ลืมรหัสผ่าน
 ลงทะเบียน
ค้นหา
ดู: 933|ตอบกลับ: 2

รสชาติของความทุกข์

[คัดลอกลิงก์]

24

กระทู้

60

ตอบกลับ

980

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

เครดิต
980


ไม่ใช่แต่ความสุข เพลิดเพลิน เริงร่าเท่านั้น ที่มีรสชาติย้อมใจ ความรันทด ระทมทุกข์ โกรธขึ้ง ก็มีรสชาติกับเขาด้วยเหมือนกัน

หญิงสาวรู้สึกเจ็บปวดเมื่อได้รับจดหมายตัดพ้อจากคนรัก เรื่องทั้งหมดล้วนเกิดจากความเข้าใจผิดแท้ ๆ อ่านเสร็จเธอก็เศร้าซึม น้ำตารินไหล แต่ไม่ทันไร ก็มีเพื่อนมาขัดจังหวะ ชวนไปกินข้าว แทนที่จะดีใจ เธอกลับขุ่นเคืองพร้อมกับรำพันในใจว่า "เวลาจะสุขก็มีขวากหนาม ครั้นจะทุกข์ก็ดันมีอุปสรรคเสียอีก"

ใครที่ตกอยู่ในภาวะเดียวกับเธอคงอยากจะเศร้าให้สมอยาก แม้จะไม่มีใครชอบความเศร้า แต่พอมันเกิดขึ้นแล้ว ก็อยากคลอเคลียเจ่าจุกอยู่กับมัน ใครมาขวางมาขัดเป็นไม่ยอมไม่เรียกว่ามันมีรสชาติชวนติดใจแล้วจะเรียกว่าอะไร

ความโกรธก็เช่นกัน นึกถึงหน้าเจ้าคนเกเรทีไรก็ให้เกิดโทสะ แต่ใจก็ยังอยากวนเวียนคิดถึงเจ้าหมอนั่น ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ แต่ก็ไม่ยอมเลิกคิดเสียที จนกินไม่ได้ นอนไม่หลับ



24

กระทู้

60

ตอบกลับ

980

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

เครดิต
980
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-6-21 10:15:43 | ดูโพสต์ทั้งหมด


น่าแปลกไหม เวลานิ้วมือเกิดเผลอไปถูกไฟ เราจะชักมือกลับทันที แต่พอใจไปสัมผัสกับไฟโทสะ หรือถูกความโศกท่วมทับ เรากลับปล่อยใจให้จมแช่อยู่อย่างนั้น หรือว่าเราเป็นพวก enjoy suffering…

ที่จริง ความรู้สึกแย่ ๆ เหล่านั้นมันไม่มีรสชาติชวนให้ติดใจหรอก หากแต่มันเก่งตรงที่สามารถหลอกให้เราลุ่มหลงได้ ลงได้สัมผัสกับมันแล้ว เป็นต้องถูกดูด ถูกลากให้ถลำลึกไปเรื่อย ๆ ทรายดูดเป็นอย่างไร อารมณ์ทั้งหลายก็เป็นอย่างนั้น คนที่เผลอไม่รู้ตัว และไม่รู้เท่าทันมัน ถูกมันเล่นงานมานักต่อนักแล้ว บางคนถึงกับเป็นโรคประสาท แต่ที่หน้ามืดจนฆ่าตัวตายก็มีไม่น้อย

ใครที่ไม่อยากเดือดร้อน หรือหมดเนื้อหมดตัวไปกับอารมณ์เหล่านี้ อย่างแรกที่ต้องทำก็คือ รู้จักเล่ห์เหลี่ยมของมันอย่าเผลอปล่อยใจถลำลึกลงไปในอารมณ์เหล่านี้ แม้มันจะเชื้อเชิญหรือดึงดูดใจเพียงใดก็ตาม แต่ถ้าเผลอถลำใจเข้าไปแล้ว ก็ต้องพยายามดึงจิตออกมาจากหลุมของอารมณ์ให้ได้

ที่จริง สติมีหน้าที่ดังกล่าวอยู่แล้ว ถ้าสติยังไม่แรงพอก็ลองใช้วิธีเปลี่ยนจุดสนใจ แทนที่จะนั่งเจ่าจุกหรือครุ่นคิด ก็หางานทำ หยิบหนังสือมาอ่าน คว้ากีตาร์มาดีด หรือลองหายใจเข้าออกลึก ๆ สักระยะ แรก ๆ อารมณ์เหล่านี้จะพยายามเยี่ยมหน้ามาชวนเราไปพันตูด้วย แต่ลองใจแข็งสักหน่อย แล้วจะพบว่ามันโผล่มาน้อยลง แล้วค่อย ๆ เลือนหายไป แต่ก็อย่าประมาท มันอาจโผล่มาอีกตอนเราเผลอ อย่าไปใจอ่อนเสียล่ะ



24

กระทู้

60

ตอบกลับ

980

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

เครดิต
980
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-6-21 10:17:05 | ดูโพสต์ทั้งหมด


ยิ่งเราดึงจิตออกห่างจากอารมณ์มากเท่าไร มันยิ่งมีแรงดึงดูดใจเราได้น้อยลง

พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เรารู้ตัวหรือตาสว่างมากขึ้น ไม่ลืมตัวหรือเมาหมัด เปรียบไปก็ไม่ต่างจากคนที่บันดาลโทสะจะปราดเข้าใส่กัน ลงได้พันตูกันเมื่อไร ก็ไม่อยากจะเลิก แม้จะเจ็บตัวแต่ก็ยังอยากแลกหมัดกันต่อไป ในยามนั้นไม่มีอะไรจะมันส์หรือมีรสชาติเท่าก็ว่าได้ ใครมาแยก เผลอ ๆ เป็นเรื่องขึ้นมาอีก

แต่ถ้าเกิดมีคนมาแยกได้สำเร็จ แรก ๆ ก็อยากจะปราดเข้าไปใหม่ แต่ถ้ายังมีคนยั้งไว้ได้อยู่ ไม่นานก็หายเมาหมัด พอสติกลับคืนมา ก็ได้คิดว่า 'ไม่น่าเลยกู' และถ้าพินิจต่อไปก็จะรู้ว่า ที่อยากพันตูไม่ยอมให้ใครแยกนั้น ไม่ใช่เพราะมันส์หรือมีรสชาติอะไรหรอก แต่เป็นเพราะเมาหมัดหรือลืมตัวนั่นเอง

วันหนึ่ง ๆ เราพันตูไปกับอารมณ์ต่าง ๆ กี่ยกแล้ว ทั้ง ๆ ที่สะบักสะบอมก็ยังอยากพันตูกับมันอีก ลองเปลี่ยนมาใช้กลยุทธ์ใหม่ดูบ้าง คือทำใจแข็งไม่ไปหลงพันตูกับมัน หรือถ้าอยากเอาชนะมัน ก็เพียงแต่แยกใจออกห่างจากมันเท่านั้น ในที่สุด มันก็จะอ่อนแรงและยอมแพ้ไปเอง

นอกจากจะหาอะไรทำ เพื่อดึงจิตออกจากอารมณ์เหล่านั้นแล้ว อีกวิธีหนึ่งก็คิดถึงแต่เรื่องดี ๆ บ้าง ใจเราจะว่าเหมือนกับโทรทัศน์หรือเคเบิลทีวีก็ไม่ผิด คือมีหลายช่อง ทำไมจะต้องเปิดดูแต่ช่องซึ่งมีแต่เรื่องหดหู่ หวาดเสียว เลือดสาด อย่าลืมว่าเราสามารถเปลี่ยนช่อง เลือกดูรายการที่น่ารื่นรมย์ใจได้

หรือว่าเราจะยอมให้โทรทัศน์ยัดเยียดให้ดู แต่เรื่องไม่เข้าท่าทั้งปีทั้งชาติ






ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ข้อความล้วน|อุปกรณ์พกพา|ประวัติการแบน|อภิธรรมออนไลน์

GMT+7, 2024-12-4 15:41 , Processed in 0.064641 second(s), 21 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.9

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้