การมองชีวิตเช่นนี้เป็นการแก้ไขปัญหาได้ชั่วคราว ไม่ต่างกับการทำสมาธิด้วยวิธีต่างๆ ที่สร้างอารมณ์ขึ้นมาใหม่ด้วยคำภาวนาเพื่อให้ใจสงบ เป็นการย้ายอารมณ์จากความเร่าร้อนไปสู่ความเยือกเย็นนั่นเอง
การแก้ไขปัญหาตามความเป็นจริงก็คือ เผชิญกับความทุกข์นั้นด้วยการยอมรับเพื่อลดความรุ่มร้อนในใจ และแก้ไขด้วยความสามารถเท่าที่มี โดยมีความเข้าใจว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นมานี้ย่อมมีขึ้นมาจากสาเหตุ และก็มีผลปรากฏอยู่เพียงชั่วคราวเท่านั้นดังเช่น ฤดูร้อนที่ผ่านพ้นไปเพราะสายฝนที่พร่างพรำ
การกำหนดรู้ด้วยสติปัญญาอย่างเท่าทัน สภาพธรรมที่มาปรากฎตามความเป็นจริง สภาพการรู้นั้น...จะยุติความฟุ้งซ่านทั้งหมดทั้งมวลให้คงอยู่ ณ จุดแห่งความรู้ที่กำหนดได้ สงบและผ่อนคลายจากความยึดมั่นที่เกิดขึ้นใจก็ไม่กระเพื่อมไปในทุกข์และสุข เหมือนกับเราได้พบหน้าคนทั่วไปที่มิใช่มิตรและศัตรู
เส้นทางสายชีวิตที่เดินร่วมทางไปกับความทุกข์ ด้วยความรู้จักกันเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาๆ ทำให้ชีวิตไร้ภาพลวงตาและอารมณ์ลวงใจได้ในที่สุด..
ท่ามกลางเหล่าชนที่มากมากหลากหลายความคิด ท่ามกลางกระแสเสียงที่บอกกล่าวออกไป ในสิ่งที่ตนยึดมั่นถือมั่น...ความคิดที่ต่างมุ่งหวัง เพื่อจะพาชีวิตของตนให้พ้นภัยไปกันถ้วนทั่วนั้น ต่างก็นิยมชมชื่นในอุดมการณ์อันเกิดขึ้นจากอุปาทาน ความเร้าร้อนจึงรุมเร้าชีวิตของคนเราอย่างไม่มีทางหยุดสนิทลงได้
|