ชีวิตเราพบเพ้อ เพียรผูก และก็พลัดพราก
พบอะไรก็เพ้อหมด ว่าดีว่ายอด แล้วก็ผูกตัวเองไว้กับสิ่งนั้น ในที่สุดก็พลัดพราก เราไม่ตายจากเขา เขาก็ตายจากเราเป็นอย่างนี้ทั้งนั้น ทุกคนมีความพลัดพรากเป็นของธรรมดา แต่ใจเราไม่แกร่งพอ เรามีความอุปาทานว่าเป็นของเรา เราจึงโศกเศร้าเสียใจ
เมื่อวานก็ได้ไปวัดสามกอ ได้นำเงินทอดกฐินของพวกเราหลายๆ ท่าน ที่ฝากมาได้จำนวนเงิน ๔๑,๖๐๐ บาท ไปมอบให้วัดสามกอ ขากลับก็ได้มีโอกาสไปเยี่ยมนักศึกษาพระอภิธรรม ลูกศิษย์เก่าที่นี่แต่ไม่ได้มานานแล้วเพราะว่า ต้องดูแลคุณแม่อายุ ๘๘ ปี เริ่มหลงแต่ก็ยังมีความจำกลับมาบ้าง มีโอกาสได้ไปเยี่ยม แบบกัลยาณมิตร
น้องเขาก็ถามว่า มีอะไรจะเตือนไหม?
ตอบไปว่า ไม่มีอะไรจะเตือนหรอก เพราะว่าคุณธรรมและความดี คุณธรรมและเรื่องที่ควรทำ ได้ปลูกลงไว้ในใจของแต่ละคนนั้นแล้ว อยู่แต่ว่าใครจะไปรดน้ำให้ต้นกล้านั้นมันงอกเอง และสิ่งที่ให้ไม่ได้ก็คือขันติ อันนั้นต้องทำเอง เมื่อทำหน้าที่ดูแลแม่ ถึงแม้ว่าแม่จะเป็นผู้สูงอายุที่น่ารัก เดี๋ยวก็ท่องกลอน เดี๋ยวก็เจ้าค่ะเจ้าขา นั่นน่ารักสำหรับพวกที่ไปเยี่ยมเป็นครั้งคราว แต่สำหรับคนที่อยู่จำเจ ให้เราดูว่าน่ารักยังไงก็น่าเบื่อ จึงต้องสร้างความอดทนขึ้นเอง
แต่ผู้ที่จะเตือนอยู่เสมอก็คือลูกศิษย์ที่อยู่ด้วยกันที่บ้านเพราะต้องอยู่ด้วยกันไปตลอด จึงมีโอกาสล่วงเกินหรือทำผิดพลาดไปโดยไม่รู้ตัวเช่นการใช้จ่ายเงิน ก็ต้องเตือนหรือบอกว่าถ้าลืมใช้คืนแล้วจะไม่ถือโทษ หรือเตือนกันเรื่องการรักษาสุขลักษณะต่างๆ
|