Moonlanithi |
Vipassana Meditation |
OnlineStudy thai english |
Article |
สำนักวิปัสสนา อ้อมน้อย |
กิจกรรม | About Us |
เมื่อท่านตายแล้วท่านจะไปไหน ?
สลักธรรม 1
แม้คำว่า.. ความตายคืออะไร? ..ซึ่งดูเสมือนว่า เป็นคำถามที่จะตอบได้ง่ายๆหรือ ถึงจะเป็นคำถามที่พอจะตอบกันได้ ก็เป็นการตอบตามสามัญสำนึกของบุคคลทั้งหลาย หาได้เป็นไปตามหลักวิชาปรมัตถ์อันเป็นความจริงแท้ไม่ ด้วยเหตุดังนี้ จึงมิได้ถูกต้องสมบูรณ์จริงๆ
สำหรับคำถามที่ว่า เหตุใดจึงต้องตาย ? ผู้ตอบคำถามนี้ ก็มักจะเอาเหตุที่ห่างไกลเกินไปมาอ้าง เช่นว่า เพราะต้องอาวุธ ของมีคม อวัยวะในส่วนสำคัญเสียหายหรือเลือดออกไม่หยุด กินอาหารไมได้ หรือเพราะว่าเชื้อโรคร้ายแรงมาทำให้ร่างกายทำงานต่อไปไม่ไหว
เมื่อฟังดูแล้วก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องตายซึ่งน่าจะถูกต้องดีแล้ว แต่ถ้าว่าตามหลักของสภาวธรรม ....คำตอบนี้ยังเป็นเหตุที่ห่างไกลต่อความจริงอยู่มาก เพราะตัวการที่ทำให้ต้องตายอย่างสำคัญ หรือเหตุใกล้ชิดติดกันของความตายนั้นยังมีอีกต่างหาก ซึ่งผู้ปรารถนาที่จะหาความรู้ในเรื่องนี้ให้เข้าใจจริงๆก็จะต้องศึกษา และจะต้องศึกษาจากพระอภิธรรมปิฎก ซึ่งมีคำอธิบายในเรื่องนี้อย่างละเอียดลออพิสดาร โดย เทพธรรม..นำมาฝาก [29 ส.ค. 2558 , 09:33:34 น.] ( IP = 61.90.83.78 : : )
สลักธรรม 2
ส่วนคำถามที่ว่า ในขณะที่ตายนั้น มันมีการงานอะไรกันบ้าง ในขณะที่กำลังตายนั้น ผู้ตายมีความเจ็บปวดหรือหาไม่ มีความรู้สึกสำนึกตัวเพียงใด
คำอธิบายในเรื่องนี้ วิทยาการทางโลกโดยทั่วไปยังไม่มี นอกจากจะนึกค้นเดาเอา แล้วแต่ผู้ใดจะได้อบรมมาจากทางไหน ก็ตอบไปตามสายทางนั้น เช่นตอบว่าผู้ที่จะถึงแก่ความตายย่อมจะเจ็บปวดสาหัส จิตหรือวิญญาณซึ่งเป็นดวงๆ หรือเป็นควันออกจากร่างกายของคนตายแล้ว ก็จะไปสิงอยู่ในรูปที่ๆชีวิตอื่นต่อไป หรือมิฉะนั้นก็ว่า วิญญาณดับสูญไปเลย เกิดอีไม่ได้ เป็นต้น
นอกจากนั้น ยังมีเรื่องที่ถกเถียงกันมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ถกเถียงกันมาจนถึงปัจจุบันนี้ ก็ยังไม่มีใครสามารถที่จะตัดสินชี้ขาดเอาเป็นยุติได้
..นั่นก็คือ.. เรื่องของความเชื่อในบุคคล ๒ ฝ่าย
คือฝ่ายหนึ่งมีความเห็นว่า คนเรานั้นถึงที่แล้วก็ต้องตายไม่มีใครจะมีชีวิตอยู่อีกต่อไปได้
อีกฝ่ายหนึ่งกลับมีความเห็นว่า ไม่มีขอบเขตของเวลาตาย ถึงที่แล้วต้องตายนั้น ไม่เป็นความจริง จะถึงที่หรือไม่ถึงที่ ถ้ามีเหตุมาทำให้ตายแล้วก็จะต้องตายอย่างแน่นอนทั้งนั้นโดย เทพธรรม..นำมาฝาก [29 ส.ค. 2558 , 09:34:58 น.] ( IP = 61.90.83.78 : : )
สลักธรรม 3อย่าว่าแต่เรื่องตายแล้วไปเกิดได้อย่างไรเลย... แม้ความตายจะต้องเกิดขึ้นกับใครๆทุกคน ไม่ช้าก็เร็วก็จริง หรือแม้ความตายนั้นเราจะเห็นอยู่ต่อหน้า ...คือในความตายของคนหรือของสัตว์อยู่เสมอ
และแม้ว่าเราได้เผชิญหน้ากับความตายหลังจากได้เกิดมีชีวิตขึ้นมาแล้วจนนับชาติไม่ไหว แต่เราก็มิได้เข้าใจความตายเลยแม้แต่น้อย
ทำไมวิทยาการในโลกนี้ก็มีมากมาย ถึงจะลึกซึ้งประการใดนักปราชญ์ราชบันฑิตทั้งหลายผู้มีความสามารถก็ค้นคว้าขึ้นมาได้เป็นส่วนมาก แต่เรื่องของความตายที่อยู่ใกล้ๆแค่เอื้อม ค้นคว้าเท่าใดก็ได้ แต่คว้าน้ำเหลว ทั้งนี้ก็เพราะใช่วิสัยของปุถุชนผู้ซึ่งหนาไปด้วยกิเลส
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้แสดงเรื่องของความตายไว้อย่างละเอียดลออพิสดารมาก ผู้ศึกษาจะต้องอดทนค่อยๆศึกษาไปตามลำดับแล้วจะหายสงสัยได้ โดย เทพธรรม..นำมาฝาก [29 ส.ค. 2558 , 09:36:15 น.] ( IP = 61.90.83.78 : : )
สลักธรรม 4
ความตายคืออะไร.. เหตุใดจึงต้องตาย... ในขณะกำลังตายมีความเจ็บปวดบ้างหรือไม่มี...ความสำนึกรู้สึกตัวได้เพียงใด.... และถึงที่แล้วจึงต้องตายนั้นจริงหรือเปล่า?
เรื่องเหล่านี้จะต้องอาศัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น และโดยการศึกษาจากพระธรรมที่พระองค์ท่านตรัสรู้
เฉพาะอย่างยิ่งในพระอภิธรรมปิฎกท่านผู้ใดค่อยๆศึกษาไปจนมีความเข้าใจโดยมิได้ท้อถอยแล้ว ก็จะได้ความละเอียด ทั้งจะได้พบความเร้นลับพิสดารเป็นอย่างยิ่งในเรื่องต่างๆของชีวิตโดย เทพธรรม..นำมาฝาก [29 ส.ค. 2558 , 09:37:11 น.] ( IP = 61.90.83.78 : : )
สลักธรรม 5ความตายคืออะไร ?
คำถามนี้ เป็นคำถามที่ให้คำตอบกันง่ายๆ โดยทั่วไปบุคคลทั้งหลายก็จะพากันตอบว่า.. ความตายคือการไม่หายใจ ความตายก็คือการดำเนินชีวิตให้เป็นไปตามปกติธรรมดาไม่ได้ทุกอย่าง
คำตอบเช่นนี้ก็มิได้ผิด แต่เป็นการถูกต้องผิวเผินเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง แต่ในสายตาของนักศึกษาเรื่องของชีวิตจากพระอภิธรรมปิฎกมีความเข้าใจดี..
แม้คำว่า จุติ ซึ่งแปลว่าดับหรือตาย ประชาชนส่วนใหญ่ ก็ยังเข้าใจผิดไป เพราะไปเข้าใจว่า จุติได้แก่การเกิด......
บางคนเอาไปตั้งชื่อร้านค้าขายของตนเองว่า .จุติ หรือเมื่อเห็นแสงที่เรียกกันว่าดาวตกจึงได้พากันพูดว่าเทวดาจุติ หมายความว่าเทวดาเกิดในท้องของมารดา อย่าได้ไปทักเข้า หาไม่แล้วจะเข้าไปเกิดในท้องสุนัขโดย เทพธรรม..นำมาฝาก [29 ส.ค. 2558 , 09:38:41 น.] ( IP = 61.90.83.78 : : )
สลักธรรม 6ความตายก็ได้แก่ จุติหรือมรณะ
มีวจนัตถว่า..วจนํ จุติ
การเคลื่อนจากภพหนึ่ง (สู่ภพหนึ่ง) ชื่อว่า จุติ
มรณะ หรือ จุติ คือความตายนั้น จำแนกออกไปเป็น ๓ ประเภท คือ
๑. ขณิกมรณะ การดับไปของรูป- นามที่เกิดและดับไปอยู่ตลอดเวลา
๒. สมมติมรณะ คือการดับซึ่งได้แก่ความตายของคนหรือสัตว์ทั้งหลาย
๓. สมุจเฉทมรณะ ได้แก่การปรินิพพานของพระอรหันต์
ขณิกมรณะ ได้แก่การดับหรือการสลายตัวเปลี่ยนแปลงไปจนไม่เหมือนเดิมของบรรดารูปนามทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างกายหรือรูปอื่นใด จะเป็นจิตหรือวิญญาณ ซึ่งในวินาทีหนึ่งย่อมจะผันแปรเปลี่ยนแปลงไปมากมาย ไม่มีผู้ใดที่จะมาบังคับให้มันหยุดนิ่งได้
ขณิกมรณะนี้ไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องชีวิตภายหลังความตายนัก ดังนั้นจึงของดไม่บรรยายในรายละเอียดต่อไป
สมุจเฉทมรณะ เป็นการสิ้นชีวิตของพระอรหันต์ผู้ซึ่งปราศจากกิเลสแล้ว ไม่มีการเกิดมีชีวิตขึ้นมาได้อีกต่อไป เพราะหมดอำนาจของเหตุปัจจัยที่จะมาส่งเสริม ดังนั้นจึงของดไม่บรรยายในรายละเอียดต่อไปด้วยเหมือนกัน
จะได้บรรยายเฉพาะสมมติมรณะซึ่งได้แก่ การดับหรือความตายของคนหรือสัตว์ทั้งหลายเท่านั้น
รอติดตามท่านอาจารย์บุญมี เมธางกูร ต่อไปนะครับ
รับรองทั้งสนุกและได้ปัญญาบารมีมากเลยครับผมโดย เทพธรรม..นำมาฝาก [29 ส.ค. 2558 , 09:41:04 น.] ( IP = 61.90.83.78 : : )
ขอเชิญแสดงความคิดเห็น คำเตือน
- การแอบอ้างใช้ชื่อบุคคลซึ่งอาจทำให้บุคคลนั้นเกิดความเสียหาย อาจถูกดำเนินคดีทางกฏหมายได้
- การโพสรูปภาพที่ไม่เหมาะสม หรือ ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของภาพ อาจถูกดำเนินคดีทางกฏหมายได้
- หากพบเห็นรูปภาพหรือกระทู้ที่ไม่เหมาะสมสามารถเมล์เข้ามาได้ที่ freewebboard@thaimisc.com โดยระบุ subject "กระทู้ไม่เหมาะสม" พร้อมทั้งระบุ ADDRESS ของเว็บบอร์ด
ผู้ช่วยเหลือ-แหล่งข้อมูล |
[ คีตธรรม ] [ ตารางสี ] [ ค้นหาเพลง ] |
ลานภาพ |
ค้นหา |
สร้างสรรค์โดย http://www.abhidhamonline.org |