ชีวิตภายหลังความตายไม่ได้กลายเป็นขี้เถ้า
สัตว์ทั้งหลายล้วนเกิดมาเพื่อตายมิใช่หรือ
และชีวิตที่ตายไปโดยเฉพาะมนุษย์นั้นญาติพี่น้องต่างก็ร้องไห้ครวญหาและอำลากันด้วยการประชุมเพลิง
นั่นหมายถึงการยุติการเห็นกันอีกต่อไปในโลกแห่งความเป็นจริง คงเหลือแต่เถ้าถ่านและเศษกระดูกที่ไร้ค่าปล่อยให้การเวลานำพาความทรงจำและความเศร้าโศกมลายหายไปตามกาล สิ้นสุดแล้วละครชีวิตที่กรรมลิขิตสร้าง คงเหลือแต่กรรมที่สร้างเป็นอนุสรณ์ที่ว่า
นรชาติติวางวาย
มลายสิ้นทั้งอินทรีย์
สถิตย์ทั่วแต่ชั่วดี
ประดับไว้ในโลกา
แต่คนบางคนนอกจากจะสร้างความดีเป็นเครื่องตีตราตนไว้แล้ว ก่อนจะสิ้นชีวิตลงกรรมดียังคงปรากฏเป็นนิมิต ให้ชีวิตมีคติกรรมนำชีวีสู่ภพภูมิที่สูงและสวยด้วยกรรมสร้าง นี่เป็นสิ่งที่ไม่ตายเปล่ากลายเป็นขี้เถ้าที่เขาไม่สนใจ กลับจะนำชีวิตที่ถูกกรรมลิขิตสร้างสว่างไปในภพภูมิ ซึ่งสามารถเจริญประโยชน์ตนต่อได้ดั่งความมุ่งหมายของคนดี ดังที่เราได้เคยรับรู้จากพระพุทธประวัติ “เรื่องความหลัง” ที่คุณวศินได้รจนาขึ้นเป็นรูปเล่มและเต็มไปด้วยอรรถรสที่ชวนติดตาม…
อยากจะตายได้ดีมีความสุข
ต้องคอยปลุกใจตื่นจากตัณหา
ไม่ทำกรรมชั่วต่ำตลอดเวลา
สติปัญญาตามติดใกล้ชิดใจ
อยากจะตายไม่เป็นเถ้าถูกเผาทิ้ง
ต้องหยุดนิ่งสร้างกรรมชั่วมัวเหลว
ปฎิบัติไตรสิขาทุกคราไป
ตราบสิ้นลมหายใจได้ดีเอย.
ด้วยความปรารถนาดีค่ะ
บุษกร เมธางกูร.
|