พระพุทธศาสนาสอนให้มีการเจริญมรณานุสติเพื่อสร้างความไม่ประมาทในการใช้ชีวิต การเจริญมรณานุสติเป็นการนึกถึงความตายที่เป็นสภาวะที่จริงแท้ซึ่งเมื่อมาสู่ชีวิตแล้วทำให้ชีวิตขาดสะบั้นลงทันที กิจกรรมใดที่เคยทำไว้แต่ก่อนเมื่อความตายมาถึงแล้ว กิจกรรมเหล่านั้นก็เป็นอันสิ้นสุดลง
การเจริญมรณานุสติเป็นการช่วยให้คลายจากความยึดถือชีวิต และความหมกหมุ่นอยู่กับความโลภโกรธหลงในอารมณ์ การระลึกถึงความตายจะช่วยทำให้ปล่อยวางได้จากหลายสิ่ง และยอมพ่ายแพ้ธรรมชาติคือความตายได้อย่างสงบ เพราะความตายเป็นสิ่งที่มีอำนาจและยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่มีมนุษย์คนใดเอาชนะได้ แม้พระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ยังทรงต้องทอดทิ้งพระสรีรกายไว้ในโลกให้พุทธบริษัทจัดการถวายพระเพลิงพระบรมศพ
เมื่อความตายมาสู่ชีวิตของบุคคลโดยไม่มีนิมิตบอกล่วงหน้าให้มีเวลาเตรียมตัว จึงไม่ควรวางใจในชีวิต กิจใดที่ควรทำ ควรรีบทำกิจนั้นอย่างไม่ผัดวันประกันพรุ่งนี้อาจทำให้มีการนึกถึงความตายในด้านที่เป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์ เช่น การนึกถึงความตายแล้วเกิดใจฝ่อห่อเหี่ยวจนหมดเยื่อใยในชีวิต ไม่อยากจะทำกิจกรรมอะไร การงอมืองอเท้ารอคอยความตายเช่นนี้ เป็นการระลึกถึงความตายที่ไม่เกิดประโยชน์ ซึ่งควรจะต้องกลับความคิดเสียใหม่ ด้วยการเตือนสติตนให้ไม่ประมาท เร่งรีบทำกิจกรรมความดีที่ควรทำให้มากขึ้น ให้ทันเวลา เพิ่มพูนความเพียรชำระล้างจิตใจของตนให้สะอาด ปราศจากกิเลสให้ได้มากที่สุดก่อนที่ความตายมาถึง
สมัยหนึ่งพระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ที่พักก่อด้วยอิฐชื่อนาทิกะ ทรงสอนภิกษุทั้งหลายว่า
ดูกรภิกษุทั้งหลาย มรณสติอันบุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก หยั่งลงสู่อมตะ มีอมตะเป็นที่สุด
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เมื่อกลางวันสิ้นไป กลางคืนเวียนมาย่อมพิจารณาดังนี้ว่า ปัจจัยแห่งความตายของเรามีมากหนอ คือ งูพึงกัดเราก็ได้ แมลงป่องพึงต่อยเราก็ได้ ตะขาบพึงกัดเราก็ได้ เพราะเหตุนั้นเราพึงทำกาลกิริยา อันตรายนั้นพึงมีแก่เรา เราพึงพลาดล้มลงก็ได้ อาหารที่เราบริโภคแล้วไม่ย่อยเสียก็ได้ ดีของเราพึงซ่านก็ได้ เสมหะของเราพึงกำเริบก็ได้ ลมมีพิษดังศาตราของเราพึงกำเริบก็ได้ มนุษย์ทั้งหลายพึงเบียดเบียนเราก็ได้ พวกอมนุษย์พึงเบียดเบียนเราก็ได้ เพราะเหตุนั้นเราพึงทำกาลกิริยา อันตรายนั้นพึงมีแก่เรา
ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนั้นพึงพิจารณาดังนี้ว่า ธรรมอันเป็นบาป อกุศลอันเรายังละไม่ได้ ที่จะพึงเป็นอันตรายแก่เราผู้ทำกาละในกลางคืน มีอยู่หรือหนอ ถ้าภิกษุพิจารณาอยู่รู้อย่างนี้ว่า ธรรมอันเป็นบาปอกุศลอันเรายังละไม่ได้ ที่จะพึงเป็นอันตรายแก่เราผู้ทำกาละในกลางคืนมีอยู่ ภิกษุนั้นพึงกระทำความพอใจ ความพยายาม ความอุตสาหะ ความเพียร ความไม่ท้อถอย สติและสัมปชัญญะให้ยิ่ง เพื่อละธรรมอันเป็นบาปอกุศลเหล่านั้นเสีย เปรียบเหมือนคนที่มีผ้าไฟไหม้ หรือศีรษะถูกไฟไหม้ เพียรเพื่อดับไฟไหม้ผ้าหรือศีรษะที่ถูกไฟไหม้นั้น
|