ลืมรหัสผ่าน
 ลงทะเบียน
ค้นหา
ดู: 879|ตอบกลับ: 0

เหตุอย่างเดียวคนได้ผลต่างกัน

[คัดลอกลิงก์]

42

กระทู้

114

ตอบกลับ

1901

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

เครดิต
1901
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เทพธรรม เมื่อ 2017-3-29 17:20



เหตุอย่างเดียวคนได้ผลต่างกัน
จาก อสิลักขณชาดก



พราหมณ์ผู้ตรวจลักษณะดาบของพระเจ้าโกศลเป็นผู้เห็นแก่ลาภ ซึ่งมีวิธีตรวจดาบที่พวกช่างเหล็กนำมาถวายพระราชา โดยการสูดดมดาบแล้วชี้ถึงลักษณะดีชั่วของดาบ ถ้าเขาได้ลาภจากมือของช่างดาบพวกใด ก็กล่าวดาบของช่างพวกนั้นว่า สมบูรณ์ด้วยลักษณะ ประกอบด้วยมงคล หากไม่ได้จากมือของช่างพวกใด ก็ติเตียนดาบของช่างพวกนั้นว่า อัปลักษณ์

ครั้งนั้น ช่างดาบคนหนึ่งกระทำดาบแล้วใส่พริกป่นอย่างละเอียดในฝัก แล้วนำดาบมาถวายพระราชา พระราชารับสั่งหาพราหมณ์มา ตรัสว่า ท่านจงพิจารณาดูดาบทีเถิด

เมื่อพราหมณ์ชักดาบ ออกมาดม พริกป่นเข้าจมูก ทำให้เกิดอยากจามขึ้นมา เมื่อพราหมณ์กำลังจามอยู่นั่นแหละ จมูกก็ถูกคมดาบบาดขาดเป็นสองชิ้น

ข่าวที่พราหมณ์จมูกขาดนี้ได้รู้กันทั่วในหมู่สงฆ์ อยู่มาวันหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายพากันยกเรื่องนี้ขึ้นสนทนาในโรงธรรม พระศาสดาเสด็จมาจึงตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งประชุมสนทนากัน ด้วยเรื่องอะไร?

เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว ทรงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่แต่ในบัดนี้เท่านั้น ที่พราหมณ์นั้นดมดาบถึงจมูกขาด แม้ในกาลก่อน ก็เคยถึงจมูกขาดมาแล้ว

ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี พระองค์ได้มีพราหมณ์ ผู้ตรวจลักษณะดาบเหมือนกัน เรื่องทุกอย่าง ก็เช่นเดียวกันกับเรื่องปัจจุบันนี้ ต่างกันก็แต่ว่า พระราชาได้พระราชทานหมอแก่พราหมณ์ ให้รักษาจนยอดจมูกหายเป็นปกติ ให้ทำจมูกเทียมด้วยครั่งใส่แทน แล้วทรงตั้งพราหมณ์เป็นข้าเฝ้าในตำแหน่งเดิม

พระเจ้าพาราณสีนั้นไม่มีโอรส มีแต่พระธิดาองค์หนึ่ง กับพระราชภาคิไนย พระองค์ทรงเลี้ยงพระราชธิดา และพระราชภาคิไนย ไว้ในสำนักของพระองค์ด้วยกัน เมื่อพระราชธิดาและพระราชภาคิไนยทรงจำเริญร่วมกันมา ต่างฝ่ายต่างมีพระทัยปฏิพัทธ์กัน

พระราชาจึงตรัสเรียกอำมาตย์ทั้งหลายมารับสั่งว่า หลานของเราจักได้เป็นเจ้าของราชสมบัตินี้ เพียงผู้เดียว เราจักยกธิดาให้เขา แล้วทำการอภิเษกกันเลยทีเดียว แต่แล้วทรงพระดำริใหม่ว่า หลานของเราก็คงเป็นญาติของเรา โดยประการทั้งปวง เราจักนำราชธิดาอื่นมาให้เขาแล้วทำการอภิเษก ยกธิดาของเราให้แก่พระราชาองค์อื่น ด้วยอุบายวิธีนี้ ญาติของเราจักเป็นเจ้าของราชสมบัติทั้งสองพระนคร

ท้าวเธอทรงปรึกษากับอำมาตย์ทั้งหลาย รับสั่งว่า ควรจะแยกคนทั้งสองนั้นเสีย แล้วรับสั่งให้ พระราชภาคิไนยประทับในตำหนักหนึ่ง พระราชธิดาประทับในตำหนักหนึ่ง

พระราชภาคิไนย และพระราชธิดาทั้งคู่นั้นมีพระชนม์ถึง ๑๖ พรรษาด้วยกันแล้ว ยิ่งมีพระทัยปฏิพัทธ์ต่อกันยิ่งนัก พระราชกุมารทรงพระดำริว่า ด้วยอุบายอย่างไรเล่าหนอ เราจึงจะอาจพาธิดาของเสด็จลุง ออกจากพระราชวังได้ เห็นว่า มีอุบายอยู่อย่างหนึ่ง จึงรับสั่งเรียกหญิงแม่มดผู้ใหญ่ เข้ามาเฝ้า ประทานสิ่งของ มีค่าพันกหาปณะแก่นาง

เมื่อนางกราบทูลถามว่า จะให้หม่อมฉันทำอะไร?

พระราชกุมารรับสั่งว่า ในวันนี้ ท่านจงอ้างเหตุอะไรๆ ก็ได้ ทำให้เสด็จลุงของฉัน พาธิดาออกจากพระราชวังให้จงได้ ก็แล้วกัน

หญิงแม่มดรับคำว่า สำเร็จ เพคะ วันนี้หม่อมฉันจะเข้าเฝ้าพระราชา แล้วจะกราบทูลว่า กาฬกรรณีกำลังกุมพระธิดาอยู่ในเวลานี้ หม่อมฉันขอพาพระธิดาขึ้นรถไปทำพิธีที่ป่าช้า โดยให้จัดบุรุษถืออาวุธจำนวนมากตามไปด้วย

เมื่อไปถึงป่าช้าแล้ว ก็ให้มนุษย์ที่ตายแล้วนอนเหนือเตียงในป่าช้า อยู่เบื้องล่างของตั่งอันเป็นมลฑลพิธี ให้พระราชธิดาประทับนั่งเหนือเตียงชั้นบน ให้ทรงสรงสนานด้วยน้ำหอมประมาณ ๑๕๐ หม้อ ยังตัวกาฬกรรณีให้ลอยไป

หากหม่อมฉันกราบทูลอย่างนี้แล้ว ก็จักพาพระราชธิดาไปป่าช้าได้ และในวันที่พวกหม่อมฉันจะไปป่าช้านั้น พระองค์ก็ถือเอาพริกป่นหน่อยหนึ่ง แวดล้อมด้วยผู้คนถืออาวุธของพระองค์ ขึ้นไปสู่ป่าช้าเสียก่อน หยุดรถไว้ที่ประตูป่าช้าด้านหนึ่งก่อน ให้พวกคนที่ถืออาวุธเข้าไปในป่าช้าเสีย พระองค์เองเสด็จไปสู่แท่นพิธีมณฑลในป่าช้า ทำเป็นคนตายที่นอนให้เขาคลุมไว้

เมื่อหม่อมฉันมาถึงที่นั้น ก็จักวางเตียงคล่อมพระองค์ไว้ ยกพระราชธิดาขึ้นวางไว้บนเตียง ขณะนั้นพระองค์ก็เอาพริกป่นใส่พระนาสิก ก็จะทรงจามสอง-สามครั้ง ในเวลาที่พระองค์ทรงจาม หม่อมฉันจะละพระราชธิดาไว้ แล้วหนีไป ตอนนั้นพระองค์จงยังพระราชธิดาให้สรงสนานพระเศียร แม้พระองค์เองก็สรงสนานพระเศียรเสียด้วย แล้วพาพระธิดาไปสู่ตำหนักของพระองค์

พระราชกุมารรับสั่งว่า อุบายเหมาะจริง ดีแท้ๆ ฝ่ายหญิงแม่มดก็ไปกราบทูลความนั้นแด่พระราชา พระราชาทรงรับสั่งอนุญาต แล้วหญิงแม่มดก็ไปทูลความนั้นให้พระราชธิดาทรงทราบไว้

ในวันที่จะออกไป หญิงแม่มดให้สัญญาณแก่พระกุมาร แล้วไปสู่ป่าช้าด้วยบริวารจำนวนมาก กล่าวขู่ เพื่อให้เกิดความกลัวแก่พวกมนุษย์ที่อารักขาว่า ในเวลาที่เราวางพระธิดาลงบนเตียง คนตายที่อยู่ใต้เตียงจักจาม และครั้นแล้วจะลุกออกจากใต้เตียง เห็นผู้ใดก่อนจักจับผู้นั้นไป พวกท่านพึงระวังตัวให้ดี อย่าประมาท

พระราชกุมารไปถึงก่อนแล้วบรรทมอยู่ที่นั้น โดยนัยดังกล่าวแล้ว แม่มดใหญ่อุ้มพระธิดาขึ้น เดินไปสู่แท่นมณฑล กราบทูลปลอบว่า อย่ากลัวเลย ให้สัญญาณแล้ววางลงบนเตียง

ขณะนั้น พระราชกุมารก็เอาพริกป่นใส่จมูกจามขึ้น พอพระราชกุมารจามขึ้นเท่านั้น แม่มดใหญ่ก็ละพระราชธิดาไว้ ร้องเสียงดังลั่น หนีไปก่อนคนทั้งหมด พอแม่มดใหญ่หนีไปแล้ว ก็ไม่มีใครแม้คนเดียวจะรั้งรออยู่ได้ ทุกคนต่างทิ้งอาวุธที่ถือมา พากันหนีไปสิ้น.

พระราชกุมารทำทุกอย่างตามที่ปรึกษาตกลงกันไว้ แล้วพาพระราชธิดาไปสู่นิเวศน์ของพระองค์ ฝ่ายหญิงแม่มดก็ไปกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระราชา พระราชาทรงพระดำริว่า แต่เดิมนั้นเล่า เราก็เลี้ยงนางไว้เพื่อยกให้แก่เธออยู่แล้วเรื่องครั้งนี้ ก็เป็นเหมือนทิ้งเนยใสลงในข้าวปายาส จึงทรงรับรอง ในเวลาต่อมาก็ทรงมอบราชสมบัติแด่พระภาคิไนย ทรงตั้งพระราชธิดาเป็นมหาเทวี พระภาคิไนยก็ได้อยู่ร่วมสมัครสังวาสกับพระราชธิดานั้น ครองราชสมบัติโดยธรรม

ฝ่ายพราหมณ์ผู้ตรวจลักษณะดาบ ก็ได้เป็นอุปัฏฐากของพระองค์ อยู่มาวันหนึ่ง เมื่อพราหมณ์เข้าเฝ้าพระราชา ยืนเฝ้าอยู่ในทิศทางที่สวนกับดวงอาทิตย์ ครั่งละลายจมูกเทียมตกลงที่พื้น พราหมณ์ต้องยืนก้มหน้าด้วยความละอาย

ครั้งนั้น พระราชาทรงพระสรวลพราหมณ์ ตรัสว่า ท่านอาจารย์ อย่าได้คิดเลย ธรรมดา การจามได้เป็นผลดีแก่คนหนึ่ง เป็นผลร้ายแก่คนหนึ่ง ท่านจามจมูกขาด ส่วนฉันจามได้ธิดาของเสด็จลุง แล้วได้ราชสมบัติ

แล้วตรัสพระคาถาว่า “ เหตุอย่างเดียวกันนั่นแหละ เป็นผลดีแก่คนหนึ่ง แต่กลับเป็นผลร้ายแก่อีกคนหนึ่งได้ เพราะฉะนั้น เหตุอย่างเดียวกัน มิใช่ว่าจะเป็นผลดีไปทั้งหมด และมิใช่ว่าจะเป็นผลร้ายไปทั้งหมด ”












ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ข้อความล้วน|อุปกรณ์พกพา|ประวัติการแบน|อภิธรรมออนไลน์

GMT+7, 2024-11-1 08:36 , Processed in 0.069749 second(s), 21 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.9

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้