พี่เณร โพสต์ 2017-5-13 09:24:17

ทางสายเอก

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย พี่เณร เมื่อ 2017-5-13 09:25

http://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/13989.jpg@n
เอกายนมรรค

เมื่อแบ่งเป็นคำพรรณนาแล้วมี ๔ แบบ คือ

๑. เป็นทางสายเอก ต้องไปเพียงผู้เดียว โดยมีอรรถาธิบายว่า เมื่อผู้ที่เห็นภัยในวัฏฏสงสารต้องการจะเดินทางนี้แล้ว จะต้องไปผู้เดียวไม่มัวแต่เหลียวหลัง จะเอา พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย พี่น้อง ครู ไปเป็นเพื่อนด้วยไม่ได้ จะต้องละจากการคลุกคลีกับหมู่คณะ

เพราะในหมู่คณะนี้มีแต่เรื่องเอะอะ ครึกครื้นอยู่ตลอดเวลาไปตามประสาโลกธรรม จึงต้องปลีกออกไปในสถานที่อันสงบและมีหน้าที่ง่วนอยู่กับการทำหน้าที่ปฏิบัติแต่เพียงผู้เดียว เรียกว่า เดินไปบนขาของตัวเองอย่างเปล่าเปลี่ยวไม่เหลียวหลังและไม่หยุดยั้ง ไม่คำนึงถึงอะไร ไม่หยุดยั้ง ตั้งหน้าเดินดุ่มไปในทางสายเอกคือพระมหาสติปัฏฐานเท่านั้นเอง

พี่เณร โพสต์ 2017-5-13 09:24:40

http://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/13989-1.gif@n

๒. เอกายนมรรค หมายถึง เป็นทางสายเอกที่สมเด็จพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้นที่ทรงแสดงเอาไว้มีอรรถาธิบายว่า ท่านผู้มีฤทธิ์ จะมีเดช มีศักดาเท่าใด ก็จะไม่มีความสามารถ นำเอาสิ่งเหล่านี้มาให้พวกเรา ๆ รู้ได้เลย ไม่ว่าใครทั้งนั้น บรรดาสิ่งที่มีอยู่หรือสัตว์ที่มีอยู่ที่บันลือสีหนาทได้มากมายก็ไม่สามารถบอกทางนี้ได้

ชีวิตที่เลื่องลือในไตรโลก เช่น พระฤาษีโยคีนี้มีฌานกล้า สามารถแสดงฤทธิ์ต่างๆได้ หรือพระอินทร์ผู้มากไปด้วยบุญฤทธิ์สถิตย์อยู่บนสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หรือพระพรหมผู้วิเศษสุดในบรรดารูปพรหมด้วย เรียกว่าบรรดาท่านที่กล่าวมานี้มีความสุขมีความปรารถนาอายุยืนยาว และจะมีบัญญัติกสิณวิเศษมากมายแค่ไหนก็แล้วแต่...

จะมีปัญญาค้นคว้าหาทางเอกายนมรรคได้ด้วยตนเองหามีไม่ เป็นไปไม่ได้ และจะนำมาแสดงแก่ชาวโลกก็ไม่ได้ เมื่อไม่เห็นแล้วก็จะนำมาแสดงไม่ได้ด้วย คือทางสายเอกนี้เป็นสิ่งที่เหลือวิสัย ทำนามให้หมดไปก็ทำได้ ทำรูปให้หมดไปก็ทำได้ แต่ทำทางสายเอกให้ปรากฏขึ้นไม่ได้

แต่สมเด็จพระทศพลสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ผู้ทรงสร้างสมบ่มพระบารมีมาเพื่อปรมาภิเษกสัมมาสัมโพธิญาณโดยเฉพาะ ประสงค์ที่จะรื้อสัตว์ขนสัตว์ ตั้งแต่เริ่มมโนปณิธาน ก็คือ จะตั้งใจปรมาภิเษกให้ได้ในอนาคตเพื่อจะกอบโกยสัตว์ที่เป็นทุกข์นี้ให้หมดไปจากความทุกข์ นั่นคือพระพุทธประสงค์

พระเจตนาของพระโพธิสัตว์จนสมพระพุทธประสงค์ พระพุทธองค์ก็ทรงทำจนสำเร็จ พระพุทธองค์ทรงค้นพบและทรงแสดงทางสายเอกนี้ให้แก่เวไนยสัตว์ทั้งหลายเรียกว่า เอกายนมรรค ทางที่สมเด็จพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวแสดงเอาไว้

พี่เณร โพสต์ 2017-5-13 09:25:53

http://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/13989-2.gif@n

๓. เอกายนมรรค คือ ทางสายเอกที่จะพาผู้เดินให้ไปถึงโลกุตตรธรรม คือพระนิพพานได้ เป็นทางสายเอกที่จะนำผู้เดินไปถึงพระนิพพานได้

โดยมีอรรถาธิบายว่า ตามธรรมดาสัตวโลกนี้ หรือ พูดง่าย ๆ ก็คือ คนเรานี้ ชีวิตแต่ละคน คนนี้ดีกว่าคนนั้น คนนั้นดีกว่าคนนี้ คนเราเมื่อเกิดมาแล้วใช่ว่าจะมีชีวิตอยู่นานนักหนา เรียกว่าจะมีชีวิตอยู่ชั่วฟ้าดินสลายก็หาไม่ จะต้องถึงความตายเข้าสักวันหนึ่งแน่นอน ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้ตาย ทุกคนมีที่หมายคือความตาย

เมื่อสิ้นลมล้มตายกลายเป็นศพ
ถึงจุดจบเกมชีวิตปิดฉากฉาย
นอนในโลงใบแคบแคบโอบแนบกาย
ไม่มีสหายญาติหรือทรัพย์ไปกับเรา

ฉะนั้น ชีวิตที่เป็นอยู่นี้ ถ้าก่อกรรมทำเข็ญประพฤติธรรมลามก ใจสกปรกเต็มไปด้วยบาป พอตายแล้วจากโลกนี้ไปก็ตรงดิ่งไปทีเดียว ไปไหน? โน่นเมืองนรก เมืองเปรต เมืองอสุรกาย หรือเมืองเดรัจฉาน อบาย ๔ เรียกว่า อบายภูมิ

แต่ถ้ามีจิตประกอบไปด้วยเมตตา มีศรัทธาเลื่อมใส เช่น เคยให้ทาน เคยรักษาศีล ซึ่งเรียกว่าเป็นคนใจบุญใจกุศล พอสูญสิ้นชีพชนม์ลงไป ก็ย่อมจะเคลื่อนแคล้วไปตามทางที่ดี คือไปสู่สุคติโลกสวรรค์

แต่ถ้าเป็นคนมีน้ำใจเด็ดเดี่ยวอยากจะได้ดีขึ้นไปกว่านั้น มีความหมั่นอุตสาหะอย่างแรงกล้า บำเพ็ญสมถกรรมฐานจนสำเร็จฌานสมาบัติ เมื่อตายแล้วก็ไปเกิดบนเส้นทางอันสูงสุด คือไปอุบัติเกิดขึ้นบนพรหมโลก จะเห็นว่าคนเราเมื่อตายแล้วย่อมจะเดินไปตามเส้นทางที่ตนทำไว้ทั้งสิ้น แต่ทางเหล่านั้นไม่ใช่ทางไปสู่พระนิพพานเลย

ถ้าผู้ใดประสงค์จะไปสู่พระนิพพาน อันเป็นแดนอมตะคือไม่มีความตายอีกแล้ว ก็จะต้องเดินไปบนทางที่ประเสริฐ ซึ่งมีอยู่สายเดียวที่จะพาไปสู่ที่แห่งเดียวคือพระนิพพาน ทางที่ว่านั้นก็คือ “พระมหาสติปัฏฐาน” อันเป็นเอกยนมรรค คือเป็นทางสายเดียวและเป็นทางที่จะพาผู้นั้นไปสู่พระนิพพาน อันเป็นที่เกษมอย่างเอกอย่างเดียว

พี่เณร โพสต์ 2017-5-13 09:26:59

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย พี่เณร เมื่อ 2017-5-13 09:28

http://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/13989-3.gif@n

๔. เป็นทางสายเอก คำว่า เอก หมายถึง เป็นทางสายเอกที่มีอยู่ในที่แห่งเดียว คือมีอยู่ในบวรพุทธศาสนาเท่านั้น นอกพุทธศาสนาไม่มี

ซึ่งมีอรรถาธิบายใจความว่า...ในโลกนี้ใช่ว่าจะมีแต่พระพุทธศาสนาปรากฏอยู่ สมัยที่ไม่มีพระพุทธเจ้าหรือยังไม่มีพระพุทธศาสนาเพราะยังไม่มีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาอุบัติขึ้นมาในโลก บางช่วงก็ว่างศาสนาไป หรืออย่างทุกวันนี้ระหว่างการที่มีพระพุทธศาสนาอยู่ ยังมีพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอยู่ แต่พระพุทธเจ้าไม่มี พระองค์ดับขันธปรินิพพานแล้ว

จะมีอีกกาลหนึ่งกาลที่พระพุทธศาสนาไม่มี เวลานั้นแหละจะมีคำสอนมากมายเป็นคำสอนส่วนตัวส่วนบุคคลที่เรียกว่าทิฏฐิ ๖๒

ฉะนั้น ลัทธิมี ๖๒ ลัทธิ ก็คือทิฏฐิ ๖๒ นั่นเอง ที่ต่างอบรมชาวประชาสัตว์ต่าง ๆ ให้มีความยึดมั่นถือมั่นจนน้อมใจเชื่อกันเป็นส่วนมาก ในที่สุดพระพุทธเจ้าผู้เป็นพระบรมโลกุตตราจารย์ก็ได้อุบัติขึ้นและประกาศสัจจธรรมนำทางสายเอกคือพระมหาสติปัฏฐานอันเป็นทางสายเอกที่มีแห่งเดียวในพระพุทธศาสนา ซึ่งจะนำสัตว์ทั้งหลายไปสู่ความพ้นทุกข์

จึงเป็นอันว่า พระมหาสติปัฏฐาน นี้ประเสริฐ ย่อมเป็น เอกายนมรรค ทรงไว้ซึ่งความเป็นเอก ๔ ประการ คือ

เป็นทางสายเอกที่ผู้ประพฤติปฏิบัติต้องไปผู้เดียวประการหนึ่ง

เป็นทางสายเอกที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นผู้ประกาศทางหนึ่ง

เป็นทางสายเอกที่ผู้ปฏิบัตินั้นจะไปถึงทางอันเอก

เป็นทางสายเอกที่มีในบวรพุทธศาสนา

http://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/7158-11.gif@n
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: ทางสายเอก