ทบทวนพระอภิธรรมมัตถสังคหะ เรื่องจิต (ตอนที่ ๑)
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย พี่ดา เมื่อ 2018-8-6 11:52ทบทวนพระอภิธรรมมัตถสังคหะ เรื่องจิต (ตอนที่ ๑)
จิต เป็นธรรมชาติที่รู้อารมณ์จิตมีมากมายหลากหลายประเภทซึ่งล้วนเกิดขึ้นจากการปรุงแต่งของธรรมชาติอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า เจตสิก
การจะศึกษาเรียนรู้ทำความเข้าใจเรื่องจิตซึ่งมีมากมายถึง ๘๙ ประเภท (ดวง)โดยย่อ หรือ ๑๒๑ ดวงโดยพิสดาร
จำเป็นต้องอาศัยผังจิตช่วย ซึ่งด้วยความปรีชาญาณของท่านพระครูศรีโชติญาณอดีตเจ้าอาวาสวัดศรีประวัติได้คิดรูปแบบของผังจิตที่ง่ายต่อการศึกษาและจดจำ ด้วยการใช้เวทนามาแทนจิตแต่ละดวง
เพราะจิตแต่ละดวงที่เกิดขึ้นย่อมต้องประกอบด้วยเวทนาซึ่งเป็นธรรมชาติที่เสวยอารมณ์ และจะเกิดขึ้นประกอบกับจิตเสมอ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย พี่ดา เมื่อ 2018-8-6 11:21
เวทนามี๕ อย่างคือ
๑.สุขเวทนา รู้สึกสุขทางกาย
๒.ทุกขเวทนา รู้สึกทุกข์ทางกาย
๓.โสมนัสเวทนา รู้สึกสุขทางใจ
๔.โทมนัสเวทนารู้สึกทุกข์ทางใจ
๕.อุเบกขาเวทนา รู้สึกเฉยๆทางใจ
ผังจิต ๘๙ โดยย่อ หรือ ๑๒๑ โดยพิสดาร ซึ่งใช้ประกอบการศึกษาเล่าเรียนค่ะ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย พี่ดา เมื่อ 2018-8-6 17:45
* เพราะจิตมีสภาพที่เป็นไตรลักษณ์ จิตจึงมีการเกิดดับรวดเร็วมาก และเกิดสืบต่อกันไม่ขาดสาย
* การจะเข้าใจสภาวะลักษณะอันแท้จริงของจิตได้นั้น ต้องพิจารณาจากลักษณะพิเศษเฉพาะประจำตัวของจิต นั่นก็คือวิเสสลักษณะ ซึ่งมี ๔ ประการ คือ
๑. ลักษณะ ได้แก่ สภาพประจำตัวเฉพาะ
จิตมีการรู้อารมณ์เป็นลักษณะ คือจิตแค่รู้อย่างเดียวเท่านั้น
๒. รสะ ได้แก่ กิจ/หน้าที่การงาน
จิตมีการเป็นประธานในธรรมทั้งปวง ซึ่งหมายถึงจิตเป็นประธานในสัมปยุตตธรรมคือเจตสิกที่ประกอบร่วมด้วย จิตน้อมไปสู่อารมณ์ใด เจตสิกที่ประกอบก็น้องไปสู่อารมณ์นั้นๆด้วย
๓. ปัจจุปัฏฐาน ได้แก่ผลปรากฏที่เกิดขึ้นจากหน้าที่
จิตมีการเกิดขึ้นสืบเนื่องกันไม่ขาดสายเช่น จิตมีการเห็น การได้ยินเป็นอาการปรากฏ
๔. ปทัฏฐาน ได้แก่ เหตุใกล้ที่ให้ธรรมนั้นปรากฏขึ้น
จิตมีนามรูปเป็นเหตุใกล้ให้เกิด
นามในที่นี้หมายถึงเจตสิกที่ประกอบกับจิตนั้น
ส่วนรูปหมายถึงกรรมชรูปที่เป็นที่อาศัยของจิตนั้น
หมายเหตุ ** เหตุให้จิตเกิดมีทั้งเหตุไกลและเหตุใกล้
- เหตุไกล หมายถึง อารมณ์และ อดีตกรรม
- เหตุใกล้ หมายถึง เจตสิกและวัตถุที่อาศัย (กรรมชรูป)
** วิเสสลักษณะมี ๔ ข้อ มีลักษณะเป็นข้อแรก จึงมักเรียกว่า "ลักขณาทิจตุกะ" มาจาก ลักษณะ + อาทิ + จตุกะ
อาทิ แปลว่า เป็นต้น จตุกะแปลว่า ๔
ลักขณาทิจตุกะ จึงหมายความว่า ในลักษณะพิเศษเฉพาะตัว ๔ ประการนี้มีลักษณะเป็นต้น
(โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ)
หน้า:
[1]