อภิธรรมกับวิปัสสนา
ถ้าความรู้จะเพิ่มพูนต้องสนใจศึกษาพระอภิธรรมะอภิธรรมจำเป็นสำหรับวิปัสสนา นามและรูปถ้าปราศจาก ความรู้ในอภิธรรม เราไม่สามารถเข้าใจในวิปัสสนาได้ เพราะฉะนั้นเราจะต้องรู้อะไร นาม อะไรรูป ถ้าคุณต้องการรถ คุณจะต้องรู้จักรถ คุณต้องรู้ขับรถอย่างไร คุณจะต้องรู้ ถ้าคุณต้องการเจริญวิปัสสนา คุณจะต้องรู้ อะไรคือ นามอะไร คือ รูป บางคนรู้เรื่องราวของตนเขารู้อะไรสำหรับเขา ใครพ่อแม่เขา งานเขาอะไรเราไม่สามารถเข้าใจ อภิธรรมะอธิบายอะไรคือ นาม อะไรคือ รูปพระพุทธเจ้าอธิบายรูป ๘ หรือ ๙ รูป รูปอะไรคุณต้องเข้าใจชนิดของรูป รูป ๘ อย่าง คือ มหาภูตรูป ๔ สี กลิ่นรส และ โอชา รูปไม่สามารถเกิดขึ้นได้ โดดๆ เพราะฉะนั้นรูปอะไรเกิดขึ้น รูปอะไรดับไป ต้องรับรู้มัน พุทธศาสนา อุตุ อาหาระ กรรม และจิตก็นับเนื่องใน นาม เพียงแค่ นาม และรูป ร่างกายของเรา รูปขันธ์ทั้งหมดก็รวมเข้ารวมอยู่ด้วยกัน มีความเกิดขึ้นมีความดับไป มีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ บางทีผู้คนทั้งหลาย ส่วนมาก ไม่มีใครเห็น ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ กรรมหมายถึง เจตนา ก็คือ กรรมเจตนา เป็นเหตุ เจตนาหัง ภิกขะเว กัมมัง วะทามิภิกษุทั้งหลายเรากล่าวเจตนาว่าเป็นตัวกรรม เรามี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ทำไมเราหลงลืมบางคนหล่อ บางคนสวย บางคนรวย บางคนจน ก็เพราะมาจากเหตุสวยมาจากเมตตา น่าเกลียดมาจาก โทสะผลของใจ ก็จะสร้างสิ่งเหล่านั้นขึ้นมาถ้าเราอยากสวย สำรวมระวังอย่าด่า อย่าว่าอย่าดุ ถ้าเรากระทำลงไป เราจะกลายเป็นคนน่าเกลียดขึ้นมาทันที บางคน หน้าตาดี ก็มาจากกรรมล้วนมาจากกรรมทั้งนั้นก็เพราะกรรมบ้าง ต้องการเปลี่ยนหน้าตาเขาต้องการเปลี่ยนแต่ไม่ยอมเปลี่ยนที่ใจโดยการทำใจให้ประกอบกับจิตที่มีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาเราต้องทำใจเราให้ผ่องใส ให้เคลีย รูปและนามก็จะปรากฏขึ้นมา ถ้าหันเข้ามาหาพระอภิธรรมเราเห็นบางอย่างกับด้วยตาของเรา เรียกว่า จักขุวิญญาณ ก็จะเกิดขึ้นด้วยกันเอกัคคตา มนสิการ นี้ เรียก เจตสิก เกิดขึ้นในใจ ใจอย่างเดียวไม่สามารถสัมผัสได้กับอารมณ์ต้องมี ผัสสะ เวทนา สัญญาเจตนา เอกัคคตาชีวิตินทรีย์ และมนสิการก็จะเกิดร่วมกับอารมณ์นี้พวกเราจะต้องเข้าใจ ทุกอย่าง เปรียบเหมือนการขับรถ หน้าที่ของรถทุกอย่างทำงานด้วยกัน ไม่มีอะไรสำคัญกว่ากัน ทุกอย่างสำคัญด้วยกันหมด บางคนคิดว่าพวงมาลัยสำคัญที่สุด ถ้าไม่มีน้ำมัน ไม่มีล้อ รถจะไปได้อย่างไรพวกเขาจะมีหน้าที่ต่างกัน อย่างไรก็ต่างล้วนต้องพึ่งพาอาศัยกัน อย่างเรา มีตา หูจมูก ก็มีหน้าที่ต่างกัน พวกเขาก็มีหน้าที่ต่างๆกันปราศจากวิปัสสนาเราไม่อาจถึงที่สุดทุกข์ได้ ในวิสุทธิมรรค ในหมวดปัญญาภาวนา การทำความเข้าใจในวิปัสสนาพวกเราจะต้องให้ความสำคัญกับปัญญา ถ้าเราไม่เข้าใจ เราจะปฏิบัติได้อย่างไรเราไม่สามารถรู้ได้ถ้าปราศจากปัญญา ถ้าหันเข้าหาอภิธรรม ธัมมสังคณีวิภังค์ ธาตุกถาปุคคลบัญญัติ กถาวัตถุ ยมกะและคัมภีร์มหาปัฏฐานเหล่านี้ เรียกว่า อภิธรรม ๗ คัมภีร์ อภิธรรมอธิบายไว้ถึง รูป และ นาม ปราศจากความรู้ในในอภิธรรม เราไม่สามารถเข้าใจรูปและนามได้ ถ้าเราอยากเข้าใจวิปัสสนา เราต้องเรียนอภิธรรมประชาชนโดยมากอยากเข้าถึงนิพพาน พระพุทธเจ้าโดยมากตรัสว่านิพพานัง ปรมัง สุขัง แปลว่านิพพานเป็นสุขอย่างยิ่งเพราะว่านิพพานเป็นสุดยอดของความสุข ไม่ใช่ว่าจะมีความสุขตอนhappy new year ในปีใหม่ไม่ใช่ความสุขในวันเกิดที่อวยกันว่าHappy birth dayซึ่งบางทีอาจจะไม่ใช่ความสุขอาจจะเป็นความทุกข์ไปก็ได้หากว่าเรายังมองโลกด้วยความวิจิตรตระการตาอยู่ตราบใด เราก็ยังคงหลงชื่นชมความงามของโลกอยู่ตราบนั้น ไม่อยากออกไปจากการเห็นการรับรู้นั้นๆได้
เพราะการมองผิดไปจากความจริงนี้เป็นเหตุปัจจัยให้เกิดความลุ่มหลงและส่งผลให้เวียนว่ายตายเกิดมิรู้จักจบสิ้นนั่นเอง.
http://picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/14584.jpg?n
หน้า:
[1]