อยู่อย่างปลอดภัยในร่มเงาเสือพิทักษ์ (2)
https://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/14476-1.gif@nhttps://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/14476-1.gif@nhttps://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/14476-1.gif@nhttps://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/14476-1.gif@nhttps://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/14476-1.gif@nhttps://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/14476-1.gif@nhttps://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/14476-1.gif@nhttps://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/14476-1.gif@n
ความละเมียดละไมในจิตของผู้ที่เจริญสติปัฐฐานที่ทรงภูมิธรรมเป็นความงามที่ปรากฏออกมาให้ผู้คนรับรู้ได้จากพฤติกรรมที่ตอบสนองอารมณ์ต่าง ๆที่เข้ามากระทบลีลาชีวิตที่ขับเคลื่อนด้วยความมีสติปัญญาส่งผลให้การแก้ไขปัญหาทุกอย่างเป็นไปอย่างเรียบร้อยราบรื่นไร้ซึ่งความหยาบกระด้างจึงเป็นที่มาของความงดงามภายในที่ส่งผ่านทุกอิริยาบถรวมทั้งวจีวิญญัติปรากฏเป็นความงดงามภายนอกที่เชิญชวนให้ผู้อยู่ใกล้ชิดเกิดความศรัทธาและพึงพอใจที่จะปฏิบัติตามในธรรม
โลกสมัยปัจจุบันมีความรวดเร็วว่องไวในทุกด้านแต่ก็ยังไม่รวดเร็วเท่ากับความเกิดดับของจิตอิริยาบถและคำพูดที่ผ่านกระบวนการผลิตของสติปัญญาอาจดูเหมือนเชื่องช้าแต่แท้จริงแล้วเมื่อพิจารณาตามกระบวนงานของวิถีจิตจะพบว่า ทุกความเนิบช้าทุกความเรียบร้อยทุกการโต้ตอบพูดคุย อยู่บนพื้นฐานการทำงานของจิตที่มีการเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากโดยเฉพาะกระบวนการคัดกรองคำพูดที่จรรโลงใจแก่ผู้ฟัง หรือคู่สนทนา จะเป็นจิตที่มีความแคล่วคล่องในการประมวลหลักการและหลักธรรมที่เหมาะสมก่อนแสดงออกมาเป้นคำพูด
ปุถุชนอย่างเราๆ ในสมัยนี้จะมีค่านิยมที่อ้างว่า“เป็นคนตรงๆ” ชอบพูดตรงไปตรงมาตามความรู้สึก ณ ขณะนั้น โดยไม่มีการกลั่นกรอง พร้อมระบุว่านี่คือ“ความจริงใจ” ความจริงใจเป็นสิ่งดี ความตรงไปตรงมาไม่มีเล่ห์เหลี่ยมก็เป็นสิ่งดีแต่ต้องไม่ลืมถามตนเองว่า คำพูดตรงไปตรงมานั้นเกิดจากกลุ่มของอกุศลเจตสิกหรือโสภณเจตสิก? เพราะจิตที่เกิดพร้อมเจตสิกแต่ละกลุ่มนั้นแสดงพฤติกรรมที่หยาบและประณีตต่างกันและให้ผลที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง
https://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/14481-1.jpg@n
หลวงพ่อเสือท่านมีความจริงใจและตรงไปตรงมากับลูกศิษย์ทุกคนคำพูดของท่านเต็มไปด้วยความประณีต ท่านไม่เคยพูดแบบที่จริตของเราชอบคือ พูดเอาฮาพูดเอามัน หรือจิกกัดให้สะใจในอารมณ์ คำพูดของท่านจึงสุภาพไพเราะแต่มีอานุภาพร้ายแรงที่บาดลึกลงไปในความรู้สึกเหมือนถูกกระชากหน้ากากความเป็นผู้ดีออกจนเหลือแต่ร่างจริงของผู้ร้ายกิเลสที่สั่งสมอยู่ในสันดานพากันสั่นไหวระรัวเหมือนคนที่ทำความผิดร้ายแรงแล้วถูกจับได้.. เชื่อว่าหลายคนต้องเคยตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้เมื่อนั่งฟังคำสอนของท่าน
พื้นฐานสำคัญที่ท่านปลูกฝังในลูกศิษย์อย่างไม่หยุดหย่อนคือ“ขันติ” และท่านมักจะพูดย้ำเสมอจนลูกศิษย์หลายคนฟังจนจำได้ขึ้นใจว่า ขันติ คือความอดทน อดกลั้น ต่อความยากลำบากทั้งทางกายและทางใจ แต่น้อยคนที่จะสร้างขันติในชีวิตจริงได้และตอบโต้กิเลสอย่างตรงไปตรงมาทันทีซึ่งเป็นจุดอ่อนสำคัญในการพัฒนาจิตใจให้มีความละเอียดรอบคอบและประณีตในการกระทำ
https://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/14481-1.jpg@n
การใช้ขันติในชีวิตจริงจึงเป็นเรื่องที่ยากลำบากมากเพราะมีอารมณ์ไม่น่าปรารถนามาปรากฏทางทวารของเราอยู่เรื่อยๆหากถามผู้ที่มีอาชีพครูที่มีหน้าที่อบรมบ่มสอนศิษย์ให้มีความรู้ว่าเหนื่อยมากมั๊ยกับการทำหน้าที่ครู? ส่วนใหญ่จะได้รับคำตอบว่า “เหนื่อยแต่ทนได้เพราะสงสารเด็ก” แต่หลวงพ่อท่านไม่เคยเหนื่อยกับการสอนลูกๆท่านพยายามสร้างทางของท่านพร้อมปรับปูเส้นทางให้ลูกๆ สามารถเดินตามท่านไปด้วยได้บางคนอาจจะงอแงหรือเหนื่อยหรือแวะนั่งเล่นข้างทาง ท่านก็ยังรอยังให้กำลังใจและให้โอกาสที่จะเดินก้าวต่อไปเพราะ“เรามีกันสองคนพ่อลูก” ท่านเคยพูดหลายครั้งว่า.. พ่อยังดีไม่พอยังเก่งไม่พอ ที่จะทำให้ลูกเชื่อพ่อแล้วเดินตามพ่อมาได้
เคยมีปรากฏการณ์ของลูกศิษย์ที่เคยน่ารักน่าเอ็นดู พูดจาสุภาพมารยาทเรียบร้อยมาวันนี้กลายเป็นคนกระด้างขาดความสำรวม มีความอดทนน้อยลงมีจิตเมตตาให้อภัยผู้อื่นน้อยลงและจดจำความผิดของผู้อื่นได้มากขึ้นท่านบอกว่าเป็นเรื่องธรรมดาของผู้ที่หลุดออกไปนอกเส้นทางเมื่อไปข้องเกี่ยวกับการโกหกปลิ้นปล้อนหรือความสนุกเพลิดเพลินเหล่านั้นมากเข้าก็จะขาดความรับผิดชอบไปเรื่อยๆเหมือนผู้ที่เหยียบโคลนบนพื้นแล้วก็ลื่นไถลไปเรื่อยๆ จนร่างกายสกปรกบางทีถึงกับไหลร่วงลงไปในร่องน้ำครำเพราะจิตใจที่ขาดหิริโอตตัปปะจะทำให้ชีวิตพลาดถลำได้ง่าย และลงสู่ที่ต่ำได้เร็ว
บางคนเมื่อเรียนรู้พระอภิธรรมมากขึ้นๆก็ใช้ความรู้นั้นในไปในทางที่ชวนอึ้งเป็นที่สุด เพราะจับเอาความรู้มาตรงที่ว่า... แม้การเวียนว่ายตายเกิดจะมีจริงแต่เมื่อเราไปเกิดใหม่เราก็จำไม่ได้อยู่ดีว่าชาตินี้เราทำอะไรไปบ้างไว้รอเผชิญภัยในชาติหน้าเลยทีเดียว ชาตินี้อยากทำอะไรก็จะทำไปเลย...จึงอยากชวนท่านผู้อ่านมาร่วมกันพิจารณาในประเด็นนี้ว่าสิ่งที่เขาพูดมาเป็นสิ่งที่ควรทำหรือไม่? และเพราะเหตุใด?สามารถพูดคุยแสดงความคิดเห็นได้ในช่องตอบข้อความด้านล่างได้เลย.
ที่เขียนมานี้เป็นเพื่อมุ่งถ่ายทอด สิ่งที่ประสบมาโดยตรงและแทรกหลักการดำเนินชีวิต ที่เราท่านเคยได้ถูกอบรมจากหลวงพ่อมากันแล้ว ให้เกิดการเหลียวกลับมาดูตนเองกัน ชีวิตที่ผ่านมานั้น เราเป็นอย่างไร เหมือนคำที่หลวงพ่อเตือนสอนไว้ว่า เอาดีเก็บมาใช้ เอาชั่วเก็บมาละที่ตน นั่นเอง.
https://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew13/2418-2.jpg@n
หน้า:
[1]