ลืมรหัสผ่าน
 ลงทะเบียน
ค้นหา
ดู: 808|ตอบกลับ: 5

เพียงเพื่อความสุข

[คัดลอกลิงก์]

238

กระทู้

231

ตอบกลับ

4138

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

เครดิต
4138
เพียงเพื่อ.jpg

เกิดมาหน้าที่นั้น...........ติดตัว
ชีพยังอยู่ยิ้มหัว.............อย่าท้อ
สิ่งเดียวที่ควรกลัว.........คือบาป
ทำถูกถึงโลกล้อ............อย่าได้หวั่นไหว.


เวลาใดที่เรารู้สึกว่า เราท้อแท้ และเบื่อหน่ายชีวิต โคลงบทนี้คงช่วยฉุดกระตุ้นเตือนให้เรามีสติ ลุกขึ้นสู้ต่อไปได้ ในเมื่อเราเองสามารถทำหน้าที่ และเลือกที่จะทำดีละเว้นชั่วได้ เราก็อยู่ไปได้อย่างสบายใจ โดยไม่หวั่นไหวในโลกธรรมทั้งแปดได้ คือมีลาภ ก็มีเสื่อมลาภ มียศก็มีเสื่อมยศ มีสรรเสริญก็มีนินทา และมีสุขก็ย่อมมีทุกข์นั่นเอง

แหละยามใดก็ตามที่เรารู้สึกว่าเราอยากจะมอบความสุข มอบกำลังใจให้แก่คนอื่นๆ เราก็จะสามารถนำบทเรียนจากชีวิตที่รู้จักในโลกธรรมเหล่านั้น เป็นเครื่องปลุกปลอบคนอื่นได้เช่นกัน ด้วยเพราะธรรมชาติเหล่านั้นย่อมมีเกิดขึ้นกับชีวิตของคนทุกคนเสมอๆ บางครั้งการเราอาจพลาดที่จะคิดไป จนทำให้เสมือนกับว่าโชคชะตาช่างโหดร้ายยิ่งนักสำหรับชีวิตเรา

แต่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้ความจริงในสิ่งเหล่านี้ และทรงประกาศสั่งสอนให้คนเรามาเดินตามทางที่พระองค์ทรงตรัสรู้ ก็เพื่อหยุดระงับ และดับทุกข์ให้หมดไปจากชีวิต ด้วยการเรียนให้รู้ว่า

ทุกข์ เป็นสิ่งที่ทุกคนควรกำหนดรู้
สมุทัย เป็นสิ่งที่ทุกคนควรละ
นิโรธ เป็นสิ่งที่ทุกคนควรทำให้แจ้ง
มรรค เป็นสิ่งทุกคนควรทำให้เจริญ




238

กระทู้

231

ตอบกลับ

4138

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

เครดิต
4138
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-5-2 11:19:45 | ดูโพสต์ทั้งหมด


ท่านได้ อุปมาอริยสัจ ๔ ไว้อย่างน่าสนใจมาก ว่า..

๑. ทุกข์ เปรียบเหมือนภาระที่หนัก

๒. สมุทัย เปรียบเหมือนกับผู้แบกภาระที่หนักนั้น

๓. นิโรธ เปรียบเหมือนกับปลงภาระหนักออกจากบ่าเสียได้แล้ว

๔. มรรค เปรียบเหมือนกับอุบายที่ปลงภาระนั้น

ทุกข์        เป็นสิ่งที่ทุกคนควรกำหนดรู้

ทำไมทุกข์....เป็นสิ่งที่ทุกคนควรกำหนดรู้ล่ะ

ก็เพราะจะได้เห็นจริงว่า ชีวิตคนเรานี้ไม่ใช่สุขเลย มีแต่ทุกข์ทั้งสิ้น ไม่น่ายินดี ไม่น่ายึดถือเลย ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่อยู่ในใจของเรา ที่เราต่างนึกคิดไปเองว่าเป็นสุข บางครั้งไปมองสภาพรวมๆที่คนอื่นๆแล้วก็ตั้งความหวังว่า จะต้องมีชีวิตแบบคนนั้นให้ได้ เพราะดูว่าชีวิตเขามีความสุข ทั้งๆที่แท้จริงแล้ว เขาก็มีทุกข์เกิดขึ้นตลอดเวลาเช่นกันหมด

ทุกข์ตรงไหน หรือตรงไหนละทุกข์ ก็ด้วยทุกข์ชีวิตที่เกิดมานั้น ทนอยู่ในสภาพเดิมๆไม่ได้เลยสักคน ต้องเดิน ต้องยืน ต้องนอน ต้องเปลี่ยนแปลงอิริยาบถ กันตลอด วันหนึ่งๆต้องแก้ไขไม่รู้จักจบจักสิ้น ความเมื่อย ความปวด ความชา ความตึง แวะเวียนมาหาเราท่านเสมอ แต่ด้วยเพราะเราไม่ได้สังเกตว่า เราเปลี่ยนอิริยาบถกันทำไม ไม่เปลี่ยนไม่ได้หรือ ? และการไม่สังเกตนี้แหละ ก็คือการไม่รู้จักทุกข์นั่นเอง

แม้กระทั่งทางใจของเรา เราเองก็พยายามหาอารมณ์ใหม่ดีๆมาให้จิตใจเรารับรู้เสมอ พยายามที่จะขับไล่อารมณ์ที่ไม่พอใจออกไปด้วยวิธีการต่างๆ หาสิ่งเจริญตาเจริญใจ หาเสียงที่ชอบ หากลิ่นที่ดี หารสชาติที่ถูกปากถูกใจ และสัมผัสอันพอในมาปรับเปลี่ยนให้ตนเองเสมอ นี้ก็เพราะเราพยายามแก้ไขความทุกข์ คือการทนไม่ได้ในสภาพเดิมๆนั่นเอง โดยการกระทำนั้นขาดการสังเกตเช่นกันว่า เราทำไปทำไม ไม่ทำไม่ได้หรือ

238

กระทู้

231

ตอบกลับ

4138

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

เครดิต
4138
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-5-2 11:20:43 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ดังนั้นการคอยเฝ้าตามสังเกตนั่นแหละ เป็นพุทธวิธีที่จะทำให้เราเข้าไปรู้จักทุกข์นั่นเอง เพื่อจะได้ประจักษ์แก่ใจตนเองว่า ความทุกข์เหล่านั้นวนเวียนเกาะติดกับชีวิตเราตลอดเวลา ไม่มีทางที่จะพ้นไปได้เลย เราจะได้สลัดความเห็นผิดๆออกไปได้ ที่ว่าชีวิตมีความสุข เพราะไม่ว่าชีวิตใครก็ตามก็เหมือนๆกันหมดทั้งสิ้น

อาจจะยากสำหรับการที่ต้องเฝ้าสังเกตทุกข์ แต่เราให้กำลังใจตนเองได้เสมอ ด้วยการบอกเตือนตนเองว่า..

การเดินทางที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชีวิต
ต้องเริ่มต้นด้วย ก้าวที่เล็กที่สุดทั้งสิ้น.

และมั่นใจตนเองด้วยว่า
การเปลี่ยนแปลงตนเองนั้นเป็นเรื่องของคนใจกว้าง
คนที่มีใจกว้าง ย่อมรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงนำมาซึ่งความรอบรู้
และจะเป็นความรอบรู้อย่างลุ่มลึก กว้างขวางถ้าได้รู้จักทุกข์


238

กระทู้

231

ตอบกลับ

4138

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

เครดิต
4138
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-5-2 11:21:09 | ดูโพสต์ทั้งหมด
สมุทัย        เป็นสิ่งที่ทุกคนควรละ

สมุทัยที่ต้องละนั้นคืออะไร เราจะละได้อย่างไรกัน

คำว่าสมุทัยนั้นก็ได้แก่ เหตุ หรือตัวการ ที่ทำให้เกิดให้มีทุกข์นั่นเอง เพราะความทุกข์เป็นผลที่เกิดมาจากเหตุ ไม่มีผลใดๆในโลกที่เกิดขึ้นมาลอยๆโดยปราศจากเหตุได้เลย ไม่ว่าจะเป็นทุกข์เล็กๆน้อย หรือทุกข์ใหญ่ๆ แม้กระทั่งผลหมากรากไม้ ก็ย่อมต้องมีเหตุเป็นแดนเกิดทั้งสิ้น

เมื่อเป็นเช่นนี้ เราควรอย่างยิ่งที่จะค้นหาเหตุแห่งความทุกข์นั้นให้พบ และกำกัดเหตุนั้นให้หมดไป ก็เพียงเพื่อความสุขที่เราท่านปรารถนาทั่วกัน แต่ความสมหวังในสิ่งที่ปรารถนานั้นจะมีได้ก็ต่อเมื่อสามารถทำลายเหตุแห่งทุกข์ให้หมดไปเท่านั้น

เหตุแห่งความทุกข์นั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านประจักษ์แจ้ง และสามารถพิชิตลงได้ ด้วยพระมหากรุณาธิคุณ ท่านจึงโปรดสั่งสอนให้เราได้มีโอกาสรู้จักเหตุนั้น และทรงสอนวิธีการให้สามารถกำจัดเหตุร้ายเหล่านั้นด้วยพระองค์เอง

ท่านทรงชี้ให้เห็นถึงความทะยานอยากได้มาซึ่ง รูป รส กลิ่น เสียงและสัมผัสที่ดีๆที่เราท่านต่างแสวงหากันอย่างที่ไม่เคยล่วงรู้เลยว่า นั้นคือเหตุของความทุกข์แท้จริง

รวมถึงความต้องการได้มาซึ่งฐานะความมั่นคง ความมีและในสิ่งต่างๆที่ตนพอใจด้วยความเห็นผิดคิดว่า สิ่งที่ต้องการได้มานั้นมีความเที่ยงแท้ถาวร ตลอดจนพยายามหาวิธีการต่างๆ ที่จะขับไสไล่ส่งในสิ่งต่างๆที่ตนไม่ต้องการ โดยขาดเหตุขาดผล หลงผิดคิดว่าขาดสูญไปจากเหตุผลทั้งปวง

238

กระทู้

231

ตอบกลับ

4138

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

เครดิต
4138
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-5-2 11:21:48 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ด้วยเหตุนี้เอง การกระทำทุกๆอย่างที่ได้กระทำไปโดยขาดความรู้เท่าทันความจริงนี้เอง เป็นผลสนองย้อนกลับให้เราเองเป็นผู้รับทุกและแบกทุกข์นั้นไปตามลำพังอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้

ด้วยเหตุนี้เอง เราจึงต้องหันหน้ามาสำรวจตรวจสอบการกระทำของเรา ว่าสิ่งที่เราจะทำนั้นเนื่องด้วยเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ไหม ใส่ใจ ใคร่ครวญ และพยายามหลีก ละ ลด เลิกจากเหตุแห่งความทุกข์นั้นลงทีละน้อยจนสามารถกำจัดให้หมดสิ้นไป ตามหลักคำสอนและชี้นำของพระองค์ให้ได้

แหละถ้าเมื่อใดสามารถหยุดที่เหตุแห่งทุกข์ได้แล้ว แน่นอนที่เดียว ทุกข์อันเป็นเพียงผลก็บังเกิดขึ้นไม่ได้ ด้วยการค่อยๆปลดเปลื้องชีวิตออกจากความโลภ หรือเรียกว่าโลภะอันเป็นตัวสมุทัยนั่นเอง ใช้ชีวิตให้ถูกจริงตามที่ชีวิตต้องการเท่านั้น.

ชีวิตอยู่ได้ด้วย อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค ซึ่งเรียกว่าปัจจัย ๔

ชีวิตไม่เคยร่ำร้องความมีความเป็นใดๆเลย ที่ร่ำร้องเรียกหาไม่หยุดหย่อน นั้นคือ กิเลส



238

กระทู้

231

ตอบกลับ

4138

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

เครดิต
4138
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-5-2 11:22:45 | ดูโพสต์ทั้งหมด
ลองหัดใช้ชีวิตที่ถูกตรงตามความต้องการจริง ๆ กันเสียตั้งแต่บัดนี้ เพื่อเลิกเป็นทาสกิเลส ที่นำมาแต่ความทุกข์ระทมเท่านั้นเสียที หันมาทำทุกอย่างเพื่อแก้ไขความทุกข์ไม่ใช่เพื่อสนองความยาก เมื่อชนะกิเลสลงได้ เท่ากับการชนะที่วิเศษสุดทีเดียว. อาจจะเป็นการยากสำหรับการเริ่มต้นหลีกพ้นจากกิเลส

                 แต่จงเตือนตนเองเสมอว่า...

ความผิดที่ร้ายแรงที่สุดของเราก็คือ...การยอมแพ้
สิ่งที่ทำให้ชีวิตมีความหมายและมีความสุขคือ...การมีงานทำ
งานที่ดีมีค่าต้องชีวิตที่สุดก็คือ.....งานละกิเลส

และมั่นใจตนเองด้วยว่า.
การเปลี่ยนแปลงตนเองเป็นเรื่องของคนกล้าหาญ
คนที่กล้าหาญเท่านั้นรู้ว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นสิ่งที่ควรเผชิญหน้า
การเปลี่ยนแปลงตนเองเป็นเรื่องของคนที่รักความก้าวหน้า
และเป็นทางเดินที่สำคัญที่จะทำให้เราสำเร็จและสมหวัง.


พรุ่งนี้จะมาอธิบายต่อนะคะ

ด้วยความปรารถนาดีคะ
บุษกร เมธางกูร


ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ข้อความล้วน|อุปกรณ์พกพา|ประวัติการแบน|อภิธรรมออนไลน์

GMT+7, 2024-11-24 09:52 , Processed in 0.102285 second(s), 24 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.9

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้