ลืมรหัสผ่าน
 ลงทะเบียน
ค้นหา
ดู: 1069|ตอบกลับ: 5

สิ่งที่เราควรทำคือความดี สิ่งที่ควรหาคือความสบายใจ

[คัดลอกลิงก์]

32

กระทู้

138

ตอบกลับ

2405

เครดิต

ผู้ดูแลบอร์ด

เครดิต
2405



สิ่งที่เราควรทำคือความดี สิ่งที่ควรหาคือความสบายใจ
โดย อาจารย์บุษกร เมธางกูร
ปกิณกธรรมวันอาทิตย์ที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๗


ความสบายใจจะเกิดขึ้นจากการที่เราได้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เช่น ในการสวดมนต์ไหว้พระ ขอให้ทุกคนมีความตั้งใจน้อมใจให้เกิดขึ้นว่าความศรัทธาในพระรัตนตรัย มีพระพุทธองค์เป็นที่พึ่ง พระธรรมเป็นที่พึ่ง พระสงฆ์เป็นที่พึ่ง ที่พึ่งอื่นของเราไม่มีแล้ว เพราะที่พึ่งอื่นนั้น สรณะอื่นพระพุทธเจ้าตรัสว่าไม่มีเลย สรณะที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือพระรัตนตรัย

ขณะนี้เรารู้สึกตัวกันไหมว่าเป็นคนแก่แล้ว คิดจะทำอะไรก็เหมือนกับสายไป คนแก่วัยอย่างพวกเรานี้ผ่านเรื่องราวมามากมาย เปรี้ยวเคยทาน หวานก็เคยทาน สนุกในชีวิต เศร้าใจ เสียใจ สบายใจ ง่วง อิ่ม หิว แต่สิ่งเหล่านั้นมันผ่านไปและชีวิตยังต้องดำเนินต่อไป ถ้ารู้เท่าไม่ทันเราก็จะแสวงหาสิ่งเหล่านั้นต่อคือ โลกียธรรมนั่นเอง เพราะความอยากได้ อยากมี อยากเป็น เรามีตัณหา ๓ เต็มที่เลย

กามตัณหา ความอยากได้ในรูปรส กลิ่น เสียง สัมผัส ภวตัณหา ไขว่คว้าไปในอนาคต มองสิ่งนั้นดี ต้องไปให้ถึงตรงนั้น อยากได้อย่างนี้ อยากเรียนจบ ตอนนี้ไปไหน ก็ไปไม่รอด แล้วก็ไม่อยากมี ไม่อยากมีโรคภัยไข้เจ็บ ไม่อยากเป็น ใครอยากเป็นมะเร็ง วิภวตัณหา นี่แหละ ตัณหาทั้ง ๓ เกาะกินจิตใจเราตลอดเวลา เป็นเพื่อนสอง หันซ้ายก็เจอตัณหา หันขวาก็เจอตัณหา สองข้างประกบเลยอยู่นั่นเอง

แต่ในอดีตกับในวันนี้มันต่างกัน วันนี้เราอยากได้อะไรบ้าง ถ้าถามอาจารย์คนเดียว คำตอบก็คืออยากได้ความสบายใจ เพราะอาหารอร่อยๆ นั้นรับประทานมามากแล้ว ใครชวนไปไหน แต่ก่อนนั้นยังไป เดี๋ยวนี้ก็กลับเข้าบ้านดีกว่า

ถ้าย้อนไปเมื่อ ๓๐ ปีที่แล้ว ถ้าอารมณ์ที่อยากได้ความสบายใจเช่นอย่างนี้ มันเกิดขึ้นในตอนนั้นก็คงจะดี แต่มันเกิดขึ้นยากเพราะไฟกิเลสยังโชติช่วงอยู่ ซึ่งก็เป็นทุกคน ทุกรูปทุกนามที่เคยเกิดมา เมื่อก่อนเราถูกเตือนว่า อย่างทำอย่างนั้นนะมันไม่ดี เพราะผู้ใหญ่ท่านผ่านร้อนผ่านหนาวมาก่อนเรา พอมาถึงเรา เราก็ผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านเรื่องมากว่าเด็กรุ่นหลังเยอะ จะให้เราไปเตือนเขา เขาก็ไม่เชื่อ ต้องเจอด้วยประสบการณ์ตนเอง

ประสบการณ์จึงสอนอะไรๆ ให้เรามามาก แต่ในระหว่างประสบการณ์ที่สอนเราอยู่นั้น เรามีธรรมะมาร่วมเป็นประสบการณ์ ก็รู้ว่า สิ่งเหล่านี้เป็นของธรรมดา เมื่อก่อนเราคิดว่าทำไมเป็นที่เรา ทำไมถึงทำกับฉันได้ แต่ตอนนี้ ธรรมะมาบอกว่า เราทำมาเอง เราจึงต้องได้รับเอง




32

กระทู้

138

ตอบกลับ

2405

เครดิต

ผู้ดูแลบอร์ด

เครดิต
2405
 เจ้าของ| โพสต์ 2018-10-9 13:36:22 | ดูโพสต์ทั้งหมด



ชีวิตเราพบเพ้อ เพียรผูก และก็พลัดพราก

พบอะไรก็เพ้อหมด ว่าดีว่ายอด แล้วก็ผูกตัวเองไว้กับสิ่งนั้น ในที่สุดก็พลัดพราก เราไม่ตายจากเขา เขาก็ตายจากเราเป็นอย่างนี้ทั้งนั้น ทุกคนมีความพลัดพรากเป็นของธรรมดา แต่ใจเราไม่แกร่งพอ เรามีความอุปาทานว่าเป็นของเรา เราจึงโศกเศร้าเสียใจ

เมื่อวานก็ได้ไปวัดสามกอ ได้นำเงินทอดกฐินของพวกเราหลายๆ ท่าน ที่ฝากมาได้จำนวนเงิน ๔๑,๖๐๐ บาท ไปมอบให้วัดสามกอ ขากลับก็ได้มีโอกาสไปเยี่ยมนักศึกษาพระอภิธรรม ลูกศิษย์เก่าที่นี่แต่ไม่ได้มานานแล้วเพราะว่า ต้องดูแลคุณแม่อายุ ๘๘ ปี เริ่มหลงแต่ก็ยังมีความจำกลับมาบ้าง มีโอกาสได้ไปเยี่ยม แบบกัลยาณมิตร

น้องเขาก็ถามว่า มีอะไรจะเตือนไหม?

ตอบไปว่า ไม่มีอะไรจะเตือนหรอก เพราะว่าคุณธรรมและความดี คุณธรรมและเรื่องที่ควรทำ ได้ปลูกลงไว้ในใจของแต่ละคนนั้นแล้ว อยู่แต่ว่าใครจะไปรดน้ำให้ต้นกล้านั้นมันงอกเอง และสิ่งที่ให้ไม่ได้ก็คือขันติ อันนั้นต้องทำเอง เมื่อทำหน้าที่ดูแลแม่ ถึงแม้ว่าแม่จะเป็นผู้สูงอายุที่น่ารัก เดี๋ยวก็ท่องกลอน เดี๋ยวก็เจ้าค่ะเจ้าขา นั่นน่ารักสำหรับพวกที่ไปเยี่ยมเป็นครั้งคราว แต่สำหรับคนที่อยู่จำเจ ให้เราดูว่าน่ารักยังไงก็น่าเบื่อ จึงต้องสร้างความอดทนขึ้นเอง

แต่ผู้ที่จะเตือนอยู่เสมอก็คือลูกศิษย์ที่อยู่ด้วยกันที่บ้านเพราะต้องอยู่ด้วยกันไปตลอด จึงมีโอกาสล่วงเกินหรือทำผิดพลาดไปโดยไม่รู้ตัวเช่นการใช้จ่ายเงิน ก็ต้องเตือนหรือบอกว่าถ้าลืมใช้คืนแล้วจะไม่ถือโทษ หรือเตือนกันเรื่องการรักษาสุขลักษณะต่างๆ



32

กระทู้

138

ตอบกลับ

2405

เครดิต

ผู้ดูแลบอร์ด

เครดิต
2405
 เจ้าของ| โพสต์ 2018-10-9 13:37:09 | ดูโพสต์ทั้งหมด



มีลูกศิษย์อยู่คนหนึ่ง เขาปรับทุกข์ตลอด มีอยู่เรื่องหนึ่ง เขาปรึกษาว่า สัตว์ที่เขาดูแลได้ตายไปหนึ่งตัว เขาก็ร้องไห้เสียใจ ก็ปลอบใจเขาไปว่า ต้องทำใจนะ เพราะว่าเขาหมดกรรม ที่เขาจะอยู่ในภพภูมินี้ เราทำดีที่สุดแล้วใช่ไหม มีความเมตตาปรารถนาจะพาเขาไปอยู่ในที่ที่หนึ่งที่ดีขึ้น แต่เขายังไปไม่ได้เพราะต้องผ่านกระบวนการหลายขั้นตอนที่วุ่นวาย ประกอบกับมีความเจ็บป่วยอยู่ ก็เหมือนกับคนเราในเมื่อถ้าเจ็บแล้วก็ต้องตาย ฉะนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับชีวิตคนเลย เขาสิ้นกรรมไป

ให้ลองคิดดูใหม่ว่า เมื่อมีคนที่โทรมาบอกว่า สัตว์ที่เราดูแลอยู่ได้ตายไปในอาการที่หลับสบาย และเมื่อตายแล้วเขาก็เกิดใหม่ เขาอาจไม่ได้สัตว์ แต่อาจจะไปเกิดเป็นคน ซึ่งเป็นภพภูมิไปดีกว่าเดิม ก็น่าจะคิดในมุมนี้บ้าง แล้วรักษาเจตนาที่ดีของตนเองเอาไว้ อย่าให้การจากไปของชีวิตหนึ่ง มาทำลายใจดีดีของชีวิตที่ยังอยู่

และก็มีลูกศิษย์อีกคนหนึ่ง ได้รับไลน์จากพวกเรา เขาก็บอกว่าเขาดีใจที่เขาเอาเพื่อนของเขามาฝากไว้ในหัวใจของอาจารย์ได้ ตอนนั้นมีความรู้สึกในตัวเองเลยว่า เรายังเป็นชีวิตที่อยากให้ความรักกับคนทั้งโลก อยากจะให้โชคกับคนทั้งหล้า อยากให้รอยยิ้มลบคราบน้ำตา อยากให้ชีวาแก่คนทั้งปวง จะอุทิศชีวิตทั้งหมดนี้ เพื่อสร้างความดีไม่เคยหวั่น จะเร่งสร้างทั้งคืนและทั้งวัน เพื่อชีวิตแสนสั้นนั้นมีราคา

ยังมีความรู้สึกเช่นนี้ในใจอยู่ แล้ววันนี้ก็ยินดีที่คุณป้าอัมพาซึ่งเป็นคุณป้าที่น่ารักที่สุดจะมาเข้าปฏิบัติ เพื่อหลีกออกจากชีวิตที่พะรุงพะรังไปด้วยลูกและหลานบ้าง ชีวิตคนแก่ที่ไม่ค่อยมีแรงจะก้าวไปไหนคนเดียวเหมือนเมื่อก่อน แต่กำลังจะเอาชีวิตวันนี้ไปวางไว้ในห้องกรรมฐาน ก็ทำให้อาจารย์รู้สึกชื่นใจ และก็ตั้งใจว่าชีวิตที่เหลือนี้ จะเลือกมองแต่ความสบายใจ อะไรที่มองแล้วสบายใจ ฟังแล้วสบายใจ ดูแล้วสบายใจ

นี่คือหน้าที่ของเราที่จะเก็บเกี่ยวอันนี้แทน เพราะว่าเวลาของแต่ละคนสั้นลงแล้ว เหลือไม่มาก แต่ระหว่างนี้ ก็อย่าไปหวังอะไรว่าเมื่อไหร่เราจะพร้อม เช่น เรียนทำไมเราไม่รู้ เรียนเข้าใจพอแล้ว เพราะว่า.. ก่อนที่จะนับหนึ่งถึงสิบต้องเริ่มต้นจากหนึ่ง ก่อนที่จะถึงเส้นชัยต้องมาจากจุดเริ่มต้น ใจร้อนทำไมกับความสำเร็จ กับความไม่รู้ที่ยังมาไม่ชัด รู้แล้วแต่ยังรู้ไม่มากเท่านั้นเอง ...



32

กระทู้

138

ตอบกลับ

2405

เครดิต

ผู้ดูแลบอร์ด

เครดิต
2405
 เจ้าของ| โพสต์ 2018-10-9 13:37:56 | ดูโพสต์ทั้งหมด




เพราะถ้าเปรียบเทียบกับอดีตแล้ว เรารู้มากกว่าเดิมไหม? มากกว่า นั่นแหละคือชัยชนะ เราก้าวสู่ เส้นชัยไปก้าวหนึ่งแล้ว ในการวิ่งผลัดมันไม่ใช่มีแค่ร้อยเมตร มีวิ่งมาราธอน มีวิ่ง ๔ คูณ ๑๐๐ ขณะนี้มี ๑๐๐ เมตรแรกชนะไปแล้ว ต่อไปกำลังอยู่ในระหว่างวิ่งมาราธอน ทุกท่านในตอนนี้รู้แล้วก็ชนะแล้ว ๑๐๐ เมตร วิ่งเข้าเส้นชัยไป จิตมีกี่ดวงคะ ๘๙ ดวง เจตสิกมีกี่ดวง ๕๒ ดวง รูปมีเท่าไหร่คะ ๒๘ เมื่อก่อนรู้ไหม ไม่รู้ นี่คือการเข้าเส้นชัยไปก้าวหนึ่งแล้ว

เดี๋ยวนี้ถ้ามีคนขับรถมาปาดหน้ารถที่เรานั่งไป ก็จะบอกคนที่ขับว่า การที่เขามาปาดหน้ารถเราเขาก็ไม่ได้ตั้งใจ เพื่อให้เขานั้นเบาโทสะ คือเตือนกันด้วยความปรารถนาดีด้วยธรรมแล้ว ซึ่งเมื่อก่อนนั้นมันไม่ใช่อย่างนี้ เราจะหงุดหงิดตามไปด้วย หรือไม่ก็รำคาญคนขับที่บ่นมาก ตอนนี้ใจเรามันเปลี่ยนไป ฉะนั้น นี่ไง ๑๐๐ เมตร เราได้แล้ว

ในเรื่องการเรียนพระอภิธรรม บางครั้งเราตอบไม่ได้ บางครั้งต้องช่วยกัน ความรู้ตอนนี้ยังไม่ชัดไม่เป็นไร แต่เราเข้าเส้นชัยไปแล้ว วิ่ง ๑๐๐ เมตร ได้เหรียญทองกันแล้ว ยังเหลืออะไร? เหลือวิ่งมาราธอนที่ถึงเมื่อไหร่ก็ช่าง เพราะเราไม่รู้เลยว่ากำลังเรามีแค่ไหน แต่เราไม่หยุดเท่านั้นเอง เพราะการวิ่งมาราธอนไม่ได้ออกแรงมาก แต่ ค่อยๆ ไป

ฉะนั้น ใจร้อนทำไมกับความสำเร็จที่ยังมาไม่ถึง เพราะว่า ความสำเร็จที่เราทุกคนที่ปรารถนาคือ นิพพาน คือ สิ้นสุดการเกิด เราไม่ได้หวังไปอยู่ที่ใดที่หนึ่ง ขอให้ใจเย็นๆ แต่ระหว่างใจเย็นนั้นก็ต้องรักษาศรัทธาเอาไว้ และขอให้ทุกคนอนุโมทนากับคุณป้าอัมพาที่จะไปเข้าห้องปฏิบัติกรรมฐาน

ชีวิตที่เลือกเอง ตอนนี้เราก็มีโอกาสที่จะเลือกแล้ว เลือกหาปัญญา เลือกหาสิ่งที่ดีเข้าสู่ใจเราดีกว่า เพราะต้องบอกว่าพระสารีบุตรรับรองสองอย่างคือ โภคทรัพย์กับชีวิต แต่ไม่ได้รับรองศรัทธาใคร ฉะนั้น ศรัทธาคือความเลื่อมใส เราต้องมีศรัทธาทั้ง ๔ ให้มั่นคงโดยเฉพาะเลื่อมใสในเรื่องกรรม



32

กระทู้

138

ตอบกลับ

2405

เครดิต

ผู้ดูแลบอร์ด

เครดิต
2405
 เจ้าของ| โพสต์ 2018-10-9 13:38:49 | ดูโพสต์ทั้งหมด




เราเรียนมาถึงวันนี้ก็จะเห็นแล้วว่าอำนาจกรรมยิ่งใหญ่ที่สุด อเหตุกจิต ๑๘ (เว้นหสิตุปบาทจิต) มีบทบาทต่อเราทุกวัน ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มีการรับอารมณ์ทางปัญจทวารและมโนทวารที่เปิดอยู่ตลอดเวลา เมื่อรับแล้วก็พิจารณาอารมณ์นั้นต่อไปซึ่งเป็นรื่องของวิบากจิตที่เป็นอเหตุกจิต และสิ่งที่ทำให้เราได้รับดี ไม่ดี ได้ยินสิ่งดีๆ ได้ยินสิ่งที่ไม่ดี ก็มาจากกรรมในอดีตภพทั้งสิ้น ควรหรือที่เราจะไม่ใส่ใจเรื่องกรรม กรรมเก่าใช่..เรายอมรับโดยดุษฏี แล้วทำกรรมใหม่ให้ดีพอ

ศรัทธาในเรื่องวิบากกรรม ว่าสิ่งต่างๆ ที่เราประสบพบเห็นไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี เราทำมาเอง การที่เรายอมรับใจของเราได้ ยอมรับสิ่งที่มาถึงใจเราได้ ทำให้เราลดมานะลดทิฏฐิลงได้ ที่อยากจะเอาชนะที่อยากจะต่อสู้เขา มันลดลงไป การลดทิฏฐิได้ลดมานะได้ถือว่าเยี่ยมๆ ซึ่งเป็นการทำที่ยากที่สุด

ศรัทธาในคำสอนพระพุทธเจ้าไม่ได้ศรัทธาในพระพุทธเจ้า ตถาคตโพธิศรัทธาคือศรัทธาในคำสอนของพระพุทธเจ้า เพราะสิ่งที่พระองค์ตรัสจากพระโอษฐ์นั้นเป็นจริงแท้แน่นอนเสมอ และต้องเป็นอย่างนี้ไปไม่ว่าพระพุทธเจ้าจะมีหรือไม่ สิ่งเหล่านี้ก็จะต้องเป็นต่อไป

โดยสรุปว่าศรัทธาทั้ง ๔ คือสัตว์โลกต่างมีกรรมเป็นของตน ไม่มีใครรับรองได้เลยว่าเรามีศรัทธาบริบูรณ์หรือยัง เมื่อมีศรัทธากระพร่องกระแพร่งเราก็ต้องรักษาไว้ ต้องหวนกลับมาสร้างความศรัทธาเลื่อมใสให้ได้ ถ้าเราทุกคนมีหลักธรรมที่มีเหตุมีผล มันก็สร้างตนให้เป็นคนน่าเลื่อมใส และพูดอะไรก็น่าเลื่อมใส ที่ยังเป็นทุกวันนี้เพราะเราเป็นปุถุชนผู้หนาแน่นด้วยกิเลส แต่เรารู้แล้วว่าสิ่งเหล่านั้นมันไม่ดี เราก็ถอยออกไป การไปปฏิบัติ การดูแลชีวิตด้วยการกระทำความดีนั่นคือการรดน้ำต้นกล้าให้เจริญเติบโต

ถึงเวลาที่เราจะได้ศึกษาธรรมะกันต่อ ขอความสุขความเจริญ ความมีสติความมีปัญญา ความเป็นต้นกล้าแห่งความดี และมีวิริยะที่ในการจะดูแลใจตนเอง ดูแลอนาคตตนเองได้สมปรารถนา และสิ่งที่ผ่านไปแล้วเรามีหน้าที่ที่เหลือก็คือ ทำความดีแล้วแผ่เมตตาให้ท่าน แล้วก็ดูแลตนเอง ทำตนเองให้มีคุณค่า เหมือนที่ไปปล่อยปลา เราว่า “อยู่ให้มีค่า แก่ให้มีคุณ ตายให้มีทุน”

ฉะนั้น อยู่ขอให้ทุกคนมีค่าต่อชีวิตคือ มีค่าของปัญญาบารมี และอยู่อย่างมีคุณ คือทำคุณต่อแผ่นดิน ต่อพระศาสนาและตนเอง ต่อคนแวดล้อม และไปอย่างมีทุนทรัพย์ไปในสุขคติภพ และไปพบในสิ่งที่ดีๆ คือบัณฑิตทั้งหลายที่จะชักจูงทุกคนไปในทิศทางอันสูงส่งคือพระนิพพานได้โดยไว อนุโมทนาค่ะ



ขออนุโมทนากับน้องนวล ผู้ถอดเทป



0

กระทู้

18

ตอบกลับ

348

เครดิต

ผู้เยี่ยมชม

เครดิต
348
โพสต์ 2018-10-11 05:12:03 | ดูโพสต์ทั้งหมด
กราบอนุโมทนา สาธุค่ะ
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ข้อความล้วน|อุปกรณ์พกพา|ประวัติการแบน|อภิธรรมออนไลน์

GMT+7, 2024-11-1 07:49 , Processed in 0.092028 second(s), 21 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.9

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้