แต่… ชีวิตของเราที่มีอยู่ …ธรรมชาติไม่ได้เอาไปด้วย เช่น เราจะต้องผิดหวัง แล้วก็พลัดพราก จากอะไรสักอย่างหนึ่ง เช่น พลัดพรากจากบิดา ธรรมชาติก็เอาชีวิตของคุณพ่อไป แต่ก็มิได้เอาชีวิตของผู้ที่เป็นลูกไปด้วย ดังนั้น เราจะต้องมีชีวิตอยู่คนเดียว แล้วก็เจอ แล้วก็จาก ไปเพียงลำพัง อย่างนี้ต่อๆ ไปเรื่อยๆ
ฉะนั้นเมื่อเราต้องเดินทางไปคนเดียว เราก็ควรจะต้องฝืนใจละทิ้งการยอมรับที่ง่ายๆ ที่ธรรมชาติหยิบยื่นให้ ด้วยการรู้ทัน รู้เกมส์ รู้การหลอกลวงของธรรมชาติเหล่านั้น คือ กิเลส ตัณหา ราคะ และอุปาทาน ด้วยการเลือกเดิน “ทาง” เพราะ ทางคือมรรคอันมีองค์ 8
ในเมื่อ ชีวิตที่มีแต่อนาคตนั้นต้องเป็นไปด้วยอำนาจของ กิเลสวัฏ กรรมวัฎ และวิบากวัฎ อันมีตัณหาเป็นตัวนำทางเดินของเรา เราจึงควรจะต้องเลือกทางของเราเอง คือ ทางสายใหม่
แม้ชีวิตของเราทำอะไรไม่ได้มาก หรือ ทำอะไรไม่ได้หมด แต่ก็ขอให้เราเดินอยู่บนทาง ถึงจะหลงไปบ้าง แต่อย่าเสียทาง
เขียนมายาว ก็อยากจะฝากไว้ตรงที่ว่า เราควรจะเดินอยู่บน “ทาง” ถึงจะหลงทางบ้าง แต่อย่าเสียทางนั้นไป คือ….เมื่อเกิดมาเป็นชาวพุทธ นับถือพุทธศาสนาแล้ว หลักของพระพุทธศาสนาสอนให้เราเป็นคนดี มีความรู้อันถูกต้อง เป็นคนรู้จักคุณธรรม ศีลธรรม รู้จักอภัย รู้จักเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิต และที่สำคัญ คือ รู้จักชีวิตของตนเองให้ดีว่า ชีวิตนั้นมีแต่ความไม่เที่ยง เป็นทุกข์และบังคับบัญชาไม่ได้
|