๓. เอกายนมรรค คือ ทางสายเอกที่จะพาผู้เดินให้ไปถึงโลกุตตรธรรม คือพระนิพพานได้ เป็นทางสายเอกที่จะนำผู้เดินไปถึงพระนิพพานได้
โดยมีอรรถาธิบายว่า ตามธรรมดาสัตวโลกนี้ หรือ พูดง่าย ๆ ก็คือ คนเรานี้ ชีวิตแต่ละคน คนนี้ดีกว่าคนนั้น คนนั้นดีกว่าคนนี้ คนเราเมื่อเกิดมาแล้วใช่ว่าจะมีชีวิตอยู่นานนักหนา เรียกว่าจะมีชีวิตอยู่ชั่วฟ้าดินสลายก็หาไม่ จะต้องถึงความตายเข้าสักวันหนึ่งแน่นอน ไม่วันนี้ก็พรุ่งนี้ตาย ทุกคนมีที่หมายคือความตาย
เมื่อสิ้นลมล้มตายกลายเป็นศพ
ถึงจุดจบเกมชีวิตปิดฉากฉาย
นอนในโลงใบแคบแคบโอบแนบกาย
ไม่มีสหายญาติหรือทรัพย์ไปกับเรา
ฉะนั้น ชีวิตที่เป็นอยู่นี้ ถ้าก่อกรรมทำเข็ญประพฤติธรรมลามก ใจสกปรกเต็มไปด้วยบาป พอตายแล้วจากโลกนี้ไปก็ตรงดิ่งไปทีเดียว ไปไหน? โน่นเมืองนรก เมืองเปรต เมืองอสุรกาย หรือเมืองเดรัจฉาน อบาย ๔ เรียกว่า อบายภูมิ
แต่ถ้ามีจิตประกอบไปด้วยเมตตา มีศรัทธาเลื่อมใส เช่น เคยให้ทาน เคยรักษาศีล ซึ่งเรียกว่าเป็นคนใจบุญใจกุศล พอสูญสิ้นชีพชนม์ลงไป ก็ย่อมจะเคลื่อนแคล้วไปตามทางที่ดี คือไปสู่สุคติโลกสวรรค์
แต่ถ้าเป็นคนมีน้ำใจเด็ดเดี่ยวอยากจะได้ดีขึ้นไปกว่านั้น มีความหมั่นอุตสาหะอย่างแรงกล้า บำเพ็ญสมถกรรมฐานจนสำเร็จฌานสมาบัติ เมื่อตายแล้วก็ไปเกิดบนเส้นทางอันสูงสุด คือไปอุบัติเกิดขึ้นบนพรหมโลก จะเห็นว่าคนเราเมื่อตายแล้วย่อมจะเดินไปตามเส้นทางที่ตนทำไว้ทั้งสิ้น แต่ทางเหล่านั้นไม่ใช่ทางไปสู่พระนิพพานเลย
ถ้าผู้ใดประสงค์จะไปสู่พระนิพพาน อันเป็นแดนอมตะคือไม่มีความตายอีกแล้ว ก็จะต้องเดินไปบนทางที่ประเสริฐ ซึ่งมีอยู่สายเดียวที่จะพาไปสู่ที่แห่งเดียวคือพระนิพพาน ทางที่ว่านั้นก็คือ “พระมหาสติปัฏฐาน” อันเป็นเอกยนมรรค คือเป็นทางสายเดียวและเป็นทางที่จะพาผู้นั้นไปสู่พระนิพพาน อันเป็นที่เกษมอย่างเอกอย่างเดียว
|