. เพราะฉะนั้นดีของเรา กับ ดีของธรรมะ เป็นคนละอย่าง
ดีของเราคือความรู้สึกเป็นสุข แต่จริงๆ แล้วคือ อกุศล เพราะว่าขณะนั้นเป็นสภาพที่ติดข้อง เพราะฉะนั้นจะเห็นได้จริงๆว่า ถ้าไม่ศึกษาธรรมะ จะเข้าใจธรรมะผิดๆ
อย่างเวลาที่เราสบายใจ ไปนั่งสมาธิ เราก็คิดว่า ขณะนั้นเป็นกุศลแล้ว โดยที่ไม่รู้ว่าขณะนั้นมีโลภะ แล้วก็มีโมหะ มีความไม่รู้และมีความติดข้อง …ถ้าศึกษาธรรมะแล้ว จะทำให้เข้าใจชัดเจนขึ้นว่า..ขณะที่เป็นกุศล ต้องไม่มีโลภะ โทสะ โมหะ แล้วเป็นไปในขณะไหนบ้าง ….
วันนี้กุศล..หรือ...อกุศลมาก ? ผู้ที่เข้าใจดีคือถูกตรง เป็นสัมมาทิฏฐิ จะได้สาระในพระธรรมมาก และก่อให้เกิดประโยชน์ในการสร้างบารมีธรรม คืออำนาจเหนือกิเลสทั้งหลายได้ถูก …….เป็นต้น
นอกจากนี้ท่านจะพยายามชี้ให้เห็นการมีโชคที่ยิ่งใหญ่ของเราที่ไม่เพียงแค่เป็นพุทธศาสนิกชนเท่านั้น แต่ยังได้รู้หนทางเดินที่พระอรหันต์ทั้งหลายได้เดินผ่านมาแล้ว แต่ทว่าพวกเราต่างยังไม่นำโชคนั้นมาทำให้มีดีที่ตนเอง ท่านจึงพยายามโน้มน้าวจิตใจลูกๆ ทุกวิถีทาง เป็นต้นว่า…
…พยายามแจกแจงเพื่อให้พวกเรารู้สึกกลัวการมีชีวิตว่า….
เราต่างก็มีชีวิตกันมานานนับภพชาติไม่ได้เลย
เราต่างมีชีวิตตั้งอยู่บนความทุกข์กันมานาน..นับภพชาติไม่ได้เลย
เราต่างก็หลงไหลในเรื่องไร้สาระ เหนื่อย หนัก และถูกหน่วงด้วยความโง่เขลากันมานาน .นับภพชาติไม่ได้เลย
… อีกทั้งยังปลอบประโลมด้วยคำพูดต่างๆ นานา
….วันไหนเวลาใดที่ ลูกๆจะเชื่อฟังและทำจริงๆจัง ไม่ใช่เชื่อและเพียงรักพ่อ
เชื่อและ...พร้อมจะตามมากับสิ่งที่ พ่อชวนลูกๆเสมอจริงๆละก้อ.....พ่อจะมีความสุขใจมากเลยลูกพ่อ
พ่ออยู่ใกล้ลูกตลอดเวลา ไม่เคยทิ้ง แต่ลูกจงอย่าทิ้งคำสอนของพ่อ
ขอให้ลูกทุกคนบรรลุธรรมอันเป็นเครื่องรู้ …เป็นลูกที่ประเสริฐ …เป็นลูกที่สืบทอดทายาทพุทธศาสนา ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ขอให้ลูกของพ่อทุกคน เป็นผู้บุกเบิกทางชีวิตของตนเองได้...... คือทางที่ตรงต่อ มรรค ผล นิพพาน
ขอให้ลูกทุกคนเป็นผู้มีขันติ …อดทน อดกลั้น ต่อความยากลำบาก …อดทนต่อสิ่งที่มากระทบ …อดทนต่ออารมณ์ทุกสิ่งทุกอย่างได้ สมเจตนาที่พ่อต้องการ นั่นคือ..... พ่อต้องการให้ลูกของพ่อทุกคนเป็น “พระอรหันต์” พ่อไม่ต้องการให้เป็นอย่างอื่นเลย และขอให้เป็นพระอรหันต์ได้โดยไวทุกๆคน.
|