มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ

Moonlanithi Vipassana
Meditation
OnlineStudy
thai    english
Article สำนักวิปัสสนา
อ้อมน้อย
กิจกรรม About Us

[ Home ] [ ลานถาม-ตอบปัญหาธรรมะ ] [ ลานกวีธรรม ] [ ลานคิด เล่า เขียน ] [ ลานกลิ่นดอกแก้ว ] [ ค้นหากระทู้ ] [ สมัครสมาชิก ] [ login เข้าระบบ ]


ภาษาโลก – ภาษาธรรม ที่วัดสุวรรณาราม




ภาษาโลก – ภาษาธรรม ที่วัดสุวรรณาราม


สวัสดีค่ะทุกท่าน
นับเป็นโอกาสดีอีกแล้วนะคะ
ที่ได้มีโอกาสติดตามพี่ดอกแก้วไปประกอบกุศลนอกสถานที่
คราวก็อย่างที่เคยเรียนให้ทราบแล้วค่ะว่า
วันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๔๖ คณะสงฆ์ผู้รับผิดชอบ
งานสวดพระอภิธรรมศพเจ้าคุณศรีธรรมโสภณ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสุวรรณาราม
ได้เชิญพี่ดอกแก้วให้ไปบรรยายธรรมเพื่อเป็นทาน
ให้แก่ญาติโยมที่มาร่วมฟังสวดพระอภิธรรมศพ
ในคืนดังกล่าว และพี่ดอกแก้วก็ได้ให้หัวข้อการบรรยาย
แด่พระรูปที่เป็นผู้ดำเนินรายการไว้ในวันนั้นแล้วค่ะ


เวลาประมาณ ๑๘.๐๐ น. พวกเราก็ได้ไปรับพี่ดอกแก้วที่บ้าน และออกเดินทาง
มายังวัดด้วยการเดินทางที่ใจเย็น
ไม่กระสับกระส่ายกับสภาพบนท้องถนน ..ระหว่างทางพี่ดอกแก้วก็พูดคุย
เกี่ยวกับเรื่องพระอภิธรรมมาเรื่อยๆ จนเมื่อใกล้จะถึงปากทางเข้าวัดแล้ว
น้องกิ๊ฟก็บอกพี่ดอกแก้วว่า
วันนี้คงไม่ต้องพูดอะไรมาก ....พูดไปเรื่อยๆ สบายๆ ..


(เพราะในใจนั้นกำลังนึกถึงคนฟังอยู่ว่า
จะฟังเรื่องยากๆกันได้หรือเปล่า เพราะเจ้าภาพ
ในงานคืนนี้ประกอบไปด้วย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร
ผู้อำนวยการเขต และข้าราชการในหน่วยงานนั้นๆ
และก็เกรงว่า เนื้อหาธรรมะบางประการอาจไปกระทบใจของแต่ละท่านเข้า
จนอาจเกิดความขุ่นมัวขึ้นมาได้
เพราะพี่ดอกแก้วนั้นได้ชื่อว่า พูดตรงๆและทรงไว้ซึ่งสภาวธรรม
จะให้พูดถูก เป็นผิด หรือผิดเป็นถูก
หรือปกป้องเอาใจใครนั้นมิใช่วิสัยในการบรรยายธรรมของพี่ดอกแก้วค่ะ )


พอคำถามจบปุ๊บ พี่ดอกแก้วก็ตอบมาในทันใดว่า
วันนี้จะพูดเรื่องพระอภิธรรม
เพราะเป็นสิ่งที่สมควรจะต้องพูดให้คนเข้าใจว่า
การเกิด.... การอยู่.... การตาย.....นั้นเป็นอย่างไร
วันนี้เมื่อมีโอกาสแล้วก็ต้องการให้ความรู้ที่ถูกต้อง
มากกว่าที่จะปล่อยเวลาให้ผ่านไปกับเรื่องที่ไม่มีค่า....
. แหะ..แหะ... น้องกิ๊ฟจึงจำเป็นต้องสงบปากสงบคำลงทันที

โดย น้องกิ๊ฟ [7 มี.ค. 2546 , 01:36:01 น.] ( IP = 203.146.239.224 : : ) เก็บกระทู้นี้ไว้ใน Bookmarkส่งกระทู้นี้ให้เพื่อนของคุณ
[ 1 ] [ 2 ][ 3 ][ 4 ]


  สลักธรรม 1

จนกระทั่งรถที่เรานั่งได้มาถึงวัด และเราก็ลงกันเรียบร้อยแล้ว รถของท่านเจ้าคุณพระพิพิธธรรมสุนทร และคณะ ก็ได้เข้ามายังลานจอดรถเช่นเดียวกันพอขึ้นไปยังศาลาก็พบว่า ท่านเจ้าคุณเมธีวรญาณ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชโอรสาราม และท่านยังเป็นกรรมการกิตติมศักดิ์ของมูลนิธิ ซึ่งท่านทำหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานอ้อมน้อย ท่านได้มานั่งบนศาลาอยู่ก่อนแล้ว

พี่ดอกแก้วจึงได้เข้าไปกราบนมัสการท่านและพระสงฆ์ผู้มีสมณศักดิ์รูปอื่นๆที่นั่งอยู่ในบริเวณนั้น และส่วนใหญ่ก็รู้จักกับพี่ดอกแก้วอยู่แล้วเช่นกัน

เมื่อถึงเวลาตามกำหนด โฆษกในพิธีก็กล่าวเชิญแขกผู้มีเกียรติขึ้นไปจุดเทียนธูปในตำแหน่งต่างๆ และอาราธนาศีลตามแบบทั่วไป ....เมื่อพระเริ่มสวดพระอภิธรรมนั้น น้องกิ๊ฟก็บังเกิดความเดือดร้อนใจเป็นอย่างมาก เพราะฟังไม่ออกว่าท่านสวดอะไรกัน ....กว่าจะทราบว่าท่านกำลังจะสวดคำว่า นะโม ตัสสะ... ก็ใช้เวลาเกือบหนึ่งนาทีในการตั้งใจฟังสำเนียงของท่าน ที่ค่อยๆเอื้อนไปตามทำนอง ... นึกชมเชยพระผู้สวดอยู่ในใจว่า ท่านช่างมีความสามารถและความตั้งใจ ในการสาธยายธรรมเป็นทำนองหลวงได้อย่างน่าศรัทธา ...แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่า แล้วคนฟังจะได้ประโยชน์อย่างไรบ้างในการฟัง... และก็นึกเลยเถิดไปอีกนิดนึงว่า ไม่เป็นไรอีกสักครู่พี่ดอกแก้วก็จะมาเฉลยให้ทราบกันแล้ว.... จึงค่อยเบาใจขึ้น

โดย น้องกิ๊ฟ [7 มี.ค. 2546 , 01:39:55 น.] ( IP = 203.146.239.224 : : )


  สลักธรรม 2

หลังจากที่การสวดครั้งที่ ๓ จบลง โฆษกในพิธีก็ได้กล่าวเชิญพี่ดอกแก้วขึ้นไปบรรยายธรรมตามที่ได้กำหนดหัวข้อไว้ ..... พอพี่ดอกแก้วขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ที่ทางวัดจัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้วนั้น น้องกิ๊ฟก็เดินไปตามบริเวณต่างๆ ของศาลา เพื่อบันทึกภาพ ...

ขอบอกว่า สาระธรรมที่พี่ดอกแก้วพูดในวันนี้ ดีมาก... สั้นๆ กระชับ ได้ใจความ และความประทับใจ ผู้คนทั่วทั้งศาลาต่างตั้งใจฟังโดยไม่มีเสียงคุยกันและไม่มีใครลุกขึ้นเดินขวักไขว่... (นอกจากน้องกิ๊ฟ และคนยกน้ำและอาหารมาบริการค่ะ) พระภิกษุบางรูปนำวิทยุเล็กๆมาบักทึกคำบรรยายในครั้งนี้ด้วย และสำหรับบางรูปนั้นเมื่อพี่ดอกแก้วพูดถึงใจความสำคัญบางประการท่านก็จดลงบนเศษกระดาษที่ท่านถือมา บางรูปถึงกับหยิบหนังสือความมหัศจรรย์ของจิตที่วางอยู่ใกล้ๆ ขึ้นมาเปิดดูทันทีราวกับว่า เนื้อหาคำบรรยายอยู่ในหนังสือเล่มนั้น ..ความสงบและความตั้งใจฟังจึงครอบคลุมไปทั่วทั้งศาลา ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง พ่อค้า หรือชาวบ้าน ต่างก็นั่งฟังกันตาโต......

โดย น้องกิ๊ฟ [7 มี.ค. 2546 , 01:42:55 น.] ( IP = 203.146.239.224 : : )


  สลักธรรม 3

ตอนแรกนั้นพี่ดอกแก้วก็บอกว่า วันนี้จะขอโอกาสมานำเสนอภาษาไทยบางคำ ที่คนส่วนใหญ่มักชอบใช้กันโดยผิดความหมาย โดยเฉพาะความหมายในทางธรรม มาอธิบายให้เข้าใจกัน เช่น

......... คำว่า จุติ ที่แปลว่าตายแต่คนไทยหรือพระบางส่วนก็ยังเข้าใจผิดคิดว่าเป็นการเกิด แล้วก็นำไปพุดกันอย่างผิดๆ ..การเกิดนั้นจะต้องใช้คำว่าปฏิสนธิ และในการปฏิสนธินั้นก็มีเหตุให้เกิดอยู่ด้วย ไม่ใช่เพราะเนื่องมาจากบิดามารดาเพียงอย่างเดียว ....พี่ดอกแก้วบอกว่า คำตอบโดยละเอียดนั้นมีอยู่ในหนังสือชื่อ ใครให้คุณเกิด? ซึ่งเป็นงานเขียนของพี่ดอกแก้ว และอีกไม่นานนี้ก็จะตีพิมพ์เป็นรูปเล่มออกมาเผยแพร่ในงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ.... แต่ในวันนี้เราจะมาพูดถึงคำว่าตายกัน

....คำว่า จุติ แปลว่าตาย ..ในสมัยที่ยังเป็นเด็กนั้นพี่ดอกแก้วบอกว่า เคยเห็นร้านดูแลเกี่ยวกับรถยนต์ชื่อ จุติคาร์แคร์ ..... ซึ่งท่านพระอาจารย์บุญมีอธิบายคำศัพท์นี้ในทำนองอารมณ์ดีว่า ..อย่าเข้าไปเชียวนา ...เพราะไม่รู้ว่าจะรอดชีวิตหรือเปล่าถ้าซ่อมหรือซื้อรถที่ร้านนี้ เพราะคำจุติแปลว่าตายนั่นเอง ....

โดย น้องกิ๊ฟ [7 มี.ค. 2546 , 01:46:38 น.] ( IP = 203.146.239.224 : : )


  สลักธรรม 4

........คำต่อไปก็คือ คำว่า สังขาร คำว่าสังขารนี้พี่ดอกแก้วอธิบายว่า คนไทยเรานำมาใช้ในความหมายที่แคบๆ คือ หมายความว่าเป็นเพียงร่างกายเท่านั้น เวลาปวดเมื่อยเจ็บปวดก็มักจะโอดโอยกันว่า สังขารแย่แล้ว ....แท้ที่จริงสังขารนั้นเป็นการมาประชุมปรุงแต่งกันระหว่างธรรมชาติประเภทต่างๆ และก็มีความไม่เที่ยง ...เป็นทุกข์ .... บังคับบัญชาไม่ได้ ได้แก่ นามธรรมคือจิตและเจตสิกที่มาประชุมปรุงแต่งกันเมื่อมีอารมณ์มากระทบและก็ดับลงเพราะหมดเหตุปัจจัยต้องเปลี่ยนแปลงไปรับอารมณ์ใหม่ ..ต้องขอประทานโทษที่จะถามท่านเจ้าภาพว่าแต่ละท่านทราบหรือไม่ว่า ท่านมองเห็นได้เพราะอะไร? ท่านจะมองเห็นดอกไม้ที่อยู่ตรงหน้านี้ได้มิใช่เพียงเพราะมีดวงตาเท่านั้น จะต้องมีแสงสว่างที่พอเหมาะ มีดอกไม้มาปรากฏอยู่ และมีความตั้งใจที่เรียกว่ามนสิการ จึงเป็นบทสรุป ๔ ข้อใหญ่ๆที่ทำให้เกิดการเห็น ... ฉะนั้น สังขารจึงไม่ใช่ความหมายทางร่างกายอย่างเดียว แต่คนเราชอบพูดกันเสียจนติดปาก

...ชีวิตของคนเรานั้นมีทั้งส่วนที่ประกอบไปด้วยรูปและนาม ที่เรียกกันว่าขันธ์ ๕ คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ....ขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่นี้เราก็มีขันธ์ทั้ง ๕ ครบ ซึ่งต่างจากท่านเจ้าคุณศรีธรรมโสภณ ที่ขณะนี้เหลือเพียงรูปขันธ์ที่ปราศจากจิตหรือวิญญาณครองแล้ว

และก็เช่นเดียวกัน คำว่าวิญญาณ ที่เข้าใจกันผิดและใช้ในความหมายที่ผิด เพราะวิญญาณ ก็คือ จิต ซึ่งจิตนี้มีชื่อเรียกถึง ๑๐ ชื่อ เช่น หทัย มโน มนินทรีย์ มนายตนะ เป็นต้น ถ้าจะเปรียบให้เข้าใจง่ายก็เช่น ในขณะที่เรายังเป็นเด็กเราก็เรียกแทนตัวว่า เด็กหญิง/เด็กชาย โตขึ้นมาก็เรียกว่า นาย/นางสาว พอเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ก็ต้องใช้คำแทนตัวว่า ข้าพระพุทธเจ้า ....ซึ่งทั้งหมดที่พูดมาก็คือ ตัวของเราคนเดียวทั้งสิ้นแต่เมื่ออยู่ในฐานะที่ต่างกันก็ต้องใช้คำเรียกหาที่ต่างกันไป

โดย น้องกิ๊ฟ [7 มี.ค. 2546 , 01:50:54 น.] ( IP = 203.146.239.224 : : )


  สลักธรรม 5

.....คำต่อไปคือ คำว่า อาหาร .... ในภาษาธรรม อาหารหมายถึงเครื่องหล่อเลี้ยงที่มีทั้งรูปอาหาร และนามอาหาร คืออาหารกายและอาหารใจ แต่ในภาษาโลก อาหารนั้นมีความหมายว่าเป็นสิ่งที่เรากลืนกินเข้าไป เช่น ก๋วยเตี๋ยว โจ๊ก หรือข้าวต้ม เราจึงละเลยความสำคัญของอาหารที่เป็นนาม ที่เรียกว่า อาหารใจ และในบทสวดพระอภิธรรมก็มีการกล่าว ถึง“อาหาร” ไว้ด้วย คือ เหตุปัจจโย..อารัมมณปัจจโย ....วิปากปัจจโย อาหารปัจจโย ...ในทางธรรมนั้น อาหารที่เรารับประทานเข้าไปยังไม่จัดว่าเป็นอาหารที่ถูกต้อง จะเรียกว่าเป็นอาหารได้ก็ต่อเมื่อได้มีการซึมซาบเข้าไปอุปการะให้ร่างกายเจริญเติบโต ส่วนนามอาหารก็คือ จิตและเจตสิกบางประเภท

โดย น้องกิ๊ฟ [7 มี.ค. 2546 , 01:54:15 น.] ( IP = 203.146.239.224 : : )


  สลักธรรม 6

.....คำต่อไปคือ อารมณ์
...(ขอบอกว่า พี่ดอกแก้วได้อธิบายคำว่า อารมณ์ อยู่ประมาณ ๑๐ นาที
และก็เป็น ๑๐ นาทีที่ผู้ฟังตั้งใจฟังกันอย่างยิ่ง)
ที่เราพูดกันว่า อารมณ์ไม่ดีนั้น...เป็นคำพูดที่ผิด เป็นภาษาโลกที่ใช้กันผิดๆ
เพราะในภาษาธรรมนั้นไม่มีอารมณ์ดีหรือไม่ดี

..อารมณ์เป็นสิ่งที่มาปรากฏแก่จิต ให้จิตรับรู้ทางทวารต่างๆ
แต่เมื่อจิตรับรู้แล้วมีการตัดสินอารมณ์ตามมาด้วยตัณหา ด้วยโทสะ
ก็จึงกลายเป็นว่า อารมณ์นี้ดี อารมณ์นี้เสีย ตอนนี้ชอบ ตอนนี้โกรธ
..... แท้จริงแล้วสิ่งที่เป็นกิเลสที่มาเป้นผู้ตัดสินเหล่านี้ต่างหากที่ไม่ดี
...แต่ละคนทราบไหมว่า
ในแต่ละวันนั้นอารมณ์เป็นบ่อเกิดแห่งการกระทำที่ทำให้เราต้องมีภพชาติเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
เป็นเพราะเรามีตัณหาจึงทำให้เราตาหัน
คือหันไปตามที่ตัณหาสั่งมา เช่น ได้ยินว่าที่นั่นมีการแจกของให้ฟรีๆ
..ด้วยความชอบของฟรีที่มีอยู่ในใจ ก็ทำให้ตาของเราหันไปทางทิศนั้น
แล้วก็เดินเข้าไปด้วยความชอบ
หรือเวลาที่ เราไปเดินตามห้างสรรพสินค้า
แล้วได้ยินเสียงปรกาศว่าเสื้อผ้ายี่ห้อหนึ่งประกาศลดราคาห้าสิบเปอร์เซ็นชั่วโมงนี้
...เมื่อมีอารมณ์คือเสียงมากระทบแล้ว
ก็ไปกวนตัณหาที่อยู่ในใจมีปฏิกิริยาทำให้ตาของเราหันไปยังจุดขายสินค้านั้นด้วยความอยากได้
...สิ่งเหล่านี้ก็คือ อภิชฌา หรือโทมนัสที่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ...


อันตัณหาลวงล่อให้ก่อเกิด
ตรองดูเถิดจับสิ่งชั่วตัวตัณหา
ถ้าจับเป็นก็จะเห็นอนัตตา
ว่าตัณหามันเป็นของให้หมองใจ


...จึงเป็นคำตอบที่จะตอบทุกท่านได้ว่า ใครให้คุณเกิด?
ก็คือตัวคุณเองน่ะแหละที่ลิขิตการเกิดของตนเอง
.... เพราะการกระทำกรรมเหล่านี้จะมาปรากฏในเวลใกล้ตาย
คือทำให้จิตจับอารมณ์นั้นไปเกิดตามภพภูมิต่างๆ เช่น
ถ้าหากท่านเคยโลภมาก เคยคอรัปชั่นไว้มากมาย
พอถึงเวลาใกล้ตายเหตุการณ์ต่างๆนั้นได้ย้อนกลับมาให้ท่านระลึกได้
อารมณ์ของความโลภก็เข้าสู่มรณาสันกาลและเข้าสู่มรณาสันนวิถี
จิตจับอารมณ์ของความโลภไปเกิดเป็นเปรต
....หรือถ้าหากเป็นคนเจ้าอารมณ์ โกรธง่าย หงุดหงิดง่าย
พอใกล้ตายแล้วพูดไม่ออกบอกใครไม่ได้
ก็จะเกิดความรู้สึกอึดอัด ที่ไม่มีใครเข้าใจในความต้องการ
..ความโกรธก็จะตามมา ถ้ามรณาสันนกาลรับอารมณ์นั้นไว้แล้วส่งต่อมรณาสันวิถี
บ้านที่แน่นอนของท่านมีอยู่เพียงหลังเดียว นั่นคือ นรก....


ขณะนี้อาจจะมีหลายๆท่านที่มีความสามรถเก่งเกินผู้อื่น
แต่ไม่มีใครเลยสักคนที่เก่งเกินกรรม
เมื่อถึงคราวที่กรรมส่งผลก็ต้องรับผลของกรรมนั้น คือ วิบาก อย่างปฏิเสธไม่ได้
คนเราอาจจะเก่งเกินกันแต่ไม่เก่งเกินกรรม


และคนเราอาจจะใหญ่กว่ากันแต่ไม่ใหญ่กว่าโลง
แม้ท่านจะมีฐานะสูงส่งขนาดไหน ทรัพย์สินมากมายเพียงใด
เมื่อถึงคราวตายแล้วก็เอาอะไรไปไม่ได้เลยสักอย่างเดียว
แม้กระทั่งรูปถ่ายก็ต้องเป็นรูปของผู้ตายคนเดียวเท่านั้นที่วางไว้หน้าโลง
ถึงเราจะรักเขามากขนาดไหน
เราก็คงไม่ยอมให้รูปของเราไปวางไว้คู้กับรูปของผู้ตายคนนั้น
สมกับคำว่า....


เมื่อสิ้นลมล้มตายกลายเป็นศพ
ถึงจุดจบเกมชีวิตปิดฉากฉาย
นอนในโลงใบแคบๆโอบแนบกาย
ไม่มีสหาย ญาติ หรือทรัพย์ ไปกับเรา

โดย น้องกิ๊ฟ [7 มี.ค. 2546 , 02:06:24 น.] ( IP = 203.146.239.224 : : )


  สลักธรรม 7

....ถนนชีวิตมีอยู่ ๗ สาย
สายที่หนึ่งก็คือ มีความโลภเข้าไปมากๆก็จะไปสู่ความเป็นเปรต
สายที่สอง ก็คือ มีความโกรธเข้าไปมากๆ ก็จะไปสู่ความเป็นสัตว์นรก
สายที่สาม ก็คือ มีความหลงงมงาย โง่อยู่ในชีวิตมากๆ ก้จะไปสู่ความเป็นสัตว์เดรัจฉาน
สายที่สี่ ก็คือ มีการถือศีล ๕ บำเพ็ญธรรม ๕ เรียกว่าเบญจศีลเบญจธรรม ถนนที่ไปก็คือ มนุษยภูมิ
สายที่ ๕ ก็คือ ต้องการความสุขสบาย ไปไหนมาไหนก็เหาะได้ตัวเบาหวิวเหมือนอย่างในภาพยนต์ทีวี
ก็บำเพ็ญทาน ศีล หิริโอตตัปปะ อยู่เสมอ ก็จะได้ไปเกิดเป็นเทวดา
สายที่ ๖ ก็คือ การทำสมาธิบำเพ็ญฌานสมาบัติ ไปเกิดเป็นพรหม อรูปพรหม

ซึ่งทั้ง ๖ สายนี้ก็ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่นั่นเอง
เพราะว่าชีวิตของเราตกอยู่ภายใต้คำบงการของตัณหา
มีความอยากได้อยู่ตลอดเวลา เมื่อไม่ได้ดังหวังก็กลายเป็นโทสะ
เมื่อสมหวังก็จะยิ่งยึดติดมากขึ้นเรื่อยๆ

แล้วเราจะพ้นจากตัณหาไปได้อย่างไร
...เราก็ต้องมาศึกษาอริยสัจธรรมทั้ง ๔ ประการที่ว่าด้วยเรื่องของทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
เพื่อไปยังถนนสายที่ ๗ คือ พระนิพพานให้ได้
เช่นเราเข้าใจว่า การได้รับประทานของอร่อยๆนั้นเป็นความสุข
แท้จริงแล้วเป็นความทุกข์ทั้งสิ้น
ถ้าหากเราค่อยๆพิจารณาดูแต่ละอาการในการกินว่า
... ต้องเอื้อมมือไปตัก....ตักแล้วต้องนำมาใส่ปาก
.....ใส่ปากแล้วต้องเคี้ยว.... เคี้ยวแล้วต้องกลืน...
กลืนแล้วต้องบดย่อย
…การที่ต้องทำเหล่านี้ล้วนเป็นความทุกข์ทั้งสิ้น
แต่เราไม่เท่าทันอาการของเขา
..การที่เราจะพ้นทุกข์ได้ก็ต้องเจริญวิปัสสนากรรมฐาน
..วิปัสสนากรรมฐานไม่ใช่การประดิดประดอยท่าทาง
หัดทำทางนอน ท่าเดิน ค่อยๆย่าง ค่อยๆเหยียบ
เพราะการนอนการเดินเหล่านั้นเป็นสิ่งที่เราทำเป็นแล้ว ...ไม่ต้องหัด

....แต่สิ่งที่จะต้องฝึกหัดก็คือ การรู้ว่าจะต้องทำท่าทางต่างๆเหล่านั้นเพราะอะไร
.... เช่นในขณะที่นั่งอยู่แล้วเกิดความเมื่อย
ก็ต้องรู้ว่าก่อนที่จะเปลี่ยนแปลงจากท่านั่งเดิมไปสู้ท่านั่งใหม่หรือท่ายืน
ก็จะต้องรู้ว่าเป็นเพราะมีความทุกข์คือความเมื่อยเกิดขึ้นแล้ว
ไม่สามารถที่จะทนอยู่ในท่าเดิมได้ ต้องเปลี่ยนแปลงท่าเพื่อคลายทุกข์นั้นไป..
. อย่างนี้ก็คือการเรียนรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน
ที่ไม่ใช่เปลี่ยนท่าทางไปเพราะอยากเปลี่ยน
....และก็ต้องมีความรู้ถูกเรื่องรูปนามเข้ามากำหนดด้วย .....

โดย น้องกิ๊ฟ [7 มี.ค. 2546 , 02:11:19 น.] ( IP = 203.146.239.224 : : )


  สลักธรรม 8

ในวันนี้จึงขอย้อนกลับไปยังเรื่องที่ท่าน ดร.พระมหาไพเราะ
ได้เคยปาฐกถาไว้เมื่อคราวก่อนเกี่ยวกับเรื่องอนิมิต ๔ ประการ คือ
ไม่รู้ว่าจะตายเมื่อไหร่?
..ในที่นี้มีใครทราบบ้างว่า ตนเองจะตายเมื่อไหร่ จะอยู่รอดพ้นคืนนี้ไปได้หรือเปล่า
ไม่รู้ว่าจะตายที่ไหน?
ใครทราบบ้างว่า เราจะตายที่บ้าน หรือโรงพยาบาล
ไม่รู้ว่าจะตายด้วยโรคอะไร?
ท่านเจ้าคุณศรีธรรมโสภณท่านก็คงไม่ทราบหรอกนะคะว่า
ท่านมรณภาพด้วยโรคอะไร แม้กระทั่งท่านพระอาจารย์บุญมี
ท่านพระครูศรีโชติญาณ ท่านก็ไม่ทราบเช่นเดียวกันว่า ท่านตายด้วยโรคอะไร
ไม่รู้ว่าตายแล้วจะไปเกิดที่ไหน?
ซึ่งก็คือถนนชีวิตสายต่างๆที่กล่าวมา แต่บอกไม่ได้ว่าจะเป็นสายไหน
เพราะเราไม่รู้เลยว่ากรรมชั่วอะไร หรือกรรมดีอะไรจะมาปรากฏเมื่อใกล้ตาย
เพราะฉะนั้นก็ควรที่จะระมัดระวังในการกระทำกรรมให้ดี ด้วยการพยายามทำกรรมดีให้มีมากๆ

โดย น้องกิ๊ฟ [7 มี.ค. 2546 , 02:14:15 น.] ( IP = 203.146.239.224 : : )


  สลักธรรม 9


..จากนั้นพี่ดอกแก้วก็จบลงด้วยกลอนที่มีความหมายดีมากๆ
และยังกล่าวถวายกุศลแด่ท่านเจ้าคุณพระศรีธรรมโสภณด้วยค่ะ
..เมื่อลงจากเก้าอี้แล้ว
โฆษกท่านก็ประกาศให้พี่ดอกแก้วไปรับของขวัญจากท่านเจ้าคุณพระเมธีธรรมาภรณ์
....ซึ่งป่านนี้น้องกิ๊ฟก็ยังไม่ทราบว่าภายในกล่องนั้นคืออะไร (อยากรู้จัง)

นี่แหละค่ะ ค่ำคืนนี้กับกุศลที่วัดสุวรรณาราม
นับว่าพี่ดอกแก้วของเราสามารถนำพระอภิธรรม
ออกสู่ประชาชนได้อย่างน่าภาคภูมิใจอีกแล้วนะคะ
....สั้นๆแต่กระชับความรู้และความรู้สึกอย่างตรงประเด็นทีเดียว ......

โดย น้องกิ๊ฟ [7 มี.ค. 2546 , 02:16:21 น.] ( IP = 203.146.239.224 : : )


  สลักธรรม 10



อ่านแล้ว ต้องอุทาน(ในใจ)อย่างชื่นชมว่า
โอ้โฮ้...น้องกิ๊ฟเก่งจัง

เพราะเรื่องราวที่ปรากฏอยู่ในหน้ากระทู้นี้
คือเนื้อหาทั้งหมดที่ท่านอาจารย์บรรยายในคืนนั้น
จำได้ยังไงกันนี่ !

ยังนึกเลยว่า...ดีจัง
เพราะผู้ที่รับฟังอาจจะยังไม่เคยทราบเรื่องที่อาจารย์บรรยายมาก่อนเลย
อย่างที่น้องกิ๊ฟบอกนั่นแหละว่า ทุกคนตั้งใจฟังมาก
ตอนจบแล้วยังได้ยินเสียงอาจารย์บอกว่า
พบกันได้ที่มูลนิธิค่ะ
แสดงว่ามีคนสนใจอยากติดตาม

ต้องขอบคุณน้องกิ๊ฟที่แสนดี...มากๆ
..ที่ยอมอดหลับอดนอน มาป้อนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้กับพี่ๆ น้องๆ ทุกคน

และขออนุโมทนาเป็นอย่างยิ่งนะคะ

สาธุ สาธุ สาธุ

โดย วยุรี [7 มี.ค. 2546 , 05:40:08 น.] ( IP = 203.113.38.12 : : )
[ 1 ] [ 2 ][ 3 ][ 4 ]

ขอเชิญแสดงความคิดเห็น
จาก : *
Code :
กรุณากรอก Code ตัวเลขด้านบน *
อีเมล์ : หากไม่ต้องการให้เว้นว่าง
รูปภาพ : ไม่เกิน 150KB
รายละเอียด :
Icon Toy
Special command

* *
กรุณาคลิ๊ก Post message เพียงครั้งเดียว.... 

คำเตือน
  • การแอบอ้างใช้ชื่อบุคคลซึ่งอาจทำให้บุคคลนั้นเกิดความเสียหาย อาจถูกดำเนินคดีทางกฏหมายได้
  • การโพสรูปภาพที่ไม่เหมาะสม หรือ ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของภาพ อาจถูกดำเนินคดีทางกฏหมายได้
  • หากพบเห็นรูปภาพหรือกระทู้ที่ไม่เหมาะสมสามารถเมล์เข้ามาได้ที่ freewebboard@thaimisc.com โดยระบุ subject "กระทู้ไม่เหมาะสม" พร้อมทั้งระบุ ADDRESS ของเว็บบอร์ด

ผู้ช่วยเหลือ-แหล่งข้อมูล

[ คีตธรรม ] [ ตารางสี ] [ ค้นหาเพลง ]

ลานภาพ

อบรมวิปัสสนา

ค้นหา

ค้นหา-GooGle

สร้างสรรค์โดย a2.gif (164 bytes) http://www.abhidhamonline.org