ลืมรหัสผ่าน
 ลงทะเบียน
ค้นหา
ดู: 108|ตอบกลับ: 2

อยู่อย่างปลอดภัยในร่มเงาเสือพิทักษ์ (11)

[คัดลอกลิงก์]

317

กระทู้

185

ตอบกลับ

9781

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

เครดิต
9781

กราบ 2.png




เคยเล่ามาแล้วว่า ช่วงเข้าพรรษาของแต่ละปีหลวงพ่อท่านจะมีภารกิจพิเศษให้ลูกศิษย์รับไปฝึกสติและขัดเกลานิสัย ปีแรกๆก็จะมีเสียงโอดโอยระงมที่จะต้องทำภารกิจเหล่านั้น แต่ปีต่อๆ มาก็จะคอยลุ้นกันว่าจะมีภารกิจอะไรในปีนี้  โดยส่วนใหญ่แล้วท่านก็จะให้ทำภารกิจเพื่อขัดเกลาความติดใจในรสชาติของอาหารซึ่งความพึงพอใจในรสต่าง ๆนั้นนอกจากจะเป็นกิเลสทำให้เกิดความทุกข์ที่ไม่ได้ลิ้มรสชาติที่ต้องการเพราะความยึดมั่นแล้ว ยังเป็นวงจรสำคัญที่ขับเคลื่อนให้เกิดการกระทำกรรมอีกมากมายเพื่อแสวงในรสที่ต้องการ


มนุษย์อย่างพวกเราโดยปกติรับประทานอาหารวันละ 3มื้อ ท่านจึงขอให้มื้อกลางวัน 1 มื้อเป็นมื้อที่ “กินเพื่อแก้ทุกข์ไม่ใช่กินเพื่อแก้อยาก” เพราะอร่อยหรือไม่อร่อยก็อิ่มได้เหมือนกันคำข้าวคำน้ำที่ร่างกายต้องการนี้ไม่ต้องมีป้ายของเชลล์มาชวนให้ชิม หรือแม่ช้อยก็ไม่ต้องร่ายรำ   แต่ควรเป็นคำข้าวที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย  โดยอาหารที่แต่ละคนได้รับโจทย์ไปมักจะเป็นอาหารที่ไม่ชอบรับประทานอยู่เป็นทุนเดิมในบางปีให้รับประทานข้าวหมูแดง บางปีก็เป็นข้าวผัดไข่ใส่หมูใส่ไก่ บางปีก็เป็นราดหน้าผัดซีอิ๊วก๋วยเตี๋ยวน้ำ โดยอาหารเหล่านั้นไม่อนุญาตให้เติมเครื่องปรุงใดๆ  


มื้อแรกๆ ก็เป็นไปอย่างลำบากหน่อยต้องใช้กำลังใจอย่างมากในการฝืนกิเลส บางรายถึงขนาดพะอืดพะอมเมื่อเห็นอาหารแต่เมื่อผ่านไปสักระยะพอรับมือไหวแล้วการรับประทานอาหารกลางวันก็ดำเนินไปอย่างปกติ เพราะเริ่มเข้าสู่โหมด“กินเพื่อแก้ทุกข์ ไม่ได้กินเพื่อแก้อยาก อร่อยหรือไม่อร่อย อิ่มได้เหมือนกัน”



317

กระทู้

185

ตอบกลับ

9781

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

เครดิต
9781
 เจ้าของ| โพสต์ 2025-8-1 10:41:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด

การฝึกรับประทานเพื่อละกิเลสเพียง 1มื้อสามารถช่วยให้ชีวิตเป็นไปอย่างสะดวกสบายได้หลายอย่าง ทั้งไม่ต้องคิดสรรหาเมนูไม่ต้องออกไปตระเวนกินไกลๆ ไม่ต้องขับรถให้เปลืองน้ำมันหรือเสี่ยงต่ออุบัติเหตุไม่ต้องคอยคิวนานหรือแย่งโต๊ะอาหารหรือหงุดหงิดที่มีผู้มาแซงคิวหรือรับคิวตกไป  

การฝึกรับประทานอาหารในแต่ละพรรษาส่งผลต่อมื้ออาหารภายหลังออกพรรษาอย่างมากมาย บางคนกลายเป็นคนกินง่ายอยู่ง่ายไม่พร่ำบ่นทุรนทุรายเพื่อจะออกไปสรรหารสชาติสนองกิเลส ในบางคราวที่มีฝนตกฟ้าร้องน้ำท่วมก็ใช้ชีวิตอยู่ง่ายในแต่ละมื้อหรือถ้ามีเหตุที่ต้องรับประทานอาหารระหว่างเดินทางก็สามารถรับประทานได้ง่ายแม้อาหารจะมีรสชาติจืดสนิทไม่มีเครื่องปรุงรสใดๆ  

ภารกิจอาหารกลางวันเข้าพรรษาเป็นภารกิจที่ให้ประโยชน์ทั้งทางโลกและทางธรรม ที่นอกจากจะประหยัดค่าใช้จ่ายแล้วยังส่งผลให้เลี้ยงชีวิตง่ายลดการตำหนิติติงในฝีมือแม่ครัวพ่อครัว รู้ประมาณและมีความสันโดษในการบริโภค ลดการกระทำกรรมที่เป็นไปเพื่อความทะยานอยากอย่างรุนแรง   ปูทางไปสู่การเป็นผู้ขอด้วยความสงบ คือ“ภิกษุ”  และในระหว่างการรับประทานอาหารเพื่อแก้ทุกข์โดยเฉพาะอาหารที่ไม่ชอบหรือไม่ถูกปากก็จะทำให้พิจารณาการรับรสของอาหารได้ชัดเจน รู้ได้ชัดว่า จืด เค็ม เปรี้ยว เผ็ดหวาน มัน .. ซึ่งปกติแล้วจะรู้เป็นภาพรวมว่า อร่อยกับไม่อร่อยและก็ดำเนินการสนองกิเลสในทันทีด้วยการเติมเครื่องปรุงหรือเครื่องเคียง

317

กระทู้

185

ตอบกลับ

9781

เครดิต

ผู้ดูแลพิเศษ

เครดิต
9781
 เจ้าของ| โพสต์ 2025-8-1 10:49:49 | ดูโพสต์ทั้งหมด

เราดิ้นรนจากความชังไปสู่ความชอบอยู่เสมอซึ่งในความมีสติปัญญาแล้วเราไม่จำเป็นต้องดิ้นรนอะไร เพียงแค่รู้เฉยๆในสภาพธรรมชาตินั้นโดยไม่ต้องตอบสนองด้วยโทสะกิเลสและโลภะกิเลสไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรสชาติ หรือรูป กลิ่น เสียง สัมผัสใดๆแต่ถ้าหากได้รับสิ่งนั้นแล้ว ท่านก็ให้พิจารณาก่อนว่ามีความทุกข์เกิดขึ้นหรือไม่และความทุกข์นั้นเกิดขึ้นเพราะกิเลสหรือเปล่า ก่อนที่จะแก้ไขความทุกข์เหล่านั้น โดยเฉพาะการแก้ไขอย่างขาดสติหรือทุจริต

การเจริญสติในอาหารมื้อกลางวันมื้อในช่วงเข้าพรรษาส่งผลต่อการเป็นคนเลี้ยงชีวิตง่ายและการเจริญสติด้วยการใช้มื้อข้างที่ไม่ถนัดจับช้อนเพื่อตักอาหารเข้าปากที่ทำเป็นประจำในชมรมละกิเลส  การถูกกำหนดให้เคี้ยวจนละเอียดก่อนกลืนหรือเคี้ยวอย่างน้อย 40 ครั้งต่อคำส่งผลต่อความสำรวมในอิริยาบถไม่ตะกรุมตะกรามในการรับประทานอาหารที่ชอบและมีระบบย่อยอาหารที่ดี

การมีโอกาสดูกิเลสจากการกินหรือรับประทานเป็นอะไรที่ทำให้เกิดความภาคภูมิใจในพัฒนาการของการวิรัติตนเองที่สามารถปล่อยวางความกระหายในรสชาติลงได้ซึ่งเป็นชัยชนะของชีวิตในช่วงเวลาหนึ่ง ทั้งยังเป็นการงดเว้นเฉพาะหน้าเกี่ยวกับการปรุงรส  และการงดเว้นคือรักษาสัจจะวาจาในการปฏิบัติภารกิจให้ได้ตลอดพรรษา  นอกจากนี้ยังเป็นบทพิสูจน์เล็กๆ น้อยๆ  ของคำว่า  “คนจะล่วงทุกข์ได้ด้วยความเพียร”   ก็เพราะเรามีความเพียรที่จะฝืนกิเลสไม่เลือกอาหารที่ไม่ชอบและไม่ตอบสนองกิเลสด้วยการปรุงรสชาติที่ถูกปาก จึงลดความทุกข์ของการกระหายในรสชาติลงได้.



ได้นำเรื่องเก่ามาเล่าเตือนใจกันว่า ยามนั้นเรามีผู้ดูแลเรา สั่งสอนเราทุกๆอย่าง
ให้เป็นผู้มีระเบียบในเรือนใจ ทำอะไรอย่างรอบรู้รอบคอบ
มาบัดนี้ยามที่เราต้องใช้ชีวิตเอง ยังมีความชำนาญในการใช้ชีวิตที่ดีที่รอบคอบนั้นอยู่หรือเปล่า
อย่าปล่อยชีวิตลอยละร่องไปตามกระแสกิเลสมากไปกว่านี้เลย
บทความนี้อาจเป็นกุญแจอีกดอกที่ไขประตูชีวิตให้เปิดออกจากความคุ้นเคยที่ไม่ดีได้บ้างนะคะ






ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ข้อความล้วน|อุปกรณ์พกพา|ประวัติการแบน|อภิธรรมออนไลน์

GMT+7, 2025-8-17 21:09 , Processed in 0.083946 second(s), 23 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.9

© 2001-2025 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้