ปัญหาการขัดใจกันทุกวันนี้ ล้วนมาจากการพูดผิดทั้งสิ้น ที่กล่าวนี้ โดยยกเอาวจีทุจริตขึ้นมาตั้ง คือคำพูด ๔ อย่างที่ไม่ควรจะพูดนั่นเอง ได้แก่การพูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดเพ้อเจ้อ และพูดจาหยาบคาย ซึ่งจัดเป็นบาปทั้งสิ้น ไม่เป็นประโยชน์กับตนเองได้เลย มิหน่ำซ้ำยังสร้างปมปัญหานานับชนิดติดตามเสมอ
คำพูดการเจรจาพาทีกันนั้น มีความขาดสติ จึงเกิดการพูดจาเหลวใหลไร้สาระมากมาย ซึ่งเป็นเหตุทำให้เกิดความบาดหมางใจกันได้
เมื่อคำไร้สาระ คำเพ้อเจ้อมีขึ้นก็ย่อมมีโอกาสพาดพิงไปยังบุคคลอื่นตามมา เมื่อเป็นเช่นนี้ โอกาสที่จะเกิดการพูดเท็จก็มีได้ง่าย เพียงเพื่อการแก้ตัวของตัวเองเท่านั้น ยิ่งถ้ามีการโต้เถียงสืบหาต้นตอแห่งคำพูดนั้น ก็สามารถพลักดันคำพูดที่ก้าวร้าวหยาบคายตามมา เป็นกระบวนแห่งบาปได้ง่าย และคงจบลงได้ยากในวาทะภัยนี้ เพราะเมื่อไม่เข้าใจกันแล้ว ต่างฝ่ายต่างก็หาผู้ฟังตนและคำพูดที่เล่าไป ก็มีคำส่อเสียดติดตามมา นี่คือทุจริตทางวาจาทั้ง ๔ ที่มีในวาทะภัยนั่นเอง
จึงต้องสังวรระวังใจตน หักห้ามความช่างพูดช่างเจรจาพาทีออกไปจากชีวิตเสียบ้าง เพราะนอกจากจะไม่มีประโยชน์แล้ว และเป็นทางที่ไม่ควรดำเนินกับชีวิต ผลเสียนั้นยิ่งใหญ่นัก ทั้งในปัจจุบันชาติและในอนาคตชาติจริงๆ พระท่านจึงพร่ำเตือนสอนเสมอว่า... พูดมากผิดมาก ไม่พูดเลยไม่ผิดเลย.
|