มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ

Moonlanithi Vipassana
Meditation
OnlineStudy
thai    english
Article สำนักวิปัสสนา
อ้อมน้อย
กิจกรรม About Us

[ Home ] [ ลานถาม-ตอบปัญหาธรรมะ ] [ ลานกวีธรรม ] [ ลานคิด เล่า เขียน ] [ ลานกลิ่นดอกแก้ว ] [ ค้นหากระทู้ ] [ สมัครสมาชิก ] [ login เข้าระบบ ]


มารู้จัก " บุญ " กันดีแน่ (๒)





ตอนที่ (๑) อ่านที่นี่

หลักพิจารณาว่าเป็นบุญหรือไม่

เราจะทำความดีอะไร จะเป็นทานก็ตาม เป็นศีลก็ตาม การกระทำนั้นมีลักษณะเป็นการชำระสันดานให้หมดจดหรือไม่ ถ้าใช่...ก็ชื่อว่าเป็นบุญ ถ้าไม่ใช่...ก็ไม่ชื่อว่าบุญ ถ้าหากว่าประกอบด้วยความต้องการแล้วจึงให้ทาน ประสงค์ผลเฉพาะหน้า ที่จะได้ในเวลานั้น เช่น ชื่อเสียงเกียรติยศ คำสรรเสริญเป็นต้น ก็ย่อมไม่เกิดการชำระจิตสันดานให้หมดจดได้

ความอยากได้เป็นราคะหรือโลภะอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น แม้ทำแก่พระสงฆ์ หรือบริจาคให้แก่วัด .. ถ้าทำด้วยความต้องการ ในสิ่งที่แลกเปลี่ยนแล้ว ก็ไม่เห็นว่าจะเป็นได้อย่างไร จิตใจเสียสละไม่เกิดขึ้นเลยตั้งแต่ต้น เพราะพอมีเครื่องล่อใจจึงได้ทำ

เช่นว่า ทางวัดจะเรี่ยไร เอาเงินไปทำอะไรก็ตาม ต่อให้เป็นวัตถุปูชนียสถานทางพระพุทธศาสนา แต่มีเครื่องล่อใจ เช่นว่า ถ้าทำด้วยจำนวนเงินเท่านี้ก็จะได้เหรียญ ที่มีลักษณะอย่างนี้ มีเนื้อผสมอย่างนี้ แต่ถ้าหากทำบุญด้วยเงินมากกว่านั้นก็จะได้ของตอบแทน หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ดีกว่า อย่างนี้เป็นต้น พร้อมทั้งโฆษณาสรรพคุณในสิ่งที่จะให้ เป็นเครื่องตอบแทน ทำให้เกิดอยากได้ พออยากได้แล้วก็บริจาคเงิน นั่นเป็นบุญที่ตรงไหนกันค่ะ

โดย บุษกร เมธางกูร [6 ส.ค. 2558 , 07:38:44 น.] ( IP = 61.90.120.94 : : ) เก็บกระทู้นี้ไว้ใน Bookmarkส่งกระทู้นี้ให้เพื่อนของคุณ


  สลักธรรม 1


บางคนบอกว่าทำเพื่อภพหน้าชาติหน้า เพราะเป็นคนเชื่อกรรมเชื่อผลของกรรม อันนี้ต้องทราบว่าทำอะไรแล้วไปสู่ภพหน้าได้ สำคัญอยู่ที่ตรงนี้

แต่นี่โลภะออกหน้าเป็นสำคัญ อย่างไร ๆ ก็ไม่ใช่บุญ เพราะว่าถ้าไม่ได้ (สิ่งล่อ) แล้วก็จะไม่ทำ ถ้าได้จึงจะทำ

อย่าลืมว่า คำว่า “บุญ” คือ ธรรมชาติ ที่ชำระจิตสันดานให้หมดจด เวลานี้เกิดความไม่หมดจดขึ้นมา .. คือเกิดความโลภขึ้นมาแล้ว บางทีเกิดความไม่หมดจดขึ้นมา คือเกิดความโลภขึ้นมาแล้ว บางทีก่อนหน้านั้นอาจจะหมดจดอยู่แล้วก็ได้ แต่พอได้ยินคำโฆษณาในคราวที่เขาเรี่ยไรต้องการเงิน ทำให้เกิดโลภขึ้นมาแล้วจึงทำ ด้วยความอยากได้สิ่งตอบแทน ก็กลายเป็นว่ามีมลทินขึ้นมา เห็นชัด ๆ ว่า เกิดราคะ เกิดความต้องการ เกิดความปรารถนาขึ้น ซึ่งก็ทราบกันอยู่ว่าเป็นลักษณะของอกุศลประเภทหนึ่ง ที่ท่านเรียกว่า “ตัณหา

เวลานั้นจิตใจไม่สะอาดหมดจดเลย แสดงว่าไม่มีบุญอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น สำคัญเอาเองว่าเป็นบุญ นี่เป็นเครื่องยืนยันว่า ไม่รู้จักบุญ บุญอยู่ที่ตรงไหนก็ไม่ทราบ

โดย บุษกร เมธางกูร [6 ส.ค. 2558 , 07:41:18 น.] ( IP = 61.90.120.94 : : )


  สลักธรรม 2

การให้เพราะต้องการบุญ เป็นบุญหรือไม่

ถ้าหากว่าเราไม่ต้องการวัตถุเครื่องตอบแทนเลย ต้องการบุญเท่านั้น การกระทำ(เกี่ยวกับการให้) จะนับว่าเป็นบุญหรือไม่ เช่น ได้ยินได้ฟังพระท่านเทศน์สอนว่า “บุญ” เป็นของที่ควรจะได้ เป็นของที่ควรปรารถนา เป็นของดี อย่างนี้แล้วก็สละบริจาค เพราะต้องการบุญที่ท่านสรรเสริญนั้น การสละบริจาคแม้อย่างนี้ก็ไม่นับว่าเป็นบุญ

เหตุใดจึงไม่นับว่าเป็นบุญทั้ง ๆ ที่มีการให้จริง ๆ

สมมุติว่าเป็นวัตถุสิ่งของ เช่น เหรียญรุ่นใดรุ่นหนึ่ง เป็นต้น ผู้บริจาคอยากได้ก็บริจาคเงิน ก็เห็นชัดว่าต้องการตอบแทน ผลอันนั้นก็พอจะมองเห็นได้ว่าไม่หมดจด มีมลทินคือความอยากได้นั้น ถึงกระนั้นก็พึงทราบว่า แม้ทำเพราะต้องการบุญเท่านั้น การกระทำนั้นก็ไม่ชื่อว่าบุญนั่นแหละ เพราะเกิดความอยากได้บุญนั่นเอง

โดย บุษกร เมธางกูร [6 ส.ค. 2558 , 07:42:41 น.] ( IP = 61.90.120.94 : : )


  สลักธรรม 3

คนส่วนมากเข้าใจผิดว่า “บุญ” เป็นของดี ของวิเศษที่ควรได้ อีกอย่างหนึ่ง การกระทำ (มีการให้เป็นต้น) นั้น ยังไม่ใช่ตัวบุญ เพียงแต่เป็นเหตุที่จะได้มา ซึ่งของดีของวิเศษที่เรียกว่า “บุญ” อีกทีหนึ่ง ความจริง การให้นั้นนั่นแหละเป็นบุญอยู่แล้ว ทางศาสนาท่านแยกประเภทไว้แล้วว่า บุญมี 10 อย่าง มีทานเป็นต้น

ทานคือการให้ พอมีการให้เกิดขึ้นก็เป็นบุญแล้ว แต่ไปเข้าใจผิดว่า การให้ก็ยังไม่ใช่บุญแต่เป็นเหตุให้ได้บุญ จึงมองบุญว่าเป็นผลที่น่าได้ขึ้นมา การกระทำจึงเกิดมลทินไม่สะอาด

เดี๋ยวนี้มีแต่อย่างนี้ คนบริจาคก็โลภ อยากได้ผลตอบแทน ที่เรียกว่า “บุญ” คนเรี่ยไรก็โลภ อยากเงินมาก ๆ เป็นอันว่าจิตสันดานทั้งสองฝ่ายนั้นไม่หมดจดบริสุทธิ์เลย การเรี่ยไรเกิดขึ้นแต่ละครั้ง ก่อให้เกิดการกระทำที่เรียกว่า ไม่ใช่บุญ แต่ทว่า เป็นอกุศล คือมีโลภะเกิดขึ้น เป็นเช่นนี้จริง ๆ

โดย บุษกร เมธางกูร [6 ส.ค. 2558 , 07:44:06 น.] ( IP = 61.90.120.94 : : )


  สลักธรรม 4

ในตำรา ท่านได้กล่าวถึงบุญประเภทที่มีกิเลสแวดล้อมไว้ก็จริงอยู่.. กล่าวคือ ท่านแบ่งระยะเวลาเกี่ยวกับทาน ไว้เป็น 3 กาล คือ

๑. กาลก่อนให้ อันได้แก่ เวลาที่ตระเตรียมข้าวของ เครื่องอุปโภคบริโภคไว้ เพื่อจะให้แก่ผู้รับในเวลาต่อมา

๒. กาลกำลังให้ คือเวลาที่มอบวัตถุทานแก่ผู้รับ มีพระภิกษุเป็นต้น

๓. กาลภายหลังจากที่ได้ทำนั้น

ถ้าหากก่อนหน้าจะลงมือให้จริง ๆ ขณะตระเตรียมวัตถุข้าวของต่าง ๆ เพื่อถวายพระอยู่นั้น มีแต่ความอยากได้สิ่งตอบแทน คือ วัตถุมงคลต่าง ๆ คำสรรเสริญ หรือการได้ไปสวรรค์ หรือแม้แต่บุญ หลังทำก็มีแต่ความปลาบปลื้มใจในวัตถุมงคลที่ได้มา หรือว่าในอันจะได้ยินแต่คำสรรเสริญ จะได้ขึ้นสวรรค์ เป็นต้น

มีใจบริสุทธิ์ มุ่งจะสงเคราะห์ผู้รับอย่างเดียว ไม่แลเหลียวถึงผลตอบแทนเลย ก็เฉพาะในกาลกำลังให้กำลังถวาย ในมือผู้รับเพียงกาลเดียวเท่านั้น ก็ชื่อว่าเป็นบุญนี้ มีเฉพาะในกาลที่กำลังให้ เพียงกาลเดียวเท่านั้น….และบุญนี้ถูกแวดล้อมด้วยกิเลสที่เกิดขึ้นในกาลก่อนหน้า..และภายหลังนั่นเอง บุญอย่างนี้มีอานิสงส์น้อย ไม่รุ่งเรือง

แต่เท่าที่ปรากฏให้เห็นเป็นส่วนมากนั้น แม้ขณะกำลังให้ก็มีความอยากได้ออกหน้า ใจสั่นยินดีในวัตถุมงคลที่เขาหยิบยื่นมาให้ หรือไม่ก็ปลาบปลื้มในคำสรรเสริญของผู้รับ ถ้าเป็นอย่างนี้ก็เป็นอันว่า ...หาความเป็นบุญมิได้เลยทั้ง 3 กาล

โดย บุษกร เมธางกูร [6 ส.ค. 2558 , 07:46:13 น.] ( IP = 61.90.120.94 : : )


  สลักธรรม 5

ความเข้าใจ “บุญ” ผิด เป็นอันตราย คนที่เข้าใจว่า การทำความดี มีทานเป็นต้น จะเป็นเหตุให้ได้บุญ บุญเป็นอีกอย่างหนึ่งนอกเหนือไปจากการกระทำของเขา พวกนี้เชื่อได้เลยทีเดียวว่า ถ้าพระสอนว่า ฆ่าสัตว์ได้บุญ เขาก็จะฆ่า ถ้าสอนกันมาแต่ไหน ๆ ว่าฆ่าสัตว์ก็ได้บุญ คือได้สิ่งตอบแทนที่น่าปรารถนา เป็นของวิเศษ เป็นมงคลชีวิต เขาก็จะฆ่าสัตว์ เพราะเขาต้องการบุญ แม้ในลัทธิศาสนาอื่นก็ยังมีการสอนว่า การฆ่าสัตว์บูชายัญเป็นบุญหรือได้บุญ.

ถ้าเข้าใจอย่างนี้ ถือว่าเป็นผู้ที่มืดมนในเรื่องบุญ ไม่รู้ว่า...ความกรุณา ความมีเมตตาเยื่อใยในชีวิตสัตว์ ไม่มีจิตคิดเบียดเบียนชีวิตสัตว์เกิดขึ้น ความสวัสดี สุคติ โลกสวรรค์ เป็นผลของบุญ เพราะฉะนั้น ความเข้าใจผิดว่าฆ่าสัตว์ได้บุญ เป็นมิจฉาทิฏฐิ แปลว่า ความเห็นผิด มีแต่จะนำมาซึ่งความทุกข์ ความเดือดร้อน


ด้วยความปรารถนาดีค่ะ
บุษกร เมธางกูร


โดย บุษกร เมธางกูร [6 ส.ค. 2558 , 07:49:09 น.] ( IP = 61.90.120.94 : : )


  สลักธรรม 6

พี่เณรมาติดตามอ่านเรื่องบุญต่อครับ
ขอบพระคุณครับ เป็นประโยชน์จริงๆครับผม

โดย พี่เณร [20 ส.ค. 2558 , 10:08:23 น.] ( IP = 171.97.19.143 : : )

ขอเชิญแสดงความคิดเห็น
จาก : *
Code :
กรุณากรอก Code ตัวเลขด้านบน *
อีเมล์ : หากไม่ต้องการให้เว้นว่าง
รูปภาพ : ไม่เกิน 150KB
รายละเอียด :
Icon Toy
Special command

* *
กรุณาคลิ๊ก Post message เพียงครั้งเดียว.... 

คำเตือน
  • การแอบอ้างใช้ชื่อบุคคลซึ่งอาจทำให้บุคคลนั้นเกิดความเสียหาย อาจถูกดำเนินคดีทางกฏหมายได้
  • การโพสรูปภาพที่ไม่เหมาะสม หรือ ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของภาพ อาจถูกดำเนินคดีทางกฏหมายได้
  • หากพบเห็นรูปภาพหรือกระทู้ที่ไม่เหมาะสมสามารถเมล์เข้ามาได้ที่ freewebboard@thaimisc.com โดยระบุ subject "กระทู้ไม่เหมาะสม" พร้อมทั้งระบุ ADDRESS ของเว็บบอร์ด

ผู้ช่วยเหลือ-แหล่งข้อมูล

[ คีตธรรม ] [ ตารางสี ] [ ค้นหาเพลง ]

ลานภาพ

อบรมวิปัสสนา

ค้นหา

ค้นหา-GooGle

สร้างสรรค์โดย a2.gif (164 bytes) http://www.abhidhamonline.org