่า..เราใช้เวลาไปอย่างไรและเพื่ออะไรต่างหาก

เมื่อทราบดีด้วยเหตุผลนี้แล้วเราก็มาใส่ใจในการทำความรู้ใหม่ และเป็นความรู้ที่จะทำให้เรานั้นพาชีวิตของเราไปสู่ความพ้นทุกข์ได้ในอนาคตอย่างแน่นอน.

การศึกษาอะไร จะเป็นวิชาแขนงใดก็แล้วแต่ เราศึกษาไปก็เพื่อให้ประโยชน์กลับมาสู่ชีวิตนั่นเอง และต้องรู้ว่าอะไรเป็นแก่นแท้ที่เราสนใจที่สุด สิ่งนั้นก็คือชีวิต.

ฉะนั้นเราจึงต้องศึกษาให้รู้จักชีวิต เมื่อรู้จักดีแล้วจะได้ไม่ใช้ชีวิตให้หมดไปเปล่าๆโดยขาดการกระทำที่ควรกระทำนั่นเอง โดยเฉพาะการศึกษาพระอภิธรรม ที่จะนำมาซึ่งความรู้ยิ่งให้แก่เราเอง และเป็นการศึกษาที่จะเข้าไปพบ ไปพิสูจน์ชีวิตได้อย่างประจักษ์แจ้ง.


บุษกร โพสต์ 2017-5-4 09:54:13

http://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/14118-2.gif@n
การศึกษาพระอภิธรรมให้ประโยชน์มากมาย คือ..

๑. การศึกษาพระอภิธรรม จะทำให้เข้าถึงแก่นของพระพุทธศาสนา เพราะพระอภิธรรม เกิดจากพระสัพพัญญุตญาณของพระพุทธองค์ การเข้าถึงพระอภิธรรม จึงเท่ากับเข้าถึงพระปัญญาคุณ ของพระพุทธองค์อย่างแท้จริง

๒. การศึกษาพระอภิธรรม ก็คือศึกษาธรรมชาติ การทำงานของ กายและใจ ซึ่งเป็นธรรมชาติที่มีอยู่ในตัวเราและสัตว์ทั้งหลาย เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับเรื่องจิต (วิญญาณ), เรื่องเจตสิก, เรื่องอำนาจจิต, เรื่องวีถีจิต, เรื่องกรรมและการส่งผลของกรรม, เรื่องการเวียนว่ายตายเกิด, เรื่องสัตว์ในภพภูมิต่างๆ และเรื่องกลไกการทำงานของกิเลส

ทำให้รู้ว่าชีวิตของเรา ในชาติปัจจุบันนี้ มาจากไหนและมาได้อย่างไร มีอะไรเป็นเหตุ มีอะไรเป็นปัจจัย เมื่อได้คำตอบชัดเจนดีแล้ว ก็จะรู้ว่าตายแล้วไปไหนและไป ได้อย่างไร อะไรเป็นตัวเชื่อมโยง ระหว่างชาตินี้กับชาติหน้า จะทำให้หมดความสงสัยว่า… ตายแล้วเกิดอีกหรือไม่ นรก สวรรค์ มีจริงไหม ทำให้มีความเข้าใจเรื่องกรรม และการส่งผลของกรรม(วิบาก) อย่างละเอียดลึกซึ้ง

บุษกร โพสต์ 2017-5-4 09:54:37

http://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/14118-3.gif@n
๓. ผู้ศึกษาพระอภิธรรม จะเข้าใจเรื่องของปรมัตถธรรม หรือสภาวธรรมอันจริงแท้ตามธรรมชาติ ในพระอภิธรรม จะแยกสภาวะออกให้เห็นว่า ทุกสิ่งไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคลอะไรทั้งนั้น คงมีแต่สภาวธรรม ..... คือ จิต เจตสิก รูป ที่วนเวียนอยู่ในความเกิด แก่ เจ็บ ตาย

โดยอาศัยเหตุ อาศัยปัจจัยอุดหนุน ซึ่งกันและกัน เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เกิดขึ้นใหม่แล้วก็ดับ ไปอีก มีสภาพเกิดดับอยู่เช่นนี้ตลอดเวลา นานแสนนานไม่รู้กี่แสนชาติ กี่ล้านชาติมาแล้ว ที่สืบต่อกันอยู่เช่นนี้ โดยไม่รู้จักจบจักสิ้น

แม้ใครจะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม สภาวธรรมทั้ง ๓ นี้ก็ทำงานอยู่เช่นนี้ โดยไม่มีเวลาหยุดพักเลย สภาวธรรมหรือธรรมชาติเหล่านี้ มิใช่เกิดขึ้นจากพระผู้เป็นเจ้า พระพรหม พระอินทร์ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ เป็นผู้บันดาลหรือเป็นผู้สร้าง แต่สภาวธรรมเหล่านี้ เป็นผลอันเกิดมาจากเหตุ คือ กิเลสตัณหานั่นเองที่เป็นผู้สร้าง

บุษกร โพสต์ 2017-5-4 09:54:58

http://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/14118-4.gif@n
๔. การศึกษาพระอภิธรรม จะทำให้เข้าใจสภาวธรรมอีกประการหนึ่ง อันเป็นจุดมุ่งหมายสูงสุด ในพระพุทธศาสนาที่ต้องการให้เข้าถึง นั่นก็คือ นิพพาน

นิพพาน หมายถึง ความหลุดพ้นจากกิเลสตัณหา ผู้ที่ปราศจากกิเลส ตัณหาแล้วนั้น เมื่อสิ้นชีวิตลง ก็จะไม่มีการสืบต่อ ของจิต+เจตสิก และ รูปอีกต่อไป ไม่มีการสืบต่อภพชาติ หยุดการเวียนว่ายตายเกิด พ้นจากทุกข์ทั้งปวงโดยสิ้นเชิง จึงกล่าวว่า นิพพานเป็นธรรมชาติ ที่ปราศจากกิเลส ตัณหา เป็นธรรมชาติที่ดับทุกข์โดยสิ้นเชิง และเป็นธรรมชาติที่พ้นจากขันธ์

นิพพานมิใช่เป็นแดนสุขาวดี ที่เป็นอมตะ และเพียบพร้อมด้วยความสุขล้วนๆ ตลอดนิรันดร์กาล ตามที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ

บุษกร โพสต์ 2017-5-4 09:55:23

http://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/14118-5.gif@n
๕. การศึกษาพระอภิธรรม จะทำให้เข้าใจคำสอนที่มีคุณค่าสูงสุด ในพระพุทธศาสนา เพราะแค่การให้ทาน รักษาศีล และการเจริญสมาธิก็ยังมิใช่คำสอนที่มีค่าสูงสุดในพระพุทธศาสนา เนื่องจากเป็นเหตุให้ต้องเกิดมารับผลของกุศลเหล่านั้นอีก ท่านเรียกว่า วัฏฏกุศล เพราะกุศลเหล่านี้ยังไม่ทำให้พ้นไปจากการเวียนว่ายตายเกิด

คำสอนที่มีค่าสูงสุดในพระพุทธศาสนา คือ การปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ตามแนวมหาสติปัฏฐาน ๔ เพื่อให้เห็นว่า ทั้งนามธรรม (จิต + เจตสิก) และรูปธรรม (รูป) มีสภาพที่ไม่เที่ยง ทนอยู่ไม่ ได้ ไม่ใช่ตัวตน บังคับบัญชาไม่ได้ มีการเกิดดับ ๆ ตลอดเวลา หาแก่นสาร หาตัวตน หาเจ้าของไม่ได้เลย

เมื่อมีปัญญาเห็นแจ้ง ในสภาวธรรมตามความเป็นจริงเช่นนี้แล้ว ก็จะนำไปสู่การประหาณกิเลส และเข้าถึงพระนิพพาน ได้ในที่สุด

บุษกร โพสต์ 2017-5-4 09:56:02

http://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/14118-6.gif@n
๖. การศึกษาพระอภิธรรม จะทำให้เข้าใจเรื่องอารมณ์ของวิปัสสนา ซึ่งต้องมีนามธรรม (จิต + เจตสิก) และรูปธรรม (รูป) เป็นอารมณ์ เมื่อกำหนดอารมณ์ ในการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานได้ถูกต้อง การปฏิบัติก็ย่อมได้ผล ตามที่ต้องการ

๗. การศึกษาพระอภิธรรม เป็นการสั่งสมปัญญาบารมีที่ประเสริฐที่สุด ไม่มีวิทยาการใดๆ ในโลกที่ศึกษาแล้ว จะทำให้เกิดปัญญารู้แจ้งโลกได้เท่ากับ การศึกษาพระอภิธรรม

๘. การศึกษาพระอภิธรรม เป็นการช่วยกันรักษา หลักธรรมคำสอน ของพระพุทธองค์ไว้ ให้อนุชนรุ่นหลัง และเป็นการช่วยสืบต่อพระพุทธศาสนา ให้มั่นคงถาวรตลอดไป

แล้วจะมาอธิบายต่อนะคะ

ด้วยความปรารถนาดีคะ
บุษกร เมธางกูร

http://webboard.abhidhammaonline.org/old/www.dhammathai.org/flowers/flower11.gif
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: เพียงเพื่อความสุข ๓