ม่านบังใจ
http://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/14027.jpg@nม่านบังใจ คำๆนี้เกิดขึ้นในอารมณ์หลังจากพี่เณรรับกระทบอารมณ์มาครับ จึงอยากจะมาระบายธรรมออกมาให้ท่านผู้อ่านลองวิเคราะห์ดูกันครับว่า..ว่าจะรู้สึกอย่างไร?
อิสระภาพ...คำๆนี้สูงค่ามากสำหรับชีวิต ซึ่งถ้าได้เรียนพระธรรมแล้วยิ่งทำให้ซึ้งทราบว่า ยิ่งใหญ่และสูงค่ามากๆเลยครับ เพราะนั่นหมายถึงเป้าหมายที่ทุกคนต้องการแต่อาจจะไม่รู้จักนั่นเอง ได้แก่..พระนิพพานไงครับ ซึ่งเป็นอิสระภาพจากทุกๆสิ่งทุกๆอย่างที่พันพัว - รัดตรึงชีวิตเราท่านไว้กับทุกข์และโทมนัสเป็นตนครับ
พี่เณรต้องขอกล่าวไว้ตรงนี้ว่า การดำรงชีวิตของพี่เณรค่อนข้างอยู่ยากกว่าบางคนในหลายๆประการครับ ด้วยเพราะมีคนมากหลากหลายที่เสมือนใช้ชีวิตในทางเดินเดียวกันครับ ซึ่งจำเป็นจะต้องดูใจ เกรงใจ บางครั้งต้องเหมือนแคร์ใจไปหมด จนทำให้อิสระภาพนั้นน้อยมากกว่าคนอื่นๆก็ได้ครับ อาทิเช่น..
การไปไหนกับใครบางคน-บางกลุ่ม...ซึ่งไม่ทั้งหมดรอบตัว, การต้องไปตามคำชวนที่ต้องไปโดยเสียไม่ได้เป็นต้น ซึ่งมีผลปรากฏก่อนไปบ้าง-หลังไปบ้าง มีผลกระทบสู่ใจพี่เณรชนิดเอือมเอาเลยละครับผม
http://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/14027-1.jpg@n
และในบางครั้งพี่เณรเองก็ต้องไปแบบชนิดน้ำท่วมปาก เพราะมากไปด้วยบุคคลหลายชนิด - หลายเหตุ - ซึ่งวุ่นวายใจพอควรเชียวครับ
แต่พี่เณรอาศัยความอดทน เพื่อสิ่งที่จะดีขึ้นในการข้างหน้า แต่โอ้ว่าอนิจจาจนวันนี้พี่เณรยังไม่เห็นแววแห่งภูแสงตะวันนั้นเลยครับ ด้วยเพราะความน้อยเนื้อต่ำใจที่แต่ละคนขวักออกมาโชว์พี่เณรทางสีหน้าบาง ทางน้ำเสียงบ้าง แม้แต่การกระทำ จึงทำให้พี่เณร..รู้สึกถึงคำว่า..ม่านบังใจ..ขึ้นมาครับ..
ก็เพราะความยึดติดในบุคคล - ตัวตน - เราเขา - มีมากจนเป็นม่านมาบังใจให้ไกลจากสิ่งที่ตนเองต้องการคืออิสระภาพนั่นเองครับ แล้วงี้พระนิพพาน อันเป็นธรรมที่ต้องไปคนเดียว ทำคนเดียว ถึงคนเดียว จะบังเกิดขึ้นได้ฤา ถ้ายังยึดถือกันเหนียวแน่นอยู่ครับ ?
http://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/14027-2.jpg@n
เราเองต่างหากคนเดียวที่จะเป็นผู้ก่อนสร้างบ้านใจหลังใหม่ให้หายรกรุงรังด้วยสิ่งไร้สาระ..ก็ด้วยเราเองคนเดียวจริงๆนะครับ.
ถ้าเราไม่หยุดติด - ชีวิตก็ต้องมีเกิดต่อไป โดยเฉพาะติดขังตนเองอยู่ในอดีตอารมณ์นะครับ
อย่าปล่อยให้แค่เป็นผู้เรียนธรรมแต่ใจไม่เปิดให้ธรรมมารักษากันเลยนะครับ..เพราะจะไม่ต่างกับตะวันชิงพลบครับ.
และท้ายสุดเพื่อเลือกทางเดินของใจ.....พี่เณรขอนำกลอนของพี่ดอกแก้วมาลงฝากไว้เตือนใจอีกครั้งนะครับผม
http://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/2497-14.gif http://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/2497-14.gif http://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/2497-14.gif http://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/2497-14.gif
คราวผิดหวังครั้งใดใจมืดมิด
โทสะปิดดวงตาพาหม่นหมอง
แม้นโลกกว้างสว่างไปด้วยแสงทอง
กลับเพ่งมองแต่รอยดำความช้ำใจ
แล้วอำพรางสร้างฉากฝากเรื่องเศร้า
เพราะใจเขลาย้ำคิดติดนิสัย
เหมือนสีดำซ้ำทาหนาทึบไป
ดังราวไพรรกร้างห่างสมบูรณ์
เปิดม่านไพรเปิดใจให้ไร้ม่าน
เปิดห้วงกาลสู้ใหม่ไม่สิ้นสูญ
เปิดรอยก้าวประสบการณ์เพื่อเพิ่มพูน
เปิดตำนานทวีคูณจากสงคราม
เป็นบทเรียนเพียรฝึกให้นึกรู้
เลือดนักสู้ฆ่าได้ไม่ควรหยาม
หากล้มลงถูกปลงชีพคุกคาม
ดีกว่าความอ่อนแอแพ้ใจตน
ใบไม้ผลัดผลิใหม่ไม่ยอมท้อ
ยังแตกช่อล้อไกวไปทุกหน
ตราบถึงวันสิ้นแรงจะบันดล
คือวันที่สิ้นตนเพราะความตาย
อย่าทำร้ายตัวเองด้วยเพลงเศร้า
อย่าโทษเขาว่ามิใช่มิตรสหาย
อุปสรรคอยู่ที่เราไม่ฟื้นกาย
ทำใจวายด้วยมือตนคนอ่อนแอ
จาก..พี่ดอกแก้ว
http://webboard.abhidhammaonline.org/old/www.bloggang.com/data/rayasuree2526/picture/1175280775.gif
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย พี่ดา เมื่อ 2017-5-19 09:48
การกล้าที่จะปฏิเสธบ้าง
ก็มิใช่ว่าจะเลวร้ายไปซะทุกครั้งนะคะ
:shutup: :shutup: :shutup: :shutup: :shutup: :shutup:
หน้า:
[1]