แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย พี่ดอกแก้ว เมื่อ 2025-7-19 17:33
คำสอนนี้เป็นการเสนอให้กระทำเพียงอย่างเดียวแต่มีผลหลายทิศทางกล่าวคือ เป็นการสอนให้ใช้ทรัพย์ที่ได้มาด้วยความปลอดภัย และเป็นลดความเค็มของชีวิตด้วยการใช้ทรัพย์ในส่วนที่4 เพื่อการสละออกหรือการบริจาคไปสู่ผู้อื่นที่ไม่ใช่ครอบครัว ญาติ หรือเพื่อน ซึ่งเป็นการสร้างกุศลสาธารณะประเภทต่าง ๆทั้งด้วยการทำร่วมกันเป็นหมู่คณะและการกระทำส่วนตนด้วยการบริจาคให้แก่วัด โรงเรียนโรงพยาบาล สถานสงเคราะห์ ผู้ประสบภัยพิบัติ และผู้ด้อยโอกาสต่าง ๆ
การบริจาคทานจึงมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อกำจัดกิเลสคือความตระหนี่หวงแหนที่ตนเองผู้ให้ทานสามารถลดความเห็นแก่ตนละมัจฉริยะออกไปได้ในบางโอกาสเสมือนเติมน้ำจืดลงไปในโอ่งเกลือเรื่อยๆ จนในวันหนึ่งเมื่อมีปริมาณน้ำจืดมากขึ้นๆ ความเค็มก็จะคลายรสไปและแม้จะเป็นการบริจาคให้แก่ผู้ที่มีความสมบูรณ์อยู่แล้วหรือผู้ที่ไม่ประสงค์จะรับก็ยังจัดว่าเป็นการลดความตระหนี่ของตนสร้างความอ่อนโยนในจิตใจของตนเองที่ปรารถนาจะให้ผู้นั้นได้รับความสุข
บางคนบอกว่ามีเฉพาะเงินใช้จ่ายในแต่ละวันไม่มีทรัพย์ที่จะไปทำบุญ เวลาเห็นใครเขาทำบุญก็รู้สึกน้อยใจในขีวิตตัวเองที่ไม่มีโอกาสเช่นนั้น หลวงพ่อท่านก็ได้ปรับปรุงความรู้สึกของบุคคลนั้นว่า การบำเพ็ญทานบารมีไม่ได้ใช้ทรัพย์สินเงินทองเท่านั้นแต่ยังสามารถใช้กำลังแรงกายบำเพ็ญทานด้วยการกระทำกิจการงานกุศลต่าง ๆ เช่นการทำความสะอาด การทำอาหาร การซ่อมแซมตกแต่งสถานที่ ซึ่งเป็นการสละความสุขส่วนตนเพื่อให้ประโยชน์แก่บุคคลอื่น และนอกจากที่กล่าวมาแล้ว การแผ่ส่วนกุศลหรือการอุทิศกุศลรวมทั้งการกล่าวอนุโมทนากับผู้อื่นแสดงความยินดีในการทำความดีหรือการทำบุญของผู้อื่นก็เป็นทานกุศลที่สามารถทำได้ง่ายโดยไม่ต้องใช้เงิน
การบำเพ็ญศีลและทานให้มีคุณภาพจำเป็นต้องใช้ปัญญาเข้าไปบริหารจัดการเพื่อให้เกิดผลดีและเป็นไปเพื่อความดับทุกข์ ต้องเข้าใจถึงผลดีที่ได้ทำและผลเสียที่ไม่ได้กระทำแล้วนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันให้มากขึ้นๆ เพื่อพัฒนาชีวิตให้เกิดความสุข.
ขอให้ทางชีวิตของแต่ละท่านมีหนทางที่จะพัฒนาจิตใจตนเอง
และยกระดับคุณภาพชีวิตได้ยิ่งขึ้นไป

|