เราจะเห็นได้ว่า รู้อะไรไม่สู้รู้วิชา เพราะวิชาเป็นเครื่องทำให้เราสามารถพูด ทำ ทั้งในเรื่องต่างๆ เข้าใจและทำได้
แต่รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี ก็คือ ต้องเหนือกว่าวิชา เพราะชีวิตต้องการความอยู่รอด อยู่รอดจากการมองผิด คิดผิด ทำผิด
ฉะนั้น ความรู้บางทีก็ทำให้คนนั้นทำผิดได้ ทำให้คนนั้นคิดผิดได้ และทำให้คนนั้นอยู่ผิดได้ แต่การระวังการสังวร หรือจะเรียกเต็มๆ ว่า การสังวรอินทรีย์ด้วยมีสติเป็นเหตุปัจจัยอันสำคัญ ก็จะทำให้เราไม่ประมาทได้
รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี คำนี้เป็นคำที่จะต้องขยายความ ตามความรู้สึกว่า ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง ... ฉะนั้น ขนไก่ก็งามทำให้เกิดการน่ามองไปแบบหนึ่ง เช่นเดียวกับ เสื้อผ้าอาภรณ์ที่ทำให้คนเราดูสวยงามได้ แต่ก็เป็นการปิดบังหรือเป็นเครื่องประดับรูปธรรมเท่านั้น
แต่สติสัมปชัญญะเป็นเครื่องประดับนามธรรมคือ จิตใจ อันเป็นประธานที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของแต่ละชีวิตที่เวียนว่ายตายเกิดอยู่ฉันใด ฉันนั้น การที่เราจะเพียรพยายามอยู่ให้รอด รอดจากการถูกติฉิน รอดจากการถูกมองผิด รอดจากการคิดผิดแล้วก็ทำผิด นั่นก็คือ การที่เราสำรวม และสังวรอินทรีย์
จะเห็นได้ว่า คนบางคนมีความระมัดระวัง หรือมีคุณสมบัติอันเป็นรากฐานของสกุลมาอยู่แล้ว แต่เพราะว่าการขาดการสังวรระวังอิริยาบถ หรือสังวรทวารต่างๆ นั้น ก็จะทำให้เผลอไปจากความสำรวมได้ จึงทำให้ผู้นั้นไม่สามารถใช้วิชาที่ตนเองมีอยู่ทำให้เกิดความรอบคอบได้ เพราะความรอบคอบนี้ต้องอาศัยสติ คือระวังและระลึกรู้สึกตัวเองไม่ว่าจะนั่ง จะยืน จะเดิน จะนอน ....ความรู้สึกว่าเรียบร้อยสุภาพไหม
อาศัยจากความระลึกรู้สึกตัว คือสตินี่เอง จึงจะสังเกตอิริยาบถของตนเองได้ แต่วิชานั้นเป็นการตัดสินเรื่องภายนอก คือ อารมณ์ต่างๆ ที่เข้ามากระทบ...เท่านั้นเอง.
|