ลืมรหัสผ่าน
 ลงทะเบียน
ค้นหา
ดู: 1060|ตอบกลับ: 5

พุทธานุสติ

[คัดลอกลิงก์]

29

กระทู้

101

ตอบกลับ

1917

เครดิต

ผู้ดูแลบอร์ด

เครดิต
1917
buddah-238930_960_720.jpg

พุทธานุสติ

พระพุทธศาสนาคือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เป็นศาสนาแห่งความรู้และความเป็นจริง เพราะเกิดการตรัสรู้จากพระปัญญาอันยิ่งของพระพุทธองค์ พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งสันติภาพ เพราะ ให้เสรีภาพในการพิจารณาด้วยปัญญา และพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งความอิสระเสรีภาพไม่ผูกติดกับผู้ดลบันดาลหรือพระผู้เป็นเจ้าองค์ใด พระพุทธศาสนาปรากฏขึ้นในโลกได้ด้วยพระพุทธคุณ ๓ ประการ คือ พระปัญญาธิคุณ พระบริสุทธิคุณ พระมหากรุณาธิคุณ

พระปัญญาธิคุณ คือ พระสัพพัญญุตาญาณที่รู้ทั่วถึงธรรมทั้งปวง เป็นพระปัญญาที่รู้อนุสัยกิเลส รู้อัชฌาสัยอันอ่อนแก่หย่อนตึงของเวไนยสัตว์ที่เคยอบรมมาแต่อดีต

พระบริสุทธิคุณ คือ พระองค์ทรงประกาศศาสนาโดยมิหวังอามิสบูชา ทรงโปรดสัตว์ไม่เลือกวรรณะ ไม่ว่าจะเป็นคนมีหรือคนจน จะมีอำนาจวาสนา ยศถาบรรดาศักดิ์

พระมหากรุณาธิคุณ คือ ความกรุณาที่ไม่มีขอบเขตจำกัดที่จะมุ่งจะรื้อสัตว์ขนสัตว์ให้พ้นจากวัฏฏภัย โดยไม่แบ่งแยกญาติมิตร คนใกล้ชิด หรือคนใด พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงไม่จำกัดบุคคล ไม่จำกัดกาล ไม่จำกัดสถานที่ ที่จะโปรดให้บรรลุมรรคผลนิพพาน ตลอดกาล ๔๕ พระพรรษา แม้ใกล้เวลาจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน พระองค์ทรงอุตสาหะเสด็จไปเทศนาโปรดประชาสัตว์จนถึงวาระสุดท้าย ณ แท่นบรรทมใต้ร่มสาละ



29

กระทู้

101

ตอบกลับ

1917

เครดิต

ผู้ดูแลบอร์ด

เครดิต
1917
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-10-30 16:28:18 | ดูโพสต์ทั้งหมด


พุทธศาสนิกชนควรแสดงความเคารพในพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้เกิดความเป็นมงคล ด้วยการตระหนักถึงพระคุณความดีอันมีอยู่ในพระองค์ คือ ไปไหว้พระเจดีย์ตามโอกาส ไปไหว้สังเวชนียสถานคือสถานที่ประสูติ ตรัสรู้ ปฐมเทศนา ปรินิพพาน ตามโอกาส การเคารพพระพุทธรูป การเคารพเขตพุทธาวาส คือ เขตโบสถ์ไม่สวมรองเท้าในลานพระเจดีย์ไม่กั้นร่มในลานพระเจดีย์ เมื่อเดินใกล้พระเจดีย์ไม่เดินไปพูดไป เมื่อเข้าในเขตวัดก็ถอดรองเท้า หุบร่ม ถ้าเป็นพระภิกษุต้องลดไหล่ ไม่ทำอาการต่างๆ ซึ่งแสดงถึงความกระด้าง หยาบคาย และปฏิบัติตนตามพุทธโอวาทอยู่เป็นนิตย์

สำหรับการไปไหว้สังเวชนียสถานนั้นพระบรมศาสดาทรงตรัสแก่พระอานนท์ว่า

"อานนท์ สังเวชนียสถาน ๔ ตำบล นี้ คือ สถานที่พระตถาคตเจ้าบังเกิดแล้ว สถานที่พระตถาคตเจ้าตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ สถานที่พระตถาคตเจ้าแสดงธรรมจักร และสถานที่พระตถาคตเจ้าปรินิพพาน สถานที่ทั้ง ๔ ตำบลนี้แล ควรที่พุทธบริษัท คือภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา มีความเชื่อความเลื่อมใสในพระตถาคตเจ้า จะดูจะเห็นและควรจะให้เกิดความสังเวชทั่วกัน"

"อานนท์ ชนทั้งหลายเหล่าใดเหล่าหนึ่งได้เที่ยวไปยังเจดีย์สังเวชนียสถานเหล่านี้ด้วยความเลื่อมใส ชนเหล่านั้น ครั้นทำกาลกิริยาลงจักเข้าถึงสุดคติโลกสวรรค์"

29

กระทู้

101

ตอบกลับ

1917

เครดิต

ผู้ดูแลบอร์ด

เครดิต
1917
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-10-30 16:28:41 | ดูโพสต์ทั้งหมด

สำหรับการแสดงความเคารพและความระลึกถึงในระดับสูง เพื่อนำมาเป็นวิหารธรรมเครื่องพักพิงใจให้เกิดประโยชน์สุข ในคัมภีร์วิสุทธิมรรคว่าด้วยการปฏิบัติพระกรรมฐาน คือ การเจริญอนุสสติมีประการต่างๆ

อนุสติอันปรารภพระพุทธเจ้าเกิดขึ้น ชื่อพุทธานุสติ
คำว่า พุทธานุสตินั่น เป็นคำเรียกสติเจตสิกอันมีพระพุทธคุณเป็นอารมณ์

พุทธานุสติ เป็นการทำสมาธิวิธีหนึ่ง โดยการน้อมจิตระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า ด้วยความรู้สึกเลื่อมใส ศรัทธา ไม่ฟุ้งซ่านไปถึงเรื่องอื่นอันเป็นการทำให้จิตเป็นมหากุศล ที่จะส่งผลให้สมาธิเกิดได้ง่ายขึ้น

พระโยคาวจรผู้กอปรด้วยความเลื่อมใสมั่น ใคร่จะเจริญพุทธานุสสติ ต้องเป็นผู้ไปในที่สงัดอยู่ในเสนาสนะอันสมควรแล้วระลึกถึงพระคุณของพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า

อิติปิ โส ภควา อรหํ สมฺมาสมฺพุทฺโธ วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน สุคโต โลกวิทู อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ สตฺถา เทวมนุสฺสานํ พุทฺโธ ภควา

29

กระทู้

101

ตอบกลับ

1917

เครดิต

ผู้ดูแลบอร์ด

เครดิต
1917
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-10-30 16:29:01 | ดูโพสต์ทั้งหมด

อรหํ เพราะความที่ทรงไกลกิเลส ทรงกำจัดอริคือกิเลสทั้งหลาย ทรงเป็นผู้ทำลายซี่กำแห่งสังสารจักร ทรงเป็นผู้ควรแก่ทักขิณาวัตถุ ทั้งหลายมีปัจจัยเป็นอาทิ และไม่ทรงทำบาปทั้งหลายในที่ลับ

สมฺมาสัมพุทฺโธ เพราะทรงรู้ธรรมทั้งปวงโดยชอบด้วยพระองค์เอง ทรงรู้ธรรมทั้งหลายที่เป็นอภิญญาและปริญญา โดยความเป็นธรรมที่พึงกำหนดรู้( ทุกขสัจ ) โดยความเป็นธรรมที่พึงละ ( สมุทัยสัจ ) โดยความเป็นธรรมที่พึงทำให้แจ้ง ( นิโรธสัจ ) โดยความเป็นธรรมที่พึงเจริญ ( มรรคสัจ )

วิชฺชาจรณสมฺปนฺโน เพราะทรงถึงพร้อมด้วยวิชชาที่สร้างความเป็นพระสัพพัญญูแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้าได้แก่ วิชชา ๓ (ปุพเพนิวาสานุสติญาณ ความรู้ที่ให้ระลึกชาติได้ จุตูปปาตญาณ ความรู้จุติและอุบัติของสัตว์ทั้งหลาย และ อาสวักขยญาณ ความรู้ที่ทำอาสวะให้สิ้น) และวิชชา ๘ (วิปัสสนาญาณ มโนมยิทธิ อิทธิวิธิ ทิพพโสต เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสติ ทิพพจักขุ และ อาสวักขยญาณ ) และจรณะ ๑๕ ที่สร้างความเป็นผู้กอปรด้วยพระมหากรุณาแห่งพระผู้มีพระภาคเจ้า (สีลสังวร อินฺทฺริเยสุคุตฺตทฺวารตา โภชเนมัตตัญญุตา ชาคริยานุโยค และสัทธรรม ๗ ( คือ ศรัทธา หิริ โอตตัปปะ พาหุสัจจะ วิริยะ สติ ปัญญา ) รูปาวจรฌาน ๔)

สุคโต เพราะทรงเป็นผู้มีทางเสด็จไปอันงามคืออริยมรรค ทรงเป็นผู้เสด็จไปแล้วเป็นอันดีคือพระอมตะนิพพาน ทรงเป็นผู้เสด็จไปแล้วโดยชอบคือ ม่กลับมาสู่กิเลสทั้งหลายที่ทรงละได้แล้วด้วยมรรคนั้นๆ และทรงเป็นผู้ตรัสโดยชอบ คือทรงกล่าววาจาแต่ที่ควร ในฐานะอันควร คือวาจาที่จริงแท้ประกอบด้วยประโยชน์แม้วาจานั้นจะไม่เป็นที่รักไม่ เป็นที่ชอบใจของคนอื่นๆ ในข้อนั้น ทรงเป็นผู้รู้จักกาลที่จะใช้วาจานั้น และวาจาจริงแท้ ประกอบด้วยประโยชน์ และวาจานั้นเป็นที่รักที่ชอบใจของคนอื่นๆ ด้วย ทรงย่อมเป็นผู้รู้จักกาลที่จะใช้วาจานั้น

โลกวิทู เพราะทรงรู้โลกโดยประการทั้งปวง คือ โดยสภาวะ โดยสมุทัย โดยนิโรธ โดยนิโรธุบาย ทั้งสังขารโลก สัตวโลก โอกาสโลก ทรงรู้ขนาดของจักรวาล พระผู้มีพระภาคเจ้านั้นทรงรู้ คือเข้าพระหฤทัยปรุโปร่ง ซึ่งอนันตจักรวาล อนันตโลกธาตุ ด้วยพระอนันตพุทธญาณ

29

กระทู้

101

ตอบกลับ

1917

เครดิต

ผู้ดูแลบอร์ด

เครดิต
1917
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-10-30 16:29:23 | ดูโพสต์ทั้งหมด

อนุตฺตโร ปุริสทมฺมสารถิ เพราะทรงครอบงำเสียซึ่งโลกทั้งปวงด้วยสีลคุณก็ดี ด้วยสมาธิคุณ ปัญญาคุณ วิมุติคุณ และวิมุติญาณทัสสนคุณ พระองค์เป็นผู้ไม่มีผู้เสมอ ไม่มีใครสักคนที่วิเศษกว่าพระองค์โดยคุณทั้งหลาย จึงทรงเป็นผู้ฝึกทรงนำไป ซึ่งบุรุ ษที่พึงฝึกได้ทั้งหลาย แม้บุรุษทั้งหลายที่ยังมิได้ฝึก แต่ว่าควรจะฝึกได้ เป็นดิรัจฉานบุรุษก็ดี เป็นมนุษย์บุรุษก็ดี เป็นอมนุษย์บุรุษก็ดี ทรงนำไปได้ด้วยวินยุบายต่างๆ

สตฺถา เทวมนุสฺสานํ เพราะทรงเป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ทรงพร่ำสอนเวไนยสัตว์ด้วยประโยชน์โลกนี้ ประโยชน์โลกหน้า และประโยชน์อย่างยิ่งคือ พระนิพพาน ยังสัตว์ทั้งหลายให้ข้ามภพกันดาร ให้ข้ามชาติกันดาร

พุทฺโธ เพราะทรงเป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม คือทรงรู้สิ่งที่ควรรู้ทั้งหมด ด้วยอำนาจวิโมกขันติกญาณคือ พระญาณอันเกิดขึ้นในที่สุดแห่งวิโมกข์ ทรงตรัสรู้สัจจะ ๔ ด้วยพระองค์เอง และทรงยังสัตว์อื่นๆ ให้รู้ตามให้พ้นจากอาสวะกิเลสทั้งหลาย

ภควา เพราะทรงเป็นผู้วิเศษโดยพระคุณทั้งหลาย เป็นผู้อุดมกว่าสัตว์ทั้งหลาย และทรงประกอบด้วยคุณธรรมของครูทั้งปวง ทรงถึงพร้อมด้วยพระบุญลักษณะ บุญบารมี ทรงเป็นผู้ทรงหักราคะ โทสะ โมหะ และเป็นผู้หาอาสวะมิได้

29

กระทู้

101

ตอบกลับ

1917

เครดิต

ผู้ดูแลบอร์ด

เครดิต
1917
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-10-30 16:29:55 | ดูโพสต์ทั้งหมด

เมื่อระลึกถึงพระพุทธคุณทั้ง ๙ ประการข้างต้นแล้ว จิตย่อมไม่มีราคะ โทสะ และโมหะกลุ้มรุม และจะดำเนินแน่วแน่ต่อการปรารภคุณของพระตถาคตเจ้า เมื่อข่มนิวรณ์ได้โดยที่ไม่มีปริยุฏฐานกิเลสได้แล้ว ก็ชื่อว่ามีจิตดำเนินไปตรงต่อพระกรรมฐาน เพราะวิตกและวิจารอันโน้มไปในพระพุทธคุณ

เมื่อตรึกตรองพระพุทธคุณบ่อยๆ ปีติย่อมเกิดขึ้นความกระวนกระวายของกายจิตก็ระงับ โดยปัสสัทธิอันมีปีติเป็นปทัฏฐาน สุขทั้งทางกายทั้งทางจิตย่อมเกิดขึ้น จิตของผู้มีสุข เป็นจิตมีพระพุทธคุณเป็นอารมณ์ ย่อมเป็นสมาธิ

อานิสงส์เจริญพุทธานุสสติ

ผู้จำเริญพุทธานุสสตินี้ จะมีสันดานกอปรด้วยรักใคร่ในสมเด็จพระสรรเพชญ์พุทธองค์จะถึงซึ่งไพบูลย์ไปด้วยคุณธรรม คือ ศรัทธา สติ ปัญญา แลบุญสันดานนั้นจะมากไปด้วยปรีดาปราโมทย์ อาจอดกลั้นได้ซึ่งทุกข์แลภัยอันจะมาถึงจิตนั้น จักสำคัญว่าได้อยู่ร่วมด้วยสมเด็จพระผู้มีพระภาค

อนึ่ง ร่างกายแห่งบุคคลผู้มีพระพุทธานุสสติกรรมฐานซับซาบอยู่นั้น สมควรที่จะเป็นที่สักการแห่งหมู่เทพยดาแลมนุษย์ เปรียบประดุจเรือนเจดีย์ น้ำจิตแห่งบุคคลผู้นั้นจะน้อมไปในพุทธภูมิจะกอปรด้วยหิริโอตัปปะ มิได้ประพฤติล่วงซึ่งวัตถุอันพระพุทธองค์บัญญัติห้ามไว้ จะมีความกลัวแก่บาปละอายแก่บาป ดุจดังว่าเห็นสมควรพระพุทธองค์อยู่เฉพาะหน้าแห่งตน แม้ว่าวาสนายังอ่อนมิอาจสำเร็จฌานสมาบัติมรรคผล ก็มีสุคติภพเป็นเบื้องหน้าเหตุดังนั้นนักปราชญ์ผู้มีปัญญาอย่าพึงประมาท ในพุทธานุสสติกรรมฐานอันมีคุณานิสงส์เป็นอันมาก โดยนัยกล่าวมานี้ ฯ



ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ข้อความล้วน|อุปกรณ์พกพา|ประวัติการแบน|อภิธรรมออนไลน์

GMT+7, 2024-11-1 09:30 , Processed in 0.107229 second(s), 24 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.9

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้