พี่เณร โพสต์ 2017-6-3 09:16:52

พระฉัพพรรณรังสี

http://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/14271.jpg@n

http://webboard.abhidhammaonline.org/old/i77.photobucket.com/albums/j76/payear/Line/Line117.gif

ในพระธัมมสังคณีภาคหนึ่งเล่มที่ ๑ คัมภีร์ที่ ๑ ในพระอภิธรรมเจ็ดคัมภีร์ บรรยายว่า พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ทรงแสดงพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์

เมื่อพระพุทธองค์ทรงแสดง เริ่มตั้งแต่พระคัมภีร์ที่ ๑ - ๖ เป็นการแสดงให้รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงของปรมัตถธรรมทั้งปวง ระยะนั้นไม่มีความพิศดารแปลกประหลาด

แต่เมื่อทรงแสดงคัมภีร์ที่ ๗ มหาปัฏฐาน อันเป็นพระอภิธรรมประเสริฐยิ่ง ทรงปลื้มปิตี ยินดีอย่างล้นพ้น เกิดพระฉัพพรรณรังสี พระพุทธองค์ทรงพิจารณาธรรมนั้นอยู่ถึง ๗ วัน ด้วยสัพพัญญุตญาณของพระพุทธองค์ทุก ๆ พระองค์

ฉัพพรรณรังสีมี ๖ สี คือ สีเขียว ขาว แดง เหลือง ม่วง และประภัสสร (เลื่อมพราย) ท่านอุปมาว่า

สีเขียว - นิลกะ สีเขียวเข้มเหมือนดอกอัญชัน ดอกสามหาว กลีบบัวเขียวที่ซ่านออกไปจากพระเกสา คือ ผม และพระมัสสุ (หนวด) ออกมาจากสีเขียวแห่งพระเนตรทั้งสอง

สีขาว - โอทาตะ สีขาวเหมือนแผ่นเงิน เหมือนน้ำนม และดอกโกมุท ดอกย่านทรายและมลิวัลย์ ซ่านออกมาจากพระอัฐิ (กระดูก) พระทนต์ (ฟัน) และสีขาวออกจากพระเนตรทั้งสอง

สีแดง - โลหิต แดงเหมือนสีตะวันทอง สีผ้ากัมพล ดอกชัยพฤกษ์ ดอกทองกวาว ดอกชบา ที่ออกมาจากพระมังสะ (สีเนื้อ) พระโลหิต (สีเลือด) ซ่านออกมาจากพระเนตรทั้งสอง

สีเหลือง - ปิตะ สีเหมือนแผ่นทองคำ สีเหลืองเหมือนผงขมิ้น ดอกกรรณิการ์ที่ซ่านออกมาจากพระฉวีวรรณ(ผิว)

สีม่วง - มันชิถะ เหมือนสีเท้าหงส์ที่เรียกว่า หงสบาท สีดอกหงอนไก่ สีม่วงแดง ที่ซ่านออกมาจากพระสรีระ (ร่างกาย)

สีประภัสสร - สีเลื่อมพราย เหมือนสีแก้วผลึกที่เรียกว่า สีเลื่อมประภัสสร ออกมาจากพระสรีระเช่นกัน


พี่เณร โพสต์ 2017-6-3 09:17:34

http://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/14271-1.jpg@n

ฉัพพรรณรังสีที่ซ่านออกมาหลังจากทรงพิจารณาพระอภิธรรมเจ็ดคัมภีร์มาถึงคัมภีร์มหาปัฏฐาน ในเบื้องต้นฉัพพรรณรังสีออกจากพระวรกายไปสู่เบื้องล่าง

จากมหาปฐพีใหญ่ อันหนาถึงสองแสนสี่หมื่นโยชน์ รัศมีเหล่านั้นลอดทะลุแผ่นดิน ลงไปจับน้ำในแผ่นดินหนาถึงสี่แสนแปดหมื่นโยชน์ รัศมีเหล่านั้นเมื่อเจาะทะลุลมแล้ว แล่นลงไปสู่อัชฎากาส อากาศว่าง ๆ ภายใต้ลม

ฉัพพรรณรังสีที่แผ่ไปสู่เบื้องบนแผ่ไปตั้งแต่มนุษย์และเทวภูมิ ๖ คือ จากนั้นแผ่ไปยังพรหมโลก ตั้งแต่ชั้นพรหมปาริสัชชา จนถึงชั้นสุทธาวาส ๕ แล้วแล่นไปสู่อัชฎากาส

ฉัพพรรณรังสีที่ไปสู่เบื้องขวาอันหาที่สุดมิได้ ไม่มีรัศมีใด ๆ ที่เทียบเท่าได้เลย แม้รัศมีของพระอาทิตย์ พระจันทร์ ดวงดาว และเทวดาทั้งหลายก็สู้ไม่ได้

ฉัพพรรณรังสีที่ปรากฏในบรรดาพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ จะให้ผู้อื่นมองเห็นหรือมองไม่ให้ก็ได้ แต่มีฉัพพรรณรังสีของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งพระนามว่า พระมังคละพุทธเจ้า

มีพระรัศมีแผ่ไปมากกว่าพระพุทธเจ้าพระองค์อื่น ๆ คือ มีรัศมีแผ่ไปแสนโกฏิโลกธาตุ (แสนโลกธาตุเท่ากับแสนจักรวาล จักรวาลหนึ่งเท่ากับ ๓๑ ภูมิ)

ส่องสว่างเป็นรัศมีสีทองทั่วไปตลอดทั้งกลางวันกลางคืน กลบแสงจากดวงจันทร์และดวงอาทิตย์จนสิ้น ประชาชนจะรู้ได้ว่าเป็นกลางวันจากเสียงนกร้อง เป็นเวลากลางคืนเมื่อดอกไม้บาน

เหตุที่พระมังคละพุทธเจ้าทรงมีฉัพพรรณรังสีส่องสว่างโดยตลอดนั้น เพราะสมัยเมื่อเป็นพระโพธิสัตว์ ยักษ์ตนหนึ่งได้ปลอมตัวเป็นพราหมณ์ได้มาขอบุตรสองคนจากพระโพธิสัตว์

พระองค์ทรงบริจาคให้โดยถือว่าเป็นบารมีไปสู่โพธิญาณ พอยักษ์ได้เด็กแล้วก็กินเด็กทั้งสองต่อหน้าพระโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์เห็นแล้วไม่มีความเสียพระทัยแม้เพียงปลายผม

กลับยังพระทัยให้เข้มแข็งปิติโสมนัสโดยเปล่งอุทานว่า "ทานอันใดที่ให้โดยดีแล้ว ยังผลให้สิ้นอาสวะกิเลสเป็นปัจจัยให้บรรลุพระนิพพาน"

พระมังคละโพธิสัตว์ได้ทรงตั้งพระทัยปรารถนาว่า เมื่อพระองค์ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้ว ขอให้รัศมีแผ่ไปแสนจักรวาลตลอดพระชนม์ชีพของพระองค์


พี่เณร โพสต์ 2017-6-3 09:18:19

http://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/14271-2.jpg@n

อีกเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้พระองค์ทรงมีรัศมีแผ่ไปแสนจักรวาลคือ ในสมัยที่พระองค์ยังเป็นพระโพธิสัตว์ ท่านได้เห็นเจดีย์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วคิดว่า ควรสละชีพเพื่อบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงได้พันกายของตนเป็นคบเพลิง และเอาเนยใสใส่ถาดทองคำสูงประมาณ ๑ ศอกเทินไว้บนศีรษะ แล้วจุดไส้ประทีปที่พันไว้ให้ลุกโพลงทั่วร่างกาย ทำประทักษิณเวียนขวารอบพระเจดีย์ตลอดราตรีจนส่วาง

ด้วยอำนาจแห่งการบูชานี้ แม้ขุมขนสักเส้นหนึ่งก็ไม่ไหม้ไฟ ด้วยอำนาจแห่งพระธรรมที่ยอมสละชีพเพื่อบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติให้เป็นสุข

ด้วยผลกรรมนี้ จึงทำให้รังสีของพระมังคละพุทธเจ้าแผ่ไปถึงแสนจักรวาลเป็นนิจตลอดกาล ในสมัยของพระองค์ เมื่อพระองค์ทรงปรินิพพาน พระฉัพพรรณรังสีนี้ก็ดับไปพร้อมกันทั้งหมด


พี่เณร โพสต์ 2017-6-3 09:19:41

http://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/14271-3.jpg@n

พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ เมื่อทรงพิจารณาคัมภีร์มหาปัฏฐานแล้วเป็นเหตุให้เกิดฉัพพรรณรังสี รัศมีซ่านออกจากพระวรกายด้วยความบริสุทธิ์

การที่รัศมีของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีอยู่ได้ตลอดเวลาก็ด้วยอำนาจแห่งพุทธวิสัย คือ พระเดช ๕ ประการ ที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าคือ

http://webboard.abhidhammaonline.org/old/picdb.thaimisc.com/d/dokgaew/14271-4.jpg@n

๑. ศีลเดช ทรงมีกาย วาจา เรียบร้อย มีศีลวินัยดียอดเยี่ยม

๒. คุณเดช ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอย่างยอดเยี่ยมแก่สัตว์โลกทั้งปวง

๓. ปัญญาเดช ทรงมีพระปัญญาท่วมท้นด้วยพระสัพพัญญุตญาณ

๔. บุญเดช ทรงมีบุญสั่งสมตั้งแต่เป็นพระโพธิสัตว์

๕. ธรรมเดช ทรงรู้ธรรมตามความเป็นจริง แล้วนำมาสั่งสอนให้รู้ธรรมตามความเป็นจริง

ด้วยอำนาจพระเดช ๕ ประการนี้ จึงเป็นเหตุให้เกิดฉัพพรรณรังสีด้วยประการฉะนี้แล

http://webboard.abhidhammaonline.org/old/i77.photobucket.com/albums/j76/payear/Line/Line117.gif

หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: พระฉัพพรรณรังสี