อยู่อย่างปลอดภัยในร่มเงาเสือพิทักษ์ (9)
https://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/14605-1.gif@nhttps://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/14605-1.gif@nhttps://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/14605-1.gif@nhttps://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/14605-1.gif@nhttps://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/14605-1.gif@n
ความเดือดร้อน ภัยอันตราย และโรคร้าย ค่อยๆทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นให้เราได้รับรู้ และนอกจากการรับรู้แล้วก็สมควรที่จะต้องรับมือกับความเปลี่ยนแปลงเหล่านั้นให้ดีที่สุดซึ่งคำว่า “ดีที่สุด” ของแต่ละคนก็คงจะไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับต้นทุนบุญกุศลที่แต่ละคนมีติดตัวมาและก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าใครมีต้นทุนติดตัวมามากน้อยกว่ากัน
หากกล่าวอย่างนักศึกษาพระอภิธรรมก็คือเราไม่รู้เลยว่าจะมีผลของกรรมใดส่งมาให้ได้รับในชาตินี้ ถ้าจะพูดแบบรวมๆเกี่ยวกับผลของกรรมที่เราได้รับในชาตินี้ก็มาจาก การให้ผลของกรรมในปวัตติกาล(ภายหลังการเกิดในภาพชาตินี้)ของชวนจิตดวงที่ 7 ในวิถีจิตของชาติที่แล้ว และผลของกรรมจากชวนจิตดวงที่ 2-6ของวีถีจิตในชาติก่อนหน้าชาติที่แล้ว จึงกระหยิ่มใจไม่ได้เลยว่าชาตินี้เราเกิดมาสุขสบายดีแล้วจะรับผลดีนี้ไปตลอดจนตาย หรือเศร้าเสียใจว่าเราเกิดมาทุกข์ยากแร้นแค้นแล้วจะต้องยากจนแบบนี้ไปจนตายเหมือนกัน
เราไม่สามารถจำแนกได้เลยว่า สิ่งที่เราพบได้รับทางทวารต่างๆ เป็นผลของกรรมที่มาจากภพชาติไหน เราจึงต้องเตรียมรับมืออย่างมีสติปัญญาด้วยอัตตสัมมาปณิธิคือ การตั้งตนไว้ชอบซึ่งไม่ได้หมายถึงทำในสิ่งที่เราชอบหรืออยู่ในสถานที่ที่เราชอบแต่หมายถึงการดำเนินชีวิตอย่างถูกทำนองคลองธรรมเป็นไปเพื่อความเจริญรุ่งเรืองทั้งในทางโลกและทางธรรม
คำว่า “อัตตสัมมาปณิธิ” เป็นคำที่ลูกศิษย์ในศาลาเสือพิทักษ์จะได้ยินกันบ่อยเพราะหลวงพ่อท่านจะกล่าวถึงมงคลสูตรเพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจของลูกศิษย์ให้ฝักใฝ่กระทำในสิ่งที่เป็นมงคลอยู่เรื่อยๆโดยท่านจะนำคำว่า “ปุพเพ จะ กตปุญญตา” กับคำว่า “อัตตสัมมาปณิธิ”มากล่าวต่อกันให้คล้องจองรื่นหูอยู่เสมอ ท่านบอกว่าคำว่า “บุพเพสันนิวาส”ก็มาจากคำว่า “ปุพเพ จะ กตปุญญตา” นี่แหละ
การที่เราได้มาพบกันได้ร่วมอยู่ในหมู่คณะสมาคมเดียวกันก็เพราะเคยทำกรรมดีร่วมกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน รวมทั้งแต่ละคนก็มีกรรมดีส่วนตัวตามมาหล่อเลี้ยงด้วย จึงทำให้ได้รับกระทบอารมณ์ต่างๆ กัน แม้จะอยู่ภายในศาลาเสือพิทักษ์หลังเดียวกัน เพราะบางคนนั่งอยู่บนพรมนิ่มๆบางคนอยู่ในห้องปรับอากาศเย็นสบาย บางคนนอนบนฟูก บางคนนอนบนเสื่อ บางคนเดินสะดุดบางคนเดินชนกระจก บางคนลื่นไปกองบนพื้น ..สิ่งเหล่านี้เป็นกรรมส่วนตัว และเมื่อกรรมให้ผลแล้วก็จะหมดกำลังไปมีกรรมอื่นเข้ามาให้ผลตามเวลาลำดับหน้าที่ เช่น อยู่ดีๆบางคนที่นั่งบนพรมในห้องปรับอากาศก็ต้องรีบลุกพรวดพราดเดินออกจากห้องไปกระทบกับอากาศร้อนเพราะปวดปัสสาวะทนไม่ไหว
ชีวิตของเรานั้นมีทั้งกรรมดีและกรรมไม่ดีมาให้ผลอยู่ตลอดเวลาแต่หลวงพ่อท่านก็บอกให้รู้ความจริงว่า สิ่งเหล่านั้นไม่เที่ยง ต้องแปรเปลี่ยนไปและบังคับบัญชาไม่ได้ความสุขที่ได้รับอากาศเย็นสบายก็ไม่เที่ยงเพราะมีการปวดปัสสาวะขึ้นมาก็ต้องออกจากอากาศสบายๆ ไปแก้ไขทุกข์ในที่ร้อนๆ เสียก่อน ท่านพิสูจน์ความจริงของธรรมชาติที่เป็นอนัตตาให้เราเห็นได้ชัดๆจากพฤติกรรมชีวิตที่มีอยู่เสมอ นอกจากจะทำให้เกิดการยอมรับแล้วท่านยังบอกว่าในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของการเปลี่ยนแปลงเพื่อแก้ไขความทุกข์เหล่านี้ก็มีสติปัญญาเกิดขึ้นได้ถ้ารู้จักพิจารณา
หลวงพ่อท่านสอนให้รู้จัก “ปุพเพ จะ กตปุญญตา”เพื่อให้กำลังใจว่าเราก็มีความดีงามในอดีตส่งมาและท่านก็สอนให้ทำกรรมใหม่ที่ดีด้วย “อัตตสัมมาปณิธิ”เพื่อมิให้ชะล่าใจกับการใช้ชีวิตยามสุขสบายโดยมีพื้นฐานความคิดว่า “เที่ยง” หรือ“นิจจัง” รวมทั้งไม่ย่อท้อกับผลกรรมไม่ดีที่กำลังส่งมาให้เราประสบอยู่ด้วยการงอมืองอเท้ารอให้กรรมสิ้นผลไปเองหรือโทษแต่กรรมเก่าโดยไม่ทำกรรมใหม่ให้ดี
ดังนั้น ถ้อยคำสุดยอดอีกคำหนึ่งของหลวงพ่อที่ลูกศิษย์มักจะเอาไปปลุกปลอบใจตนเองคือ“ที่กระทบคือวิบาก ที่กำลังกระทำคือกรรม” วิบากคือของเก่า ให้ผลแล้วก็หมดสิ้นไป กรรมคือการกระทำใหม่ ที่รอไปให้ผลในปฏิสนธิกาล ปวัตติกาล และภายหลังจากนั้นไปจนหมดแรงกลายเป็นอโหสิกรรม
ข่าวคราวทางหน้าหนังสือพิมพ์ที่เราพบล้วนเป็นเรื่องราวของวิบากทั้งวิบากของผู้อื่น ทั้งวิบากของเราเอง เราจึงมีหน้าที่ต้องทำกรรมใหม่เพื่อให้วัฏฏะที่ยังมีอยู่หมุนไปในถนนที่ราบรื่นไม่ขรุขระการวิพากษ์วิจารณ์ตำหนิติเตียนเป็นกรรมใหม่ที่เราต้องได้รับผลเองยิ่งถ้ากระทำด้วยความเผ็ดร้อนอาฆาตโกรธแค้นก็ยิ่งมีผลสนองคืนด้วยความรุนแรงเช่นเดียวกัน และกรรมส่วนตัวที่เราทำลงไปแล้วก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นมาได้เลยด้วยเหตุนี้ สิ่งที่ควรทำมากที่สุดคือการรับมือกับวิบากด้วยอัตตสัมมาปณิธิ
วิบากคือสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้วแต่เราเปลี่ยนแปลงกรรมของเราได้เสมอการพัฒนาชีวิตด้วยการทำกรรมใหม่ที่ดีเพื่อตอบโต้วิบากที่ไม่ดีจึงเป็นเสมือนการสะเดาะห์เคราะห์หรือการตัดกรรมโดยตรงการทำกรรมใหม่ที่เป็นอกุศลเพื่อตอบโต้วิบากที่ไม่ดีก็เท่ากับเราทำลายชีวิตให้เสียหายไปด้วยมือตนเอง
นอกจากคู่ของปุพเพ จะ กตปุญญตา กับอัตตสัมมาปณิธิแล้ว หลวงพ่อท่านยังได้สอนถึง “ปฏิรูปเทสวาสะ” คือ การอยู่ในถิ่นอันสมควรเป็นถิ่นที่เอื้อเฟื้อต่อการดำเนินชีวิตและพัฒนาให้เจริญไปสู่เส้นทางที่ดีและลูกศิษย์หลายๆ คนมักจะใช้คำว่า “สัปปายะ” เมื่อจะกล่าวถึงสถานที่ปฏิบัติธรรม ที่จริงแล้วคำว่า “สัปปายะ”ยังหมายถึงอย่างอื่นที่นอกเหนือจากความเป็นสถานที่
และนอกจากคำว่า ปฏิรูปเทสวาสะ, ปุพเพ จะกตปุญญตา และอัตตสัมมาปณิธิ ท่านยังบอกความหมายของ “สัปปุริสูปัสสย” การคบหาสัตบุรุษและหลักสัปปุริสธรรมท่านบอกว่าไม่ควรไปหาความเป็นสัปปบุรุษที่ผู้อื่นแต่ให้ค้นหาที่ตนเอง และฝึกตนเองให้มีสิ่งเหล่านั้นไม่มีใครคบเรา เราก็คบกับตนเองอย่ามีชีวิตเนื่องด้วยผู้อื่น เพราะการมีชีวิตเนื่องด้วยผู้อื่นเป็นทุกข์ยิ่งนักและนี่ก็เป็นอีกหนึ่งคำสอนที่ให้ความร่มเย็นใจมาก.
https://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew13/2418-2.jpg@n
หน้า:
[1]