มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ

Moonlanithi Vipassana
Meditation
OnlineStudy
thai    english
Article สำนักวิปัสสนา
อ้อมน้อย
กิจกรรม About Us

[ Home ] [ ลานถาม-ตอบปัญหาธรรมะ ] [ ลานกวีธรรม ] [ ลานคิด เล่า เขียน ] [ ลานกลิ่นดอกแก้ว ] [ ค้นหากระทู้ ] [ สมัครสมาชิก ] [ login เข้าระบบ ]


๚ ๛วิปัสสนา..คืออะไรแน่ ๛๚ 6.





สวัสดีค่ะทุกๆท่าน
ที่ติดตามอ่านและได้มีการซักถาม
ข้อสงสัยกันไปถึง ๕ ตอนแล้วนะค่ะ


มาในตอนที่ ๖ นี้ก็ใคร่จะเรียน
ท่านผู้เป็นเพื่อนร่วมเดินทางไปๆมาๆ
ในวังวนกันทุกคนว่า


การจะเข้าถึงอริยสัจได้นั้น..

... อะไรเป็นอริยสัจ ทุกข์ เป็นอริยสัจ....

พระพุทธเจ้าท่านบอกว่า

ในโลกนี้ไม่มีอะไรอีก

แม้คนจะเอาขนจามรีที่ละเอียดที่สุด

มาผ่าให้ได้ ๗ ส่วน ..การเห็นทุกข์นั้นยากยิ่งกว่า




ดังนั้นท่านจะรอให้ช้ากว่านี้ไม่ได้แล้วนะคะ
เพราะนี่ก็ปลายพุทธกาลแล้ว

ขอให้ไปดูไปศึกษาชีวิต
มนสิการให้ดี ดูจริง ๆ ๗ วันเท่านั้นละคะ
ท่านจะต้องพบในสิ่งที่เราไม่เคยพบเลย

ความรู้สึกอันนั้น..
ไม่ใช่ว่า ได้มาจากการคิดเอานึกเอา
แต่ได้มาจากความจริงแท้ทีเดียว

สภาวะเขาเป็นอยู่อย่างนั้น
หากแต่ว่า เราไม่ได้ดูเท่านั้นเอง

โดย อาจารย์บุษกร เมธางกูร [13 มิ.ย. 2546 , 14:53:12 น.] ( IP = 203.107.207.7 : : ) เก็บกระทู้นี้ไว้ใน Bookmarkส่งกระทู้นี้ให้เพื่อนของคุณ
[ 1 ] [ 2 ][ 3 ][ 4 ][ 5 ]


  สลักธรรม 1

ถ้าท่านจะเพียรดู กำหนดให้ถูกอยู่ ๗ วันเท่านั้น

ไม่ต้องทำอะไรมาก ไม่ต้องทำอะไรอื่น
ดูเฉพาะเท่านี้แหละค่ะ

ดูรูปนามตามอิริยาบท
แล้วเวลาจะเปลี่ยนอิริยาบถก็ขอให้รู้ว่า..
อิริยาบถเก่ามันเกิดทุกข์แล้ว

อย่าไปเปลี่ยนโดยยังไม่ทันมีเหตุผล 1.

ยังไม่ทันรู้เหตุผลจากความจริงเสียก่อน 1.

กิเลส คือ อวิชชา ก็จะเข้าปิดบัง
เลยไม่ได้เห็นความจริง

ส่วนคนที่ดูแล้วไม่ค่อยจะได้ผล
ทราบไหมคะ เพราะอะไร?

เพราะเห็นว่า เหตุผลเหล่านี้ไม่สำคัญ

วิปัสสนาต้องรู้กฎธรรมดาตามความจริง
ส่วนกิเลสนั้นก็ไม่ใช่ว่าเราไปสร้างกิเลสขึ้นมา
หรือเราไปสร้างอารมณ์ให้กิเลสมัน

กิเลสมันก็อยู่กับรูปนามตามอิริยาบถที่มีอยู่
เหล่านี้นั่นเอง
ไม่ต้องไปสร้างมาให้มันอีกนะคะ

เช่น เวลาเดิน ไม่ต้องบริกรรมว่า

ยกหนอ-ย่างหนอ-รู้หนอ
ไม่ต้องทำอย่างนี้นะคะ
เพราะไม่รู้ว่าอะไรยก อะไรย่าง


เมื่อไม่มีนามมีรูปเป็นตัวอารมณ์ที่ใช้กำหนด
นามรูปปริจเฉทญาณ ก็เกิดขึ้นไม่ได้
วิปัสสนา ก็เกิดขึ้นไม่ได้

เมื่อเราก้าวไปเรารู้ตั้งแต่ก้าวไป
ไปจนถึงเหยียบลง
ขอแค่รู้ว่า..รูปเดิน อันเดียวเท่านั้นพอแล้ว

ยกขึ้นมาแล้วก็ก้าวไปเท่านั้นพอแล้ว
เรามีสติรู้ครั้งเดียวพอนะคะ

ตั้งแต่ยกถึงก้าวไม่ต้องเลนคะ
เพราะมัวไปรู้ยกแล้วก็ทำให้ผิดปกติไปมากมาย

อันนั้นตัณหามันก็เข้าแล้ว
ลีลามากตัณหามันก็อยากจะได้มากๆ
และความเป็นจริงแล้ว
เราจะทำให้มันผิดปกติไม่ได้

ถามว่าทำไมละ...ก็ตอบว่า
เพราะเราจะละกิเลสใช่ไหมคะ

กิเลสมันไม่ได้มีลีลามากมายอะไร
หรืออาศัยลีลาท่าทางเกิดเสียที่ไหนกันละคะ
ถ้ามันจะต้องเป็นเช่นนั้นพวกรำละครมิแย่หรือคะ

ที่จริงแล้ว กิเลสมันมีอยู่ ตามอาการปกติธรรมดา
นี่เอง

โดย อาจารย์บุษกร เมธางกูร [13 มิ.ย. 2546 , 15:14:06 น.] ( IP = 203.107.207.7 : : )


  สลักธรรม 2


เพราะฉะนั้น เวลาเดินก็ไม่ต้องสร้างท่า
ค่อยๆย่อง - ย่างนะคะ
แล้วก็อย่าให้เร็วเกินไป

ท่านบอกไว้ว่าอย่าเดินเหมือนกับเดินไปธุระ
แต่ต้องเดินเหมือนอย่างกับเดินแก้เมื่อย

การเดินแก้เมื่อยกับเดินไปธุระมันผิดกัน
เดินแก้เมื่อยเราก็เดินไปตามธรรมดา
เราไม่มีธุระอะไรรีบร้อน เดินตามธรรมดา
หรือช้ากว่าธรรมดาหน่อยหนึ่งก็ได้คะ

ความจริงนี่การปฏิบัตินี้ก็ไม่ยากหรอกคะ
แต่มันยากตรงที่เรา ไม่เข้าใจ เท่านั้นเอง

ธรรมชาติอย่างนี้มันก็มีให้ดูตลอด ๒๔ ชั่วโมง
จนกระทั่งเราดูไม่ไหว

แต่ทีนี้มีหลายๆคนคิดว่า
การดูอิริยาบถนี่ไม่เห็นจะเป็นประโยชน์
หรือเป็นธัมมะอะไรเลย

ถ้าเราจะบริกรรมภาวนาว่า
พุทโธ-พุทโธ ก็ยังจะดีเสียกว่า
เพราะเป็นการเรียกชื่อของพระพุทธเจ้า

ก็ที่เราท่านจะทำนั้น..เพื่อละความคิดเห็นผิด ๆ

คือ กิเลสใช่นะคะ
แล้วรู้ไหมคะว่ากิเลสอยู่ที่ไหน

บ้างก็ยังไม่รู้เอาเลยด้วยซ้ำ
แต่กลับไปเพ่งโทษของคนอื่น
และคิดจะไปละกิเลสของคนอื่น
กิเลสของตนมองไม่เห็น
จึงคิดว่า กิเลส ที่ตัวนี่ไม่มีคนที่คิดอย่างนี้ก็มีมาก

โดย อาจารย์บุษกร เมธางกูร [13 มิ.ย. 2546 , 15:26:15 น.] ( IP = 203.107.207.7 : : )


  สลักธรรม 3

ฉะนั้น ในการปฏิบัติวิปัสสนา
เพื่อจะละกิเลสนี่ต้องดูนามรูปที่ตัวเราเอง
ไปดูนอกตัวเราไม่ได้เลย

คราวนี้มาดูที่ตัวเรานี่.. ดูที่ไหน?

เราก็จะต้องเข้าใจด้วยนะคะ

ในมหาสติปัฏฐาน บอกไว้แล้วว่า
ดูที่ กาย, เวทนา, จิต และ ธรรม


คือ ให้ทำความรู้สึกตัวดูนามรูป
ที่กำลังปรากฏอยู่ตามทวารทั้ง ๖
ที่ตัวเรานี่แหละคะ

ส่วนมากแล้วเราทั้งหลาย
เป็นพวกกิเลสหนา ปัญญาน้อย
คือ เป็นพวก มัณฑบุคคล ที่มี ตัณหาจริต

เพราะอะไร? ดิฉันจึงกล่าวยังนี้
เพราะว่า ทุกวันนี้รอบ ๆตัวนี่น่ะ
เต็มไปด้วยอารมณ์ของกิเลสมากมายจริงๆ

อยากดูหนัง ดูละคร อยากไปเที่ยว
อยากได้โน้นได้นี่สารพัด
โทรศัพท์มือถือยี้ห้อต่างๆ
ล้วนเป็นอารมณ์ให้แก่กิเลสได้เป็นอย่างดี
จึงว่า พวกเราส่วนมากนี้กิเลสหนาไงคะ


ส่วนปัญญาน้อย นี่ก็เห็นได้ง่ายค่ะ

ดูซิคะท่านทั้งหลาย
เราจะหาคนที่เข้าใจในเหตุผล
ตามคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นหาได้ยากเหลือเกิน
เราท่านเองก็เรียนมาหลายต่อหลายครั้ง
หลายต่อหลายครู
จนครูผู้แตกฉานได้ลาลับไปจากโลกนี้แล้ว
เราท่านเองก็ทราบ
ต้องวงเล็นนะคะ..ทราบชั่วคราว

เห็นบ้างไหมคะว่าที่ไหนเขามี สะเดาะเคราะห์
ต่อชะตากัน บางทีก็เรียกว่า
"เสริมบารมี" หรือ "ตัดกรรม"

หรือเขาบอกว่า จะทำพิธีรื้อสัตว์ ขนสัตว์
พาไปเฝ้าพระพุทธเจ้ากัน
แหม ! ผู้คนแห่กันไปล้นหลามแน่นขนัดทีเดียว
เขาไปด้วยความมีเหตุผลหรือเปล่าคะ ?


ส่วนคนที่ไปหาเหตุผล
ไปพิสูจน์สัจธรรม คำสอน ของพระพุทธเจ้า
ด้วยการเจริญสติปัฎฐานมีสักกี่คน
ลองพิจารณาดูก็แล้วกันนะคะว่า
คนสมัยนี้..มีปัญญามากหรือ.. ปัญญาน้อย

โดย อาจารย์บุษกร เมธางกูร [13 มิ.ย. 2546 , 15:42:13 น.] ( IP = 203.107.207.7 : : )


  สลักธรรม 4

ด้วยเหตุนี้... จึงจะต้องให้พิจารณาอิริยาบถ
เพราะเป็นอารมณ์ที่ปรากฏชัด
และมีอยู่เป็นประจำนะคะ


อย่าลืมนะคะสำคัญมากๆในการมนสิการให้ถูก..

...อิริยาบถ ก็คือ อาการนั่ง นอน ยืน เดิน

...อาการนั่ง นอน ยืน เดิน ของใครคะ?

....อาการนั่ง นอน ยืน เดิน นี้
ไม่ใช่อาการของสัตว์ ของบุคคล
หรือของใคร ๆนะคะ

ไม่ใช่ของใคร และไม่มีใครเป็นเจ้าของ

อิริยาบถนั่ง นอน ยืน เดิน
นี่เป็นอาการของรูป ที่เกิดจากจิตเป็นสมุฏฐานไงคะ

คือ ต้องมีจิต และมีเจตนาที่จะนั่ง นอน ยืน เดิน

คนตาย หรือ คนนอนหลับนั้นไม่มีอิริยาบถนะคะ

..การดูนั้นดูที่อาการ
ตั้งตัวอยู่ด้วยอาการอย่างไร
ให้รู้ในอาการนั้นๆ

ดูรูปนั่งต้องรู้สึกนะคะ
อย่า"นึก"ว่ารูปนั่ง ต้องสังเกตด้วย
อาศัยความสังเกต นี่สำคัญที่สุดแล้ว
ใช้มากที่สุดด้วยคะ

สังเกตว่า เรานึกหรือเปล่า หรือเรารู้สึก

รู้สึก กับ นึก ไม่เหมือนกัน
ต้องไปสังเกตดู
เพราะประเดี๋ยวพอเวลาไปนั่ง
เราจะไปนึกในใจว่า รูปนั่ง รูปนอน อย่างนี้ไม่ได้
ต้องรู้สึก... รู้สึกในท่าที่นั่ง

ดูรูปนั่งนั้น หมายถึงว่า รู้สึกอยู่ในท่าที่นั่ง
ไม่ใช่นึกอยู่แต่ในใจ
ต้องใช้ความสังเกตมาก
มิฉะนั้น ก็ไม่รู้ ไม่รู้ว่าเรากำหนดผิดไป
หรือกำหนดถูกแล้ว
ถ้าไม่มีความสังเกต แล้วไม่รู้นะคะ

โดย อาจารย์บุษกร เมธางกูร [13 มิ.ย. 2546 , 15:53:59 น.] ( IP = 203.107.207.7 : : )


  สลักธรรม 5

เพราะฉะนั้น เรื่องของวิปัสสนานี้
เป็นเรื่องขึ้นอยู่กับความเข้าใจ

ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับความเพียร
ถ้าเพียรไม่ถูกก็ไม่ได้เหมือนกัน

เพราะว่า วิปัสสนาไม่ได้ขึ้นอยู่กับสมาธิ
ที่สงบมากๆ ถ้าสงบมากๆ ก็นิ่งไปเท่านั้นเอง
ไม่มีเหตุผลอะไร

เมื่อไม่มีการพิจารณาเหตุผล
ก็ไม่เป็นปัจจัยแก่ปัญญา

ต้องขึ้นอยู่กับความเข้าใจ
ถ้ามีความเข้าใจแล้ว
จะเพียรมากหรือเพียรน้อย
ก็ย่อมเป็นประโยชน์แก่ปัญญาทั้งนั้น

ถ้าไม่เข้าใจจะเพียรเท่าไรๆก็ไม่เข้าใจ


ท่านที่นับถือ
ที่ดิฉันอาศัยศรัทธาในพระศาสนา
มานั่งพิมพ์ไปคิดไปในความเป็นจริงตามที่ได้ศึกษาและปฏิบัติมานี้

ต้องบอกว่า..อาศัยขันติมากๆเลยคะ
เพราะมีโรคประจำตัวคือปวดหลัง
แต่ก็ต้องอดทนเพราะเล็งเห็นประโยชน์อันใหญ่หลวง

และที่ต้องอาศัยความอดทน
ต่ออารมณ์อีกอย่างก็ได้แก่...
...ความนิ่งเฉยต่อการปฏิบัติ...
ทั้งๆที่บางท่านมีคลังปริยัติพอแล้ว

แต่ด้วยกิเลสมากกว่าปัญญาหลายล้านเท่า
ซึ่งดิฉันเองก็พอจะรู้และคุ้นกับท่านมามากแล้ว

ทุกเรื่องที่พระพุทธองค์สอน
รู้สึกว่าทุกๆคนสนใจหรือจะพูดว่าชอบมากก็ไม่ผิด

แต่สังเกตจากวัยที่เปลี่ยนไปของชีวิตดิฉันเองแล้ว
นานพอควร..มีแต่สนใจมาก
ยังขาดการใส่ใจอยู่มากเช่นกัน
จึงรู้สึกท้อเป็นบางครั้ง

แต่เพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่แล้ว
ดิฉันยอมแลกด้วยชีวิตคะ


แล้วท่านละคะ
ท่านให้ประโยชน์กับชีวิตท่านหรือยัง ?


ด้วยความปรารถนาดีและจริงใจเสมอคะ

โดย อาจารย์บุษกร เมธางกูร [13 มิ.ย. 2546 , 16:11:19 น.] ( IP = 203.107.207.7 : : )


  สลักธรรม 6

อยากให้อาจารย์ทำออกมารวบเล่มครับ......
ไม่ทราบอาจารย์มีโครงการณ์มั๊ยครบ

โดย JaY [13 มิ.ย. 2546 , 17:18:37 น.] ( IP = 202.44.8.98 : : 202.44.10.27 )


  สลักธรรม 7


มารับคำสอนของครูค่ะ
และะรู้สึกอึ้ง...ไปนานทีเดียว
เพราะละอายใจอยู่มากทีเดียว ที่คูณครูบอกว่าทำไมถึงยังขาดการใส่ใจกัน
จะพยายามปรับปรุงตนเองให้ดีกว่านี้นะคะ
แต่ก็พยายามอยู่บ้างแล้วเพียง
แต่กิเลสอาจจะอนุญาตน้อยเกินไป


มาคราวนี้ กำลังพยายามตามรู้และเข้าใจในการปฏิบัติต่อค่ะ ทำให้ได้เข้าใจถึงสติที่มีประสิทธิภาพ และ มีแบบฝึกหัด ที่ยกตัวอย่างทางถูกและทางผิดแตกต่างกันอย่างไร เหตุผลที่ควรพิจารณาควรเป็นเช่นไร ความรู้สึกเหมือนกำลังเก็บก้อนกรวดที่อยู่บนทาง หากยังมีกิเลสก็เดินสดุดไปเรื่อยๆ
กราบบูชาครูด้วยหัวใจจริงๆค่ะ

โดย น้องอุ๊ [13 มิ.ย. 2546 , 18:07:18 น.] ( IP = 202.57.182.157 : : )


  สลักธรรม 8

ไม่อยากพลาดโอกาสสำคัญในการสร้างปัญญาอย่างถูกตรงค่ะ

...ความเข้าใจ..สำคัญมากในการกระทำงานทุกสิ่ง..โดยเฉพาะงานที่เกี่ยวกับกุศลกรรม ..หากไม่เข้าใจและพลาดพลั้งไป ..พิธีกรรมนั้นก็อาจกลายเป็นอกุศลกรรมไปได้ ..และโดยเฉพาะงานที่เกี่ยวกับการวิวัฏฏะกรรม ..ยิ่งต้องมีความเข้าใจในการปลดเงื่อนของวัฏฏะออกอย่างถูกตรง .....ความเข้าใจจึงเป็นสิ่งที่อาจารย์ย้ำเสมอมาว่าจะต้องมีที่ผู้เจริญสติปัฏฐาน

...กราบขอบพระคุณค่ะอาจารย์ที่เสียสละและอดทนเพื่อลูกศิษย์เสมอมา


คุณJaY คะ..
รู้สึกดีใจค่ะ..ที่คุณ JaY มีความเข้าใจและให้ความสำคัญในเรื่องที่ท่านอาจารย์บุษกร ถ่ายทอดออกมาให้ในแต่ละครั้ง และถึงขนาดขอให้อาจารย์รวมเล่มคำสอนนี้

ขอบอกตามตรงค่ะในฐานะลูกศิษย์ที่ช่วยเหลืองานอยู่บ้างว่า ถ้อยธรรมที่นำมาอรรถาธิบายนี้หรือในครั้งไหนๆ อาจารย์ไม่เคยมีเป้าหมายเพื่อรวมเล่มทำหนังสือหรอกค่ะ

มีแต่พวกลูกศิษย์อย่างเราๆที่เห็นว่าสำคัญมาก น่าจะนำไปเผยแพร่ต่อเพื่อเป็นประโยชน์ในวงกว้างนั้น เป็นผู้ตามเก็บรวมรวมผลงานนี้เองค่ะ ... และที่สำคัญตอนนี้อาจารย์ก็งานยุ่งมากเหลือเกิน ไหนจะต้องผลิตชุดวิชาธรรมานามัย ไหนจะต้องออกไปเผยแผ่ธรรมตามที่ต่างๆที่เชิญมา แม้กระทั่งที่ มจร.เอง ก็เชิญมา แต่อาจารย์เกรงว่าความบกพร่องทางสุขภาพจะเป็นอุปสรรคต่อการเรียนการสอนค่ะ....

อย่างไรก็ตาม...เพื่อความสะดวกในการเข้ามาอ่านในแต่ละตอน
...จะนำไปรวมลิงก์ไว้ในกระทู้ใหม่ให้นะคะ

...และถ้าคุณ JaY สนใจที่รวบรวมเป็นรูปเล่มไว้อ่านเป็นการส่วนตัวก็เชิญทำได้เลยนะคะ ...
อนุโมทนาในจิตอันเป็นกุศลที่ปรารถนาจะเผยแผ่ธรรมให้กว้างขวางด้วยค่ะ

โดย น้องกิ๊ฟ [13 มิ.ย. 2546 , 21:20:26 น.] ( IP = 169.210.12.58 : : )


  สลักธรรม 9

ซึ้งใจในความเมตตาปราถนาดีของอาจารย์
และเห็นคุณค่าในคำสั่งสอนของอาจารย์มากค่ะ

ต้องยอมรับว่ายังขาดการใส่ใจต่อการปฎิบัติอยู่มากทีเดียว
แต่เมื่อมาได้รับคำกระตุ้นเตือนจากอาจารย์ ทำให้เกิดความสำนึก ที่จะปลีกตัวเองออกมาเพื่อการปฎิบัติให้ได้ค่ะ
กราบขอบพระคุณอาจารย์อย่างสูงสุดค่ะ

โดย ธัญธร [13 มิ.ย. 2546 , 21:52:46 น.] ( IP = 203.113.71.168 : : )


  สลักธรรม 10

ไม่เป็นไรครับ.....ถ้ารวบเล่มอาจจะมีขั้นตอนยุ่งยากมากเลย......ผมprint เองนะครับ^^

ทำไว้อ่านคนเดียวครับ อิอิอิอิ
ไม่มี copyright นะครับ (ล้อเล่น)ครับ

__/¦\__ ขอขอบคุณครับ

โดย JaY [13 มิ.ย. 2546 , 22:15:18 น.] ( IP = 202.44.8.98 : : 202.44.10.27 )
[ 1 ] [ 2 ][ 3 ][ 4 ][ 5 ]

ขอเชิญแสดงความคิดเห็น
จาก : *
Code :
กรุณากรอก Code ตัวเลขด้านบน *
อีเมล์ : หากไม่ต้องการให้เว้นว่าง
รูปภาพ : ไม่เกิน 150KB
รายละเอียด :
Icon Toy
Special command

* *
กรุณาคลิ๊ก Post message เพียงครั้งเดียว.... 

คำเตือน
  • การแอบอ้างใช้ชื่อบุคคลซึ่งอาจทำให้บุคคลนั้นเกิดความเสียหาย อาจถูกดำเนินคดีทางกฏหมายได้
  • การโพสรูปภาพที่ไม่เหมาะสม หรือ ไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของภาพ อาจถูกดำเนินคดีทางกฏหมายได้
  • หากพบเห็นรูปภาพหรือกระทู้ที่ไม่เหมาะสมสามารถเมล์เข้ามาได้ที่ freewebboard@thaimisc.com โดยระบุ subject "กระทู้ไม่เหมาะสม" พร้อมทั้งระบุ ADDRESS ของเว็บบอร์ด

ผู้ช่วยเหลือ-แหล่งข้อมูล

[ คีตธรรม ] [ ตารางสี ] [ ค้นหาเพลง ]

ลานภาพ

อบรมวิปัสสนา

ค้นหา

ค้นหา-GooGle

สร้างสรรค์โดย a2.gif (164 bytes) http://www.abhidhamonline.org