พระสารีบุตรเป็นแบบอย่างของผู้ที่ความกตัญญูอย่างสูงเยี่ยมเพราะไม่เพียงจะระลึกถึงคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บิดามารดาและพระอัสสชิเถระ ท่านยังระลึกถึงคุณของราธะพราหมณ์ที่เคยใส่บาตรเพียงข้าว 1 ทัพพี ความกตัญญูกตเวทิตานี้เป็นที่ทราบดีกว่าเป็นเครื่องหมายของคนดีและเป็นมงคลชีวิตหลวงพ่อท่านจึงสอนมิให้ลืมบุญคุณหรือลบหลู่บุญคุณใคร และก็สอนให้ไม่ยึดมั่นในพันธะของบุญคุณจนเสียกุศลต้องรู้ในคุณที่ผู้อื่นกระทำไว้แต่ไม่ผูกติดกับบุคคลนั้นๆ เพราะความดีก็ไม่เที่ยงในกาลใดที่ผู้มีคุณแก่เราได้ทำไม่ดีหรือทำผิดพลั้งก็อาจทำให้เกิดการจาบจ้วงดูหมิ่นลบหลู่บุญคุณท่านขึ้นมาได้
ความกตัญญูต่อบิดามารดาเป็นหลักการสำคัญที่หลวงพ่อท่านสอนให้ลูกๆตระหนักถึงการเสียสละความสุขส่วนตัวอดหลับอดนอนมาเลี้ยงดูป้อนข้าวป้อนน้ำกี่วันกี่เดือนกี่ปีที่พ่อแม่ทำแบบนั้น วันนี้ได้กราบเท้าท่านหรือยัง? ได้สวมกอดท่านบ้างหรือยัง?ข้าวปลาอาหารความเป็นอยู่เป็นสิ่งสำคัญแก่ร่างกายแต่ยาใจเป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับพ่อแม่ ท่านจึงให้ลูกศิษย์บางคนที่นำพ่อแม่มาเรียนธรรมะด้วยออกมาที่หน้าชั้นเรียนทั้งพ่อแม่และให้ผู้เป็นลูกกราบที่เท้ากอด และบอกรัก ส่วนผู้ที่มีพ่อแม่อยู่ที่บ้านท่านก็ให้กลับไปทำกิจกรรมนั้นที่บ้าน...ท่านได้เริ่มต้น “ครั้งแรก” ของการบอกรักพ่อแม่ให้แก่ลูกๆเพื่อให้แต่ละคนมีครั้งที่สอง สาม สี่ และครั้งต่อๆไปด้วยตนเอง ซึ่งเป็นการแสดงกตเวทิตาคุณและสร้างบรรยากาศแห่งความสุขให้กับพ่อแม่เสมอ
และสำหรับกับครูอาจารย์หรือผู้มีอุปการคุณอื่นๆก็ต้องพิจารณาหากิจกรรมแสดงความกตเวทีมีมุทิตาจิตต่อท่านเหล่านั้นอย่างเหมาะสมหากช่วยเหลือแบ่งเบาภาระของท่านได้ก็ให้ตั้งใจทำหากช่วยเหลืออะไรไม่ได้ก็ไม่ควรเพิ่มภาระให้แก่ท่านทั้งทางกายและทางใจ และให้ตั้งใจทำความดีที่ตนเองต่อไปเพราะเมื่อทำดีที่ตนก็เท่ากับช่วยให้คนอื่นลดการถูกเบียดเบียนลงได้.
อย่าลืะว่า ไม่มีใครช่วยเราได้ หากเราไม่ช่วยตนเอง
อย่ามัวรอความหวัง และรางวัลของชีวิตโดยไม่คิดจะทำ


|