แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย พี่ดอกแก้ว เมื่อ 2023-12-19 14:07
พระอาทิตย์ขึ้นแล้วตก แล้วก็ขึ้นตกไปซ้ำๆกับแบบนี้ตลอดมา จนกระทั่งวันเวลาผ่านไปๆ ใกล้จะหมดลงอีกปีหนึ่งแล้ว
ชีวิตของแต่ละคนก็เช่นกัน อยู่กับความจำเจในอารมณ์มาตลอดทุกวี่ทุกวัน พอใจ กับ ไม่พอใจ ผลัดกันมาครอบครองใจตน ซึ่งยากที่จะกำหนดรู้ได้เลย ว่านั่นคือกิเลส เพราะเราต่างสนองอารมณ์เหล่านั้นอย่างจริงจังจนมาถึงวันนี้
พ่อไม่เคยคิดจะสอนธรรมะลูกๆอีกเลย เพราะลูกนั้นต่างเป็นนักธรรมะกันทั้งนั้น รู้หมด อะไรคือคือจิต อะไรคือเจตสิก รู้กระทั่งถ้าจิตชนิดนี้เกิด มีเจตสิกเข้าร่วมกับจิตกี่ดวง ชนิดไหนบ้างเป็นต้น จึงไม่จำเป็นเลยที่จะต้องสอนอีก เพียงแต่อยากมาถามว่่า " นี่วันนี้ลูกรู้หรือยังว่า มีอะไรเกิดขึ้นกับตนเองบ้าง ? " ถ้าให้เขียนตอบมาทีละคน คงต้องเอานภามาเป็นกระดาษ (ยืมคำนี้มาใช้หน่อย) เพราะคงสาธยายเรื่องราวกันมามากมาย ตามความคิด ตามความจำกันแน่นอน
แต่ถ้าหากลูกได้ใช้ชีวิต ตามครรลองครองธรรม หรือจะใช้อีกคำว่า มีธรรมเป็นเครื่องคุ้มครองชีวิตแล้ว คำตอบจะเหมือนกันหมดทั่วถ้วน ไม่เสียเวลานึกย้อนไปในอดีตแล้วเอามาเล่าตอบพ่อ คำตอบที่สั้นๆแต่เป็นสัจจธรรม ที่พระพุทธองค์ทรงประกาศไว้ ให้แต่ละคนไปตั้งใจดูชีวิต ให้ประจักษ์แจ้งต่อจิตตนนั่นก็คือ " มีทุกข์เท่านั้นที่เกิดขึ้น มีทุกข์เท่านั้นที่ตั้งอยู่ มีทุกข์เท่านั้นที่ดับไป " นี่ละคือคำตอบที่พ่อถามว่า..นี่วันนี้ลูกรู้หรือยังว่า มีอะไรเกิดขึ้นกับตนเองบ้าง ?
|