พระราชกุมารเข้าป่าอาศัยพวกพรานอยู่ วันหนึ่ง ไปล่าเนื้อ เทพบุตรองค์หนึ่งเคยเป็นสหายกันในครั้งที่เขาเป็นสมณะ จำแลงรูปเป็นเนื้อมาล่อเขาด้วยความหวังดี วิ่งไปใกล้ที่อยู่ของท่านพระมหากัจจายนะแล้วหายไป พระราชกุมารวิ่งไล่จับเนื้อตัวนั้นไปจนถึงที่อยู่ของพระมหากัจจายนะ ไม่เห็นเนื้อ เห็นแต่พระมหากัจจายนะนั่งอยู่นอกบรรณศาลา จึงได้ยืนถือธนูอยู่ในที่ใกล้พระมหากัจจายนะ
พระมหากัจจายนะทราบเรื่องของเขาทั้งหมด แต่ทำเป็นไม่รู้ เพื่อจะอนุเคราะห์เขา จึงถามเขาว่า ท่านสะพายธนูซึ่งทำด้วยไม้แก่น อันมั่นคง ท่านเป็นใครหนอ
พระราชกุมารตรัสว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ข้าพเจ้าชื่อ สุชาตะ เป็นโอรสของพระเจ้าอัสสกะ เที่ยวลัดเลาะไปในป่าใหญ่แสวงหาหมู่เนื้อ ไม่เห็นเนื้อ เห็นแต่ท่าน จึงได้ยืนอยู่
พระมหากัจจายนะทูลว่า ท่านผู้มีบุญมาก การมาจากที่ไกลของท่านชื่อว่ามาดีแล้ว ขอจงตักน้ำล้างเท้าของท่าน แล้วเชิญดื่มน้ำอันเย็นใสสะอาด และขอเชิญนั่งบนพื้นอันปูลาดไว้แล้วเถิด
พระราชกุมารตรัสว่า ข้าแต่พระมหามุนี วาจาของท่านช่างไพเราะ จับใจ มีแต่ประโยชน์ ท่านอยู่ในป่า ยินดีอะไร โปรดบอกทีเถิด
พระมหากัจจายนะทูลว่า ดูก่อนพระราชกุมาร เราชอบการไม่เบียดเบียนสัตว์ทั้งปวง การไม่ลักขโมย การไม่ประพฤติล่วงเกินทางกาม การไม่เสพของมึนเมา และชอบการไม่ทำบาป ความประพฤติสงบ ความเป็นพหูสูต ความกตัญญู เพราะธรรมเหล่านี้วิญญูชนสรรเสริญ
จากนั้นพระมหากัจจายนะได้ตรวจด้วยอนาคตังสญาณ เห็นอายุของพระราชกุมารเหลืออีก ๕ เดือนเท่านั้น เพื่อให้เขาสลดใจแล้วตั้งอยู่ในสัมมาปฏิบัติ จึงทูลว่า ดูก่อนพระราชกุมาร ความตายของท่านใกล้เข้ามาแล้ว ท่านจักตายใน ๕ เดือน ขอท่านจงรู้แล้วรีบปลดเปลื้องตนเถิด
|