มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ - เว็บบอร์ด

 ลืมรหัสผ่าน
 ลงทะเบียน
ค้นหา
ดู: 673|ตอบกลับ: 5

เพียงเพื่อความสุข

[คัดลอกลิงก์]

238

กระทู้

469

โพสต์

4138

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8

เครดิต
4138
เพียงเพื่อ.jpg

เกิดมาหน้าที่นั้น...........ติดตัว
ชีพยังอยู่ยิ้มหัว.............อย่าท้อ
สิ่งเดียวที่ควรกลัว.........คือบาป
ทำถูกถึงโลกล้อ............อย่าได้หวั่นไหว.


เวลาใดที่เรารู้สึกว่า เราท้อแท้ และเบื่อหน่ายชีวิต โคลงบทนี้คงช่วยฉุดกระตุ้นเตือนให้เรามีสติ ลุกขึ้นสู้ต่อไปได้ ในเมื่อเราเองสามารถทำหน้าที่ และเลือกที่จะทำดีละเว้นชั่วได้ เราก็อยู่ไปได้อย่างสบายใจ โดยไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้งแปดได้ คือมีลาภ ก็มีเสื่อมลาภ มียศก็มีเสื่อมยศ มีสรรเสริญก็มีนินทา และมีสุขก็ย่อมมีทุกข์นั่นเอง

แหละยามใดก็ตามที่เรารู้สึกว่าเราอยากจะมอบความสุข มอบกำลังใจให้แก่คนอื่นๆ เราก็จะสามารถนำบทเรียนจากชีวิตที่รู้จักในโลกธรรมเหล่านั้น เป็นเครื่องปลุกปลอบคนอื่นได้เช่นกัน ด้วยเพราะธรรมชาติเหล่านั้นย่อมมีเกิดขึ้นกับชีวิตของคนทุกคนเสมอๆ บางครั้งการเราอาจพลาดที่จะคิดไป จนทำให้เสมือนกับว่าโชคชะตาช่างโหดร้ายยิ่งนักสำหรับชีวิตเรา

แต่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ความจริงในสิ่งเหล่านี้ และทรงประกาศสั่งสอนให้คนเรามาเดินตามทางที่พระองค์ทรงตรัสรู้ ก็เพื่อหยุดระงับ และดับทุกข์ให้หมดไปจากชีวิต ด้วยการเรียนให้รู้ว่า

ทุกข์ เป็นสิ่งที่ทุกคนควรกำหนดรู้
สมุทัย เป็นสิ่งที่ทุกคนควรละ
นิโรธ เป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำให้แจ้ง
มรรค เป็นสิ่งทุกคนควรทำให้เจริญ




238

กระทู้

469

โพสต์

4138

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8

เครดิต
4138
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-5-2 11:19:45 | ดูโพสต์ทั้งหมด


ท่านได้ อุปมาอริยสัจ ๔ ไว้อย่างน่าสนใจมาก ว่า..

๑. ทุกข์ เปรียบเหมือนภาระที่หนัก

๒. สมุทัย เปรียบเหมือนกับผู้แบกภาระที่หนักนั้น

๓. นิโรธ เปรียบเหมือนกับปลงภาระหนักออกจากบ่าเสียได้แล้ว

๔. มรรค เปรียบเหมือนกับอุบายที่ปลงภาระนั้น

ทุกข์        เป็นสิ่งที่ทุกคนควรกำหนดรู้

ทำไมทุกข์....เป็นสิ่งที่ทุกคนควรกำหนดรู้ล่ะ

ก็เพราะจะได้เห็นจริงว่า ชีวิตคนเรานี้ไม่ใช่สุขเลย มีแต่ทุกข์ทั้งสิ้น ไม่น่ายินดี ไม่น่ายึดถือเลย ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่อยู่ในใจของเรา ที่เราต่างนึกคิดไปเองว่าเป็นสุข บางครั้งไปมองสภาพรวมๆที่คนอื่นๆแล้วก็ตั้งความหวังว่า จะต้องมีชีวิตแบบคนนั้นให้ได้ เพราะดูว่าชีวิตเขามีความสุข ทั้งๆที่แท้จริงแล้ว เขาก็มีทุกข์เกิดขึ้นตลอดเวลาเช่นกันหมด

ทุกข์ตรงไหน หรือตรงไหนละทุกข์ ก็ด้วยทุกข์ชีวิตที่เกิดมานั้น ทนอยู่ในสภาพเดิมๆไม่ได้เลยสักคน ต้องเดิน ต้องยืน ต้องนอน ต้องเปลี่ยนแปลงอิริยาบถ กันตลอด วันหนึ่งๆต้องแก้ไขไม่รู้จักจบจักสิ้น ความเมื่อย ความปวด ความชา ความตึง แวะเวียนมาหาเราท่านเสมอ แต่ด้วยเพราะเราไม่ได้สังเกตว่า เราเปลี่ยนอิริยาบถกันทำไม ไม่เปลี่ยนไม่ได้หรือ ? และการไม่สังเกตนี้แหละ ก็คือการไม่รู้จักทุกข์นั่นเอง

แม้กระทั่งทางใจของเรา เราเองก็พยายามหาอารมณ์ใหม่ดีๆมาให้จิตใจเรารับรู้เสมอ พยายามที่จะขับไล่อารมณ์ที่ไม่พอใจออกไปด้วยวิธีการต่างๆ หาสิ่งเจริญตาเจริญใจ หาเสียงที่ชอบ หากลิ่นที่ดี หารสชาติที่ถูกปากถูกใจ และสัมผัสอันพอในมาปรับเปลี่ยนให้ตนเองเสมอ นี้ก็เพราะเราพยายามแก้ไขความทุกข์ คือการทนไม่ได้ในสภาพเดิมๆนั่นเอง โดยการกระทำนั้นขาดการสังเกตเช่นกันว่า เราทำไปทำไม ไม่ทำไม่ได้หรือ

238

กระทู้

469

โพสต์

4138

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8

เครดิต
4138
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-5-2 11:20:43 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ดังนั้นการคอยเฝ้าตามสังเกตนั่นแหละ เป็นพุทธวิธีที่จะทำให้เราเข้าไปรู้จักทุกข์นั่นเอง เพื่อจะได้ประจักษ์แก่ใจตนเองว่า ความทุกข์เหล่านั้นวนเวียนเกาะติดกับชีวิตเราตลอดเวลา ไม่มีทางที่จะพ้นไปได้เลย เราจะได้สลัดความเห็นผิดๆออกไปได้ ที่ว่าชีวิตมีความสุข เพราะไม่ว่าชีวิตใครก็ตามก็เหมือนๆกันหมดทั้งสิ้น

อาจจะยากสำหรับการที่ต้องเฝ้าสังเกตทุกข์ แต่เราให้กำลังใจตนเองได้เสมอ ด้วยการบอกเตือนตนเองว่า..

การเดินทางที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชีวิต
ต้องเริ่มต้นด้วย ก้าวที่เล็กที่สุดทั้งสิ้น.

และมั่นใจตนเองด้วยว่า
การเปลี่ยนแปลงตนเองนั้นเป็นเรื่องของคนใจกว้าง
คนที่มีใจกว้าง ย่อมรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงนำมาซึ่งความรอบรู้
และจะเป็นความรอบรู้อย่างลุ่มลึก กว้างขวางถ้าได้รู้จักทุกข์


238

กระทู้

469

โพสต์

4138

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8

เครดิต
4138
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-5-2 11:21:09 | ดูโพสต์ทั้งหมด
สมุทัย        เป็นสิ่งที่ทุกคนควรละ

สมุทัยที่ต้องละนั้นคืออะไร เราจะละได้อย่างไรกัน

คำว่าสมุทัยนั้นก็ได้แก่ เหตุ หรือตัวการ ที่ทำให้เกิดให้มีทุกข์นั่นเอง เพราะความทุกข์เป็นผลที่เกิดมาจากเหตุ ไม่มีผลใดๆในโลกที่เกิดขึ้นมาลอยๆโดยปราศจากเหตุได้เลย ไม่ว่าจะเป็นทุกข์เล็กๆน้อย หรือทุกข์ใหญ่ๆ แม้กระทั่งผลหมากรากไม้ ก็ย่อมต้องมีเหตุเป็นแดนเกิดทั้งสิ้น

เมื่อเป็นเช่นนี้ เราควรอย่างยิ่งที่จะค้นหาเหตุแห่งความทุกข์นั้นให้พบ และกำกัดเหตุนั้นให้หมดไป ก็เพียงเพื่อความสุขที่เราท่านปรารถนาทั่วกัน แต่ความสมหวังในสิ่งที่ปรารถนานั้นจะมีได้ก็ต่อเมื่อสามารถทำลายเหตุแห่งทุกข์ให้หมดไปเท่านั้น

เหตุแห่งความทุกข์นั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านประจักษ์แจ้ง และสามารถพิชิตลงได้ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ ท่านจึงโปรดสั่งสอนให้เราได้มีโอกาสรู้จักเหตุนั้น และทรงสอนวิธีการให้สามารถกำจัดเหตุร้ายเหล่านั้นด้วยพระองค์เอง

ท่านทรงชี้ให้เห็นถึงความทะยานอยากได้มาซึ่ง รูป รส กลิ่น เสียงและสัมผัสที่ดีๆที่เราท่านต่างแสวงหากันอย่างที่ไม่เคยล่วงรู้เลยว่า นั้นคือเหตุของความทุกข์แท้จริง

รวมถึงความต้องการได้มาซึ่งฐานะความมั่นคง ความมีและในสิ่งต่างๆที่ตนพอใจด้วยความเห็นผิดคิดว่า สิ่งที่ต้องการได้มานั้นมีความเที่ยงแท้ถาวร ตลอดจนพยายามหาวิธีการต่างๆ ที่จะขับไสไล่ส่งในสิ่งต่างๆที่ตนไม่ต้องการ โดยขาดเหตุขาดผล หลงผิดคิดว่าขาดสูญไปจากเหตุผลทั้งปวง

238

กระทู้

469

โพสต์

4138

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8

เครดิต
4138
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-5-2 11:21:48 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ด้วยเหตุนี้เอง การกระทำทุกๆอย่างที่ได้กระทำไปโดยขาดความรู้เท่าทันความจริงนี้เอง เป็นผลสนองย้อนกลับให้เราเองเป็นผู้รับทุกและแบกทุกข์นั้นไปตามลำพังอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้

ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงต้องหันหน้ามาสำรวจตรวจสอบการกระทำของเรา ว่าสิ่งที่เราจะทำนั้นเนื่องด้วยเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ไหม ใส่ใจ ใคร่ครวญ และพยายามหลีก ละ ลด เลิกจากเหตุแห่งความทุกข์นั้นลงทีละน้อยจนสามารถกำจัดให้หมดสิ้นไป ตามหลักคำสอนและชี้นำของพระองค์ให้ได้

แหละถ้าเมื่อใดสามารถหยุดที่เหตุแห่งทุกข์ได้แล้ว แน่นอนที่เดียว ทุกข์อันเป็นเพียงผลก็บังเกิดขึ้นไม่ได้ ด้วยการค่อยๆปลดเปลื้องชีวิตออกจากความโลภ หรือเรียกว่าโลภะอันเป็นตัวสมุทัยนั่นเอง ใช้ชีวิตให้ถูกจริงตามที่ชีวิตต้องการเท่านั้น.

ชีวิตอยู่ได้ด้วย อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค ซึ่งเรียกว่าปัจจัย ๔

ชีวิตไม่เคยร่ำร้องความมีความเป็นใดๆเลย ที่ร่ำร้องเรียกหาไม่หยุดหย่อน นั้นคือ กิเลส



238

กระทู้

469

โพสต์

4138

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

Rank: 8Rank: 8

เครดิต
4138
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-5-2 11:22:45 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ลองหัดใช้ชีวิตที่ถูกตรงตามความต้องการจริง ๆ กันเสียตั้งแต่บัดนี้ เพื่อเลิกเป็นทาสกิเลส ที่นำมาแต่ความทุกข์ระทมเท่านั้นเสียที หันมาทำทุกอย่างเพื่อแก้ไขความทุกข์ไม่ใช่เพื่อสนองความยาก เมื่อชนะกิเลสลงได้ เท่ากับการชนะที่วิเศษสุดทีเดียว. อาจจะเป็นการยากสำหรับการเริ่มต้นหลีกพ้นจากกิเลส

                 แต่จงเตือนตนเองเสมอว่า...

ความผิดที่ร้ายแรงที่สุดของเราก็คือ...การยอมแพ้
สิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความหมายและมีความสุขคือ...การมีงานทำ
งานที่ดีมีค่าต้องชีวิตที่สุดก็คือ.....งานละกิเลส

และมั่นใจตนเองด้วยว่า.
การเปลี่ยนแปลงตนเองเป็นเรื่องของคนกล้าหาญ
คนที่กล้าหาญเท่านั้นรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่ควรเผชิญหน้า
การเปลี่ยนแปลงตนเองเป็นเรื่องของคนที่รักความก้าวหน้า
และเป็นทางเดินที่สำคัญที่จะทำให้เราสำเร็จและสมหวัง.


พรุ่งนี้จะมาอธิบายต่อนะคะ

ด้วยความปรารถนาดีคะ
บุษกร เมธางกูร


ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ประวัติการแบน|อุปกรณ์พกพา|ข้อความล้วน|อภิธรรมออนไลน์

GMT+7, 2024-5-8 14:02 , Processed in 0.186129 second(s), 34 queries .

Powered by Discuz! X3.4, Rev.75

Copyright © 2001-2021 Tencent Cloud.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้