การวางดอกไม้จัดครั้งสุดท้ายได้เริ่มขึ้นด้วยมือของพระภิกษุ ผู้เป็นสหายสนิทของหลวงพ่อ
เปลวเพลิงค่อยๆเริ่มเผาไหม้ดอกไม้จันที่ถูกวางลงไปแต่ละดอก แต่ละคนที่เดินเข้ามาล้วนอยู่ในอาการโศกสลด บางคนถึงกับหลั่งน้ำตาเป็นเส้นสาย
โดยเฉพาะอาจารย์บุษกรนั้นนอกจากจะปรากฏคราบน้ำตาบนใบหน้าแล้ว
ดวงตายังแดงช้ำตัดกับใบหน้าที่ซีดเซียวจนเห็นได้ชัด
เมื่อดอกไม้จันดอกสุดท้ายได้ถูกวางลงแล้ว เจ้าหน้าที่ประจำเมรุได้ปิดฝาเตาเผาจนสนิทพร้อมกับเร่งไฟไปตามกระบวนการ
บัดนี้ พิธีการทางศาสนาได้สำเร็จสมบูรณ์แล้ว แต่พิธีแสดงความกตัญญูกตเวทิตาคุณของพวกเรายังไม่สิ้นสุดลงแค่นั้น
อาจารย์บุษกร ได้เรียกลูกศิษย์ทุกคนเข้ามารวมกันในบริเวณลานปูนด้านข้างเมรุซึ่งมองเห็นเตาเผาศพได้อย่างชัดเจน
อาจารย์บอกว่า ความโศกเศร้าที่เกิดขึ้นในวันนี้มีมากมาย เพราะเราต้องสูญเสียครูบาอาจารย์ผู้มีความรู้ความสามารถไปอย่างไม่มีวันกลับ
บอกตรงๆว่า การจัดงานในวันนี้ไม่เคยคิดไว้ว่าจะมีอุปสรรคใดๆ เพราะเชื่อมั่นว่า ด้วยอำนาจแห่งคุณงามความดีที่หลวงพ่อได้ทำมาจะเป็นสิ่งที่มาคุ้มครองให้
และเห็นถึงคุณค่าของพระธรรมขึ้นจริงๆอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน และเชื่อในคำว่า “ธรรมย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม”
เพราะหลวงพ่อไม่เคยแจกเครื่องรางของขลังให้ลูกศิษย์ แต่หลวงพ่อแจกจ่ายธรรม
และในวันนี้ ธรรมที่หลวงพ่อได้แจกจ่ายไปทำให้ลูกศิษย์ทั้งหลายเดินทางกลับมาร่วมงานอย่างล้นหลามจนประจักษ์แก่สายตาของทุกคนแล้ว
นี่แหละที่เป็นบทพิสูจน์ว่า “นรชาติวางวาย มลายสิ้นทั้งอินทรีย์ สถิตทั่วแต่ชั่วดี ประดับไว้ในโลกา” …
วัดศรีประวัติแห่งนี้ เป็นแผ่นดินที่หลวงพ่อได้สร้างคุณงามความดีให้เกิดขึ้นนานาประการ
ท่านเป็นเจ้าของที่นี่ เพราะฉะนั้นพวกเราทุกคนจะจรดศีรษะกราบแนบไปบนพื้นนี้เพื่อบูชาหลวงพ่อพร้อมกัน
|