มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ

Moonlanithi Vipassana
Meditation
OnlineStudy
thai    english
Article สำนักวิปัสสนา
อ้อมน้อย
กิจกรรม About Us

[ Home ] [ ลานถาม-ตอบปัญหาธรรมะ ] [ ลานกวีธรรม ] [ ลานคิด เล่า เขียน ] [ ลานกลิ่นดอกแก้ว ] [ ค้นหากระทู้ ] [ สมัครสมาชิก ] [ login เข้าระบบ ]


วิปัสสนากรรมฐาน ตอน ๑๓




วิปัสสนากรรมฐาน ตอน ๑๒ อ่านที่นี่

ว่าด้วยอริยสัจจ์ ๔


พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นผู้ประเสริฐกว่าผู้ที่กล่าวความจริงทั้งหลายว่า สัจจะ ย่อมจะมี ๒ ประเภท คือ โลกียสัจจะ และ โลกุตตรสัจจะ แต่สัจจะที่ ๓ นั้นหามีไม่ ซึ่งเป็นเพียงสมมติกันขึ้นเท่านั้น ความจริงที่เป็นปรมัตถ์อันเป็นธรรมที่ไปจากข้าศึกที่พระอริยเจ้าได้รู้แล้ว ได้ละแล้ว ได้ทำให้แจ้งแล้ว ได้เจริญแล้ว ซึ่งเป็นสภาพความจริงของพระอริยเจ้าทั้งหลายย่อมรู้ ย่อมเห็น เรียกว่า อริยสัจจ์ ตามที่พระองค์ทรงเทศนาไว้ มีอยู่ ๔ ประการด้วย คือ :-


๑. ทุกขอริยสัจจ์ (ทุกข์จริงๆ)
๒. ทุกขสมุทยอริยสัจจ์ (เหตุให้เกิดทุกข์จริงๆ)
๓. ทุกขนิโรธอริยสัจจ์ (ดับทุกข์จริงๆ)
๔. ทุกขนิโรธคามนีปฏิปทาอริยสัจจ์ (ทางดับทุกข์จริง)
๕. ทุกขนิโรธคามนีปฏิปทาอริยสัจจ์ (ทางดับทุกข์จริง) หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มัคค์

ทุกข์ มีหน้าที่ให้รู้ เอามัคค์มารู้
สมุทัย มีหน้าที่ให้ละ เอามัคค์มาละ
นิโรธ มีหน้าที่ให้ทำให้แจ้ง เอามัคค์มาทำให้แจ้ง
มัคค์ มีหน้าที่ให้เจริญ เอามัคค์เจริญมัคค์เอง

ทุกข์สัจจ์ สมุทัยสัจจ์ และ มัคคสัจจ์ (มัคคสัจจ์เว้นสัจจวิมุตติ) เป็น โลกียสัจจะ นิโรธสัจจะ เป็น โลกุตตรสัจจะ อริยสัจจ์ ทั้ง ๔ นี้ มิใช่อื่น คือ ปรมัตถธรรม นั่นเอง เอาสภาวะของปรมัตถธรรมมาเป็นอริยสัจจ์ ดังจักแสดงต่อไปนี้

โดย เทพธรรม...นำเสนอ [17 พ.ย. 2557 , 09:40:06 น.] ( IP = 171.96.178.166 : : ) เก็บกระทู้นี้ไว้ใน Bookmarkส่งกระทู้นี้ให้เพื่อนของคุณ


  สลักธรรม 1

สงเคราะห์ปรมัตถธรรมลงในอริยสัจจ์ดังนี้ :-

ทุกขสัจจ์ คือ โลกียจิต ๘๑ ดวง เจตสิก ๕๑ ดวง รูป ๒๘ รูป

สมุทัยสัจจ์ คือ โลภเจตสิก

นิโรธสัจจ์ คือ นิพพาน

มัคคสัจจ์ คือ เจตสิกอันเป็นองค์มัคค์ ๘

จัดเป็นอริยสัจจ์เป็นรูปธรรมนามธรรมเหมือนกับขันธ์ ๕ ดังนี้

ทุกขสัจจ์ เป็น รูปธรรมนามธรรม
สมุทัยสัจจ์ เป็น นามธรรม
นิโรธสัจจ์ เป็น ดับรูปนาม เป็นนามธรรม
มัคคสัจจ์ เป็น นามธรรม
โลกุตตระ ๘ เป็นนามธรรม แต่เป็นสัจจวิมุตติ

ทุกข์ คือ รูปนามนี้เป็นขันธ์ ๕ ทนไม่ได้ เกิดดับเสมอ
สมุทัย คือ โลภตัณหาอยากได้ทุกข์
นิโรธ คือ ดับทุกข์
มัคค์ คือ ทางดับทุกข์ (ศีล สมาธิ ปัญญา)

เมื่อสรุปแล้ว อริยสัจจ์ ๔ ก็คือ รูปธรรมกับนามธรรมเท่านั้น

โดย เทพธรรม...นำเสนอ [17 พ.ย. 2557 , 09:45:19 น.] ( IP = 171.96.178.166 : : )


  สลักธรรม 2

ขณะมัคคสัจจ์ทำงานนำเอาทุกขสัจจ์ คือรูปนามขันธ์ ๕ มาเป็นทางเดิน มัคคสัจจ์ ๘ เป็นผู้เดินทางพร้อมๆ กันนั้น ก็ละสมุทัยไปด้วย ละได้สิ้นเมื่อใด ทุกข์ก็ดับเป็นนิโรธสัจจ์

ยกตัวอย่างเช่น อ้าปากพูดเป็นทุกขสัจจ์ สติรู้ทันเป็นมัคคสัจจ์ ละสมุทัยคืออยากพูดได้ เว้นตัวเผลอ เป็น สัมมาวาจา พูดชอบ เมื่อยืน เดิน นั่ง นอน คู้ เหยียด เคลื่อนไหวทำการงานใดๆ เป็นทุกขสัจจ์สติรู้ทันเป็นมัคคสัจจ์ ละสมุทัยความอยากเดิน ยืน นั่ง นอน เป็นต้น เว้นตัวโมหะเผลอ ทุกขณะที่ทำการงาน เป็น สัมมากัมมันตะ ทำการงานชอบ

เมื่อขณะเห็น ขณะได้ยิน ขณะรู้กลิ่น ขณะรู้รส ขณะรู้สึกสัมผัส ขณะนึกคิด ขณะรัปประทานอาหาร ขณะนุ่งห่ม ขณะบริโภค มีสติรู้ทัน เป็นมัคคสัจจ์ ละสมุทัยความอยากเห็น อยากได้ยิน อยากบริโภคเป็นต้น เว้นตัวโมหะคือเผลอเป็น สัมมาอาชีวะ เป็นอยู่ชอบ
องค์มัคค์ ทั้ง ๓ คือ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ และ สัมมาอาชีวะ จัดเป็น ศีล เพราะเว้น ชั่ว ดัวโมหะ เผลอ เป็นต้น

สติ รู้ทันทุกขณะนั้น เป็น สัมมาสติ ระลึกชอบ วิริยะ ความเพียรตั้งสติรู้ทันบ่อยๆ เป็น สัมมาวายาโม เพียรชอบ สมาธิ มั่นคงไม่เผลอเลอนั้น เป็น สัมมาสมาธิ ตั้งใจมั่นชอบ ปัญญา อันเห็นรูปนามเกิดดับนั้น เป็น สัมมาทิฏฐิ เป็นชอบ วิตก รู้เห็นพระไตรลักษณ์อนิจจังไม่เที่ยงทุกขังทนอยู่ไม่ได้ อนัตตา บังคับบัญชาไม่ได้ ที่ติดอยู่กับรูปนามนั้นเป็น ดำริชอบ

เมื่อเห็นรูปนามดับไปกับไตรลักษณ์พร้อมๆ กันเช่นนั้น จนสิ้นอาสวะ อันเป็นตัวสมุทัยเมื่อใด เมื่อนั้นทุกข์จะดับไป ไม่มีเหลือให้เห็นเรียกว่า นิโรธสัจจ์ ย่อมสมบูรณ์แล้วแก่พระอริยเจ้าแน่นอน

โดย เทพธรรม...นำเสนอ [17 พ.ย. 2557 , 09:51:10 น.] ( IP = 171.96.178.166 : : )


  สลักธรรม 3

ว่าด้วยปฏิจจสมุปบาท ๑๒

ความประชุมพร้อมแห่งผล อาศัยความสามัคคีของปัจจัยทั้งหลายแล้วทำให้เกิดผลโดยพร้อมเพรียงกัน และสม่ำเสมอกัน เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท มี ๑๒ เป็นเหตุเป็นต่อเนื่องกัน ดังจักแสดงต่อไปนี้ :-

๑. อวิชชา เป็นปัจจัยให้เกิด สังขาร
๒. สังขาร เป็นปัจจัยให้เกิด วิญญาณ
๓. วิญญาณ เป็นปัจจัยให้เกิด นามรูป
๔. นามรูป เป็นปัจจัยให้เกิด สฬายตนะ
๕. สฬายตนะ เป็นปัจจัยให้เกิด ผัสสะ
๖. ผัสสะ เป็นปัจจัยให้เกิด เวทนา
๗. เวทนา เป็นปัจจัยให้เกิด ตัณหา
๘. ตัณหา เป็นปัจจัยให้เกิด อุปาทาน
๙. อุปาทาน เป็นปัจจัยให้เกิด ภพ
๑๐. ภพ เป็นปัจจัยให้เกิด ชาติ
๑๑. ชาติ เป็นปัจจัยให้เกิด ชรามรณะ
๑๒.ชรามรณะ เป็นปัจจจัยให้เกิด อวิชชา

โดย เทพธรรม...นำเสนอ [17 พ.ย. 2557 , 09:53:13 น.] ( IP = 171.96.178.166 : : )


  สลักธรรม 4

ปฏิจจสมุปบาทนี้ องค์ธรรมได้แก่ปรมัตถธรรม ซึ่งนำมาใช้เป็นภูมิของวิปัสสนา มีสงเคราะห์นำมาเป็นข้อๆ ดังต่อไปนี้

๑. อวิชชา คือสิ่งที่ไม่รู้ ตัวเผลอ ตัวหลง มืดมนในธรรมที่ควรได้ย่อมไม่ได้ ธรรมที่ไม่ควรได้ย่อมได้ หมายความว่า ไม่รู้ปรมัตถ์ แต่ไปรู้บัญญัติ ได้แก่ โมหเจตสิกนั่นเอง

๒. สังขาร คือธรรมที่ปรุงแต่ง ได้แก่ สังขาร ๓ หรือสังขาร ๖ องค์ปรมัตถ์ คือเจตนา ๒๙

๓. วิญญาณ คือ ความรู้สึกในอารมณ์ ได้แก่จิตเป็นโลกียวิบาก ๓๒ ดวง

๔. นามรูป คือ สภาพที่แตกดับยืนไว้ให้รู้ เรียกว่า รูป ได้แก่รูปปรมัตถ์ ๒๘ และสภาพที่น้อมไปหาอารมณ์ คือผู้เข้าไปรู้ เรียกว่านาม ได้แก่ เจตสิกทั้งหมด

๕. สฬายตนะ คือ อายตนะ ๖ ซึ่งเป็นส่วนภายใน องค์ปรมัตถธรรม ได้แก่ ปสาทรูป ๕ กับจิตทั้งหมด

๖. ผัสสะ คือธรรมชาติที่กระทบอารมณ์ อันเนื่องจากการประชุมของอารมณ์กระทบกับปสาทรูป และเกิดวิญญาณขึ้น องค์ปรมัตถธรรมได้แก่ ผัสสเจตสิก

๗. เวทนา คือธรรมชาติที่เสวยอารมณ์ สุขบ้าง ทุกข์บ้าง เฉยๆ บ้าง มี ๓ หรือ ๕ อันเกิดจากผัสสะเป็นปัจจัยมี ๖ ได้แก่เวทนาเจตสิก

โดย เทพธรรม...นำเสนอ [17 พ.ย. 2557 , 09:56:41 น.] ( IP = 171.96.178.166 : : )


  สลักธรรม 5

๘. ตัณหา คือความอยากได้ตัณหา ๖ องค์ปรมัตถธรรม คือ โสภณเจตสิกนั่นเอง ซึ่งแยกออกตามเหตุปัจจัย มี ๓ บ้าง ๑๐๘ บ้าง (๓x๖x๒x๓=๑๐๘)

๙.อุปาทาน คือสภาพที่ยึดมั่น ถือมั่น คือยึดถืออารมณ์ไว้ด้วยอำนาจแห่งตัณหาที่หนาแน่นขึ้นนั่นเอง องค์ธรรมได้แก่ โลภเจตสิก

๑๐. ภพ คือ กัมมภพ ซึ่งเป็นเจตนาของกุศลและอกุศล ที่ทำให้เกิดวิบากและกฏัตตารูป เกิดในกามภพ รูปภพและอรูปภพ ได้แก่ อุปปัตติภพทั้งมีกามภพเป็นต้น คำว่า ภพ จึงได้แก่ “กรรม” ใน ๓๑ ภูมินั่นเอง องค์ปรมัตถธรรมได้แก่เจตนาที่ประกอบด้วยจิต ๒๙ ดวง

๑๑ ชาติ คือความเกิด ความประสูติ ความเป็น ความปรากฏแห่งขันธ์ทั้ง ๕ ได้แก่ปฏิสนธิตามกำเนิด ๔ องค์ปรมัตถธรรมได้แก่ นิปผันนรูป ๑๘ (รูปชาติ) วิปากจิต (นามชาติ)

๑๒.ชรามรณะ คือความแก่ และความตาย อันเป็นผลของชาติ ซึ่งมีรวมด้วยกัน ๕ ประการ ได้แก่ ชราความแก่ มรณะความตาย โสกะความเศร้าโศก ปริเวทะความร้องไห้ ทุกขะความทุกข์กาย โทมนัสสะความทุกข์ใจ อุปายาสะ ความคับแค้นใจจนพูดไม่ออกซึ่งหมายเอา ฐีติตั้งอยู่ ภังคะดับไป ตามความปรวนแปรของจิตเจตสิกและรูปอันไม่มีที่สิ้นสุด

โดย เทพธรรม...นำเสนอ [17 พ.ย. 2557 , 09:59:29 น.] ( IP = 171.96.178.166 : : )


  สลักธรรม 6

ปฏิจจสมุปบาทจัดเป็นอัทธา ๓ (กาล๓)

๑.อดีตกรรม คือ อวิชชา สังขาร
๒.อนาคตธรรม คือ ชาติ ชรา มรณะ
๓. ปัจจุบันธรรม คือ วิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา ตัณหา อุปาทาน ภพ

ปฏิจจสมุปบาทจัดเป็นองค์ได้ ๑๒ ดังแสดงมาแล้วข้างต้น ถ้าจัดตามอาการได้ ๒๐ แบ่งออกเป็น ๔ หมวด คือ

๑. อดีตเหตุ ๕ คือ อวิชชา สังขาร ตัณหา อุปาทาน ภพ

๒. ปัจจุบันผล ๕ คือ วิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา

๓. ปัจจุบันเหตุ ๕ คือ ตัณหา อุปาทาน ภพ อวิชชา สังขาร

๔. อนาคตผล ๕ คือ วิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา

โดย เทพธรรม...นำเสนอ [17 พ.ย. 2557 , 10:02:01 น.] ( IP = 171.96.178.166 : : )


  สลักธรรม 7

จัดตามสังเขป ๔

๑. อดีตการสังเขป ได้แก่ อวิชชา สังขาร
๒. ปัจจุบันผลสังเขป ได้แก่ วิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา
๓. ปัจจุบันเหตุสังเขป ได้แก่ ตัณหา อุปาทาน ภพ
๔. อนาคตกาลสังเขป ได้แก่ ชาติ ชรา มรณะ

จัดตามวัฏฏะ ๓ คือ

๑. กิเลสวัฏฏะ ได้แก่ อวิชชา ตัณหา อุปาทาน
๒. กัมมวัฏฏะ ได้แก่ ภพ สังขาร
๓. วิปากวัฏฏะ ได้แก่ วิญญาณ นามรูป สฬายตนะ ผัสสะ เวทนา

โดย เทพธรรม...นำเสนอ [17 พ.ย. 2557 , 10:05:43 น.] ( IP = 171.96.178.166 : : )


  สลักธรรม 8

จัดเป็นมูละ มี ๒ คือ

๑. อวิชชา คือ โมหะ ความหลงลืมไม่รู้ธรรม

๒. ตัณหา คือ โลภะ ความอยากได้ในวัตถุกาม
เมื่อได้นำเอาปฏิจจสมุปบาท ซึ่งเป็นภูมิพื้นที่ที่เจริญวิปัสสนานั้นมาเรียกว่า รูป และ นาม ดังจะสงเคราะห์ให้เห็นประจักษ์ชัดต่อไปนี้

๑. อวิชชา เป็น นามธรรม
๒. สังขาร เป็น นามธรรม
๓. วิญญาณ เป็น นามธรรม
๔. นามรูป เป็น นามธรรมและรูปธรรม
๕. สฬายตนะ เป็น นามธรรมและรูปธรรม
๖. ผัสสะ เป็น นามธรรม
๗. เวทนา เป็น นามธรรม
๘. ตัณหา เป็น นามธรรม
๙. อุปาทาน เป็น นามธรรม
๑๐. ภพ เป็น นามธรรม
๑๑. ชาติ เป็น รูปธรรม นามธรรม
๑๒.ชรา มรณะ เป็น อาการของรูปนาม

ผู้ปฏิบัติวิปัสสนา เอารูปนามเป็นกรรมฐาน รู้รูปนาม ก็คือรู้ปฏิจจสมุปบาท จนละมูละคือคืออวิชชาตัณหาได้จริงแล้ว ก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้มี ชาติ ชรา ได้สิ้นแล้ว

เหตุที่ความประชุมพร้อมแห่งเหตุปัจจัยนั่นเอง เมื่ออวิชชาดับ สังขารก็ดับ เมื่อสังขารดับ วิญญาณก็ดับ เมื่อวิญญาณดับ นามรูปก็ดับ เมื่อนามรูปดับ อายตนะก็ดับ เมื่ออายตนะดับ ผัสสะก็ดับ เมื่อผัสสะดับ เวทนาก็ดับ เมื่อเวทนาดับ ตัณหาก็ดับ เมื่อตัณหาดับ อุปาทานก็ดับ เมื่ออุปาทานดับ ภพก็ดับ เมื่อภพดับ ชาติก็ดับ เมื่อชาติดับ ชรา มรณะก็ดับ เมื่อชรา มรณะดับแล้ว ไม่เกิดอีก ไม่ต้องเศร้าโศกร้องไห้ ทุกข์กาย ทุกข์ใจ เป็นบรมสุขอย่างเยี่ยม


โปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ



โดย เทพธรรม...นำเสนอ [17 พ.ย. 2557 , 10:10:06 น.] ( IP = 171.96.178.166 : : )


  สลักธรรม 9

7.25llllllyuanbasketball shoes
beats by dre
beats headphones
beats by dr dre
beats by dre
beats by dre
beats headphones
beats by dr dre
beats headphones
bottega veneta outlet online
bottega veneta outlet
burberry outlet store
burberry outlet store
burberry outlet
burberry outlet
burberry outlet sale
burberry outlet
burberry sunglasses on sale
burberry sunglasses
calvin klein outlet
calvin klein underwear
cartier sunglasses for men
cartier sunglasses
cartier outlet store
cartier outlet
cartier uk
cartier watches
cartier watches for sale
cartier watches
cazal outlet
cazal sunglasses
celine outlet online
celine outlet
celine outlet online
celine outlet
7.25

โดย lllllyuan [25 ก.ค. 2559 , 08:24:46 น.] ( IP = 23.228.77.137 : : )

ขอเชิญแสดงความคิดเห็น
จาก : *
Code :
กรุณากรอก Code ตัวเลขด้านบน *
อีเมล์ : หากไม่ต้องการให้เว้นว่าง
รูปภาพ : ไม่เกิน 150KB
รายละเอียด :
Icon Toy
Special command

* *
กรุณาคลิ๊ก Post message เพียงครั้งเดียว.... 

คำเตือน
  • การแอบอ้างใช้ชื่อบุคคลซึ่งอาจทำให้บุคคลนั้นเกิดความเสียหาย อาจถูกดำเนินคดีทางกฏหมายได้
  • การโพสรูปภาพที่ไม่เหมาะสม หรือ ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของภาพ อาจถูกดำเนินคดีทางกฏหมายได้
  • หากพบเห็นรูปภาพหรือกระทู้ที่ไม่เหมาะสมสามารถเมล์เข้ามาได้ที่ freewebboard@thaimisc.com โดยระบุ subject "กระทู้ไม่เหมาะสม" พร้อมทั้งระบุ ADDRESS ของเว็บบอร์ด

ผู้ช่วยเหลือ-แหล่งข้อมูล

[ คีตธรรม ] [ ตารางสี ] [ ค้นหาเพลง ]

ลานภาพ

อบรมวิปัสสนา

ค้นหา

ค้นหา-GooGle

สร้างสรรค์โดย a2.gif (164 bytes) http://www.abhidhamonline.org