ลืมรหัสผ่าน
 ลงทะเบียน
ค้นหา
ดู: 769|ตอบกลับ: 0

คนเป็นกะเทยได้อย่างไร (ตอนที่๑)

[คัดลอกลิงก์]

92

กระทู้

9

ตอบกลับ

2528

เครดิต

ผู้ดูแลระบบ

เครดิต
2528

คนเป็นกะเทยได้อย่างไร

โดย. ท่านอาจารย์บุญมี เมธางกูร


จับนกด้วยมือในท้องฟ้า จับปลาด้วยมือในมหาสมุทร

ปัจจุบันนี้ วิทยาการทางโลกมีความเจริญรุ่งเรืองเป็นอันมาก ทั้งนี้ก็ด้วยฝีมือ คือความคิดอันเปรื่องปราดของบรรดานักวิทยาศาสตร์ และของนักวิชาการผู้ยิ่งใหญ่ในสาขาวิชาการต่างๆ ทั้งหลาย

เขาเหล่านั้นได้ช่วยกันผลิตสร้างสิ่งต่างๆ ขึ้นมาในโลกนี้มากมายให้ชาวโลกได้ใช้สอย ให้ได้รับความรู้ ให้ได้รับความสะดวกสบาย และก่อให้เกิดความอัศจรรย์ใจ เพราะมากทีเดียวที่ไม่น่าเลยว่าจะเป็นไปได้

เขาทั้งหลายสามารถขุดลงไปในดิน ดำลงไปในน้ำและไปท่องอยู่ได้ในอวกาศ ทำให้ชาวโลกพากันพิศวงสงสัยว่ามันเป็นไปได้อย่างไรกัน

และเขาทั้งหลายสามารถทำอาวุธมหาประลัย ทำลายล้างกันได้เหมือนกับฟ้าถล่ม แผ่นดินทะลาย และกว้างไกลจนสุดที่จะอธิบายได้ สามารถจะฆ่าคนให้ตายได้ครั้งละเป็นสิบหรือร้อยล้านคนโดยรวดเร็วจนเกือบจะว่าในชั่วพริบตา


น่าสรรเสริญความมีปัญญาในทางโลกทางวิทยาศาสตร์ของท่านนักวิชาการผู้ชาญฉลาดทั้งหลาย ที่ได้อุตส่าห์ฝ่าฟันอุปสรรคขวากหนามมาด้วยความแสนยากยิ่งจากในอดีตที่แสนนานมาจนถึงกาลปัจจุบัน จนก่อให้เกิดความสำเร็จอย่างใหญ่หลวง สู่สายตาของชาวโลกมากมายจนสุดที่จะพรรณนาได้
เขาเหล่านั้นได้ให้ความรู้ความฉลาด ที่ประกอบไปด้วยเหตุผลและข้อเท็จจริงสารพัดอย่างแก่ชาวโลก และให้มามากจนบรรดาชาวโลกทั้งหลายมีความเฉลียวฉลาด แล้วไม่ตกอยู่ในความหลงใหลงมงาย ทั้งผลิตผลที่บรรดาท่านนักวิชาการค้นคว้ามาได้ก็มีมากมายอย่างเหลือเกิน และความรู้สารพัดอย่างที่ท่านนักวิชาการได้มอบให้ก็กว้างไกลออกไปจนเหลือที่จะประมาณได้ไปเรื่อยๆ ในสากลจักรวาล จึงเป็นเรื่องที่น่าสรรเสริญเป็นอย่างยิ่ง

แต่ก็น่าอัศจรรย์ใจอย่างเหลือเกินเหมือนกัน เพราะสิ่งที่อยู่ใกล้ๆ หรืออยู่ชิดติดกับมันทุกวันทุกคืน แล้วก็สำคัญมากที่สุดเสียด้วยหาได้ทราบไม่ นั่นก็คือ เขายังไม่ทราบเลยว่า "ตัวเองนั้นคือใคร ตัวเองนั้นมาจากไหน และเกิดขึ้นมาเป็นตัวของเขาเองได้อย่างไร หรือว่ามีผู้ใดดลบันดาลให้เกิดขึ้นมาได้"

เป็นเรื่องที่เขาทั้งหลายค้นคว้าหาความจริง กันมานานแสนนาน นานจนถึงบัดนี้ ก็ยังหาคำอธิบายไม่ได้ จึงใช้แต่พฤติกรรมเท่านั้นว่าชีวิตเป็นธรรมชาติที่กินได้ ถ่ายได้ เจริญเติบโตได้ สืบพันธุ์ได้ ฯลฯ และจิตใจเล่าก็ได้แก่ธรรมชาติที่สนองตอบสิ่งที่มาเร้าได้

เขาทั้งหลายทราบหยาบๆ เพียงว่า เซลล์ของบิดามารดานั้นผลิตชีวิตจิตใจขึ้นมาได้อย่างแน่นอน แต่เซลล์ของบิดามารดาซึ่งเป็นสสารและพลังงานแม้จะวิวัฒนาการมานานแสนนานอย่างไร ก็จะเห็น ได้ยิน คิดนึก และรู้จักดีรู้จักชั่ว จะเป็นไปได้หรือ เขาไม่สามารถทราบเรื่องของชีวิตจิตใจ ว่ามันเกิดขึ้นมาได้ด้วยเหตุผลอะไร แล้วมันทำงานกันวิจิตรพิสดารประการใด แม้แต่คำว่า สัญชาตญาณ ก็อธิบายได้แต่เพียงว่า มันติดมาตั้งแต่เกิด ยังไม่ทราบเลยว่า สัญชาตญาณนั้นคืออะไร มันเกิดขึ้นมาจากไหน แล้วมันทำงานกันอย่างไร ในขณะที่แสดงออก เช่น เด็กที่คลอดออกมาจากครรภ์ของมารดาแล้วร้องแว้ๆ ได้

เมื่อไม่ทราบเรื่องของชีวิตจิตใจเสียแล้ว หนทางเดินที่ดีที่สุดที่ชีวิตควรจะเดินไป เขาจะทราบได้อย่างไรเล่า

เรื่องจิตเรื่องวิญญาณ เรื่องการตายแล้วเกิดได้ เรื่องกรรมและผลของกรรมซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างที่สุด เป็นเรื่องที่พ้นวิสัยที่ผู้ใดจะเข้าใจได้ เพราะใช่วิสัยของปุถุชนผู้มีกิเลสทั้งหลาย

อย่างไรก็ดี เรื่องการตายแล้วเกิดได้หรือชีวิตภายหลังความตายนั้นแม้ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ยิ่งก็ตาม แต่ก็เป็นเรื่องเล็กสำหรับผู้ที่มีความใส่ใจใคร่ที่จะศึกษาและศึกษาได้จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้โดยศึกษาจากพระอภิธรรมปิฎก ซึ่งเป็นวิทนาศาสตร์ที่ว่าด้วยเรื่องของชีวิตจิตใจ ผู้ศึกษาจะได้เหตุผลข้อเท็จจริง และบทพิสูจน์พร้อมบริบูรณ์

แต่ละคน ต่างก็เพียรพยายามอย่างสุดกำลังที่จะหลีกหนีทุกข์เพื่อหวังจะได้เข้าไปถึงความสุขอันสถาพร แต่มนุษย์ผู้เบาปัญญา หาได้ทราบไม่ว่า ความพยายามโดยขาดความรู้ในเรื่องของชีวิตจิตใจนั้นก็เท่ากับหาความทุกข์ให้แก่ตนเองอยู่ตลอดเวลา เพราะถูกอำนาจมืดที่มาจากแดนสนธยาแฝงฝังอยู่ภายในจิตใจ และมองเห็นมันได้แสนยากยิ่ง ได้ถูกมันชี้นิ้วบงการ ให้เกิดเหตุการณ์อันแสนเลวร้ายให้แก่ชีวิตของตน ตัวการนั้นก็คือ

โลภะ = ตัวการที่อุดหนุนให้แสดงออกซึ่งความยินดีติดใจในอารมณ์ต่างๆ ทั้ง ๖ ทวาร และเป็นความอยากได้ที่ไม่รู้จักพอ เพราะมันฝังอย่างมั่นคงอยู่ในสันดาน

มานะ = ตัวการที่อุดหนุนให้แสดงออกซึ่งความยกตัว ถือตัว ว่าเหนือกว่าคนอื่น อวดดี อวดเก่ง อวดสวย อวดราย ฯลฯ

ทิฏฐิ = ตัวการที่อุดหนุนให้แสดงออกซึ่งความเห็นผิดในเรื่องของชีวิตจิตใจ เช่น เห็นว่าตายแล้วสูญ เป็นต้น

กิเลส คือ ตัวการที่ก่อให้เกิดความเศร้าหมองเร่าร้อนที่หลบหน้าซ่อนตาอย่างมิดชิด โดยติดมากับจิตใจ (ไม่ใช่มันสมอง) ของตนเอง แต่ก็หาได้ทราบไม่ว่ามันมาจากไหน และด้วยเหตุผลประการใด

เมื่อเช่นนี้แล้วเขาทั้งหลายจะหนีความทุกข์ไปได้อย่างไรเล่า เพราะเขาได้ตกเป็นข้าช่วงใช้ของโลภะ ทิฏฐิ มานะ อยู่ตลอดเวลา ก็หาได้ทราบเลยแม้แต่น้อยว่าโลภะ มานะ และทิฏฐินั้นมันมาจากไหน มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร เขาไม่ทราบดอกว่า มันเป็นตัวการมารร้ายที่ติดจิตใจมาจากชาติในๆเข้าไป บิดามารดาก็มิได้เคยสอนให้ และสายโลหิตของบิดามารดาถ่ายทอดต่อๆ มาให้ก็เป็นไปไม่ได้ ดังนั้น เขาจึงกระทำทุกสิ่งทุกประการไปตามที่เจ้านาย โลภะ มานะ ทิฏฐิ ใช้ให้ทำ แม้จะผิดหรือถูก จะบาปหรือบุญประการใดก็ตาม ด้วยเหตุนี้จึงหนีความทุกข์ไปไม่ได้ เพราะต้องแก้ปัญหาอยู่ตลอดเวลา และทุกข์ใหญ่หลวงที่สุดไม่มีทุกข์ใดเทียบเท่าได้ ก็คือการที่จะต้องเกิดใหม่และเกิดใหม่ต่อๆไป แล้วการแก้ปัญหาให้แก่ชีวิตจะสิ้นสุดลงไปได้อย่างไร เพราะโลภะ มานะ ทิฏฐิ มีอยู่ภายในจิตใจเป็นตัวการทำให้ต้องเกิดใหม่ และเกิดใหม่ต่อๆ ไป
เป็นการยากนักหนา ที่จะให้มนุษย์ผู้มีกิเลสหนาสามารถรู้จักตัวของตัวเอง แล้วมองเห็นหัวหน้าที่เป็นพญามารตัวการที่ร้ายกาจที่สุดที่อุดหนุนให้ชีวิตสร้างอำนาจ (ความสามารถพิเศษ) ทำให้ชีวิตต้องเกิดใหม่อยู่ตลอดเวลามานานแสนนาน ทั้งนี้ก็เพราะขาดปัญญาซึ่งมีจำนวน ๓๙ ประเภท (โลกียปัญญา)ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมอบปัญญาเอาไว้ให้ ด้วยหวังจะให้มนุษย์และเทวดาทั้งหลายไม่ตกอยู่ในความประมาท

แต่มีบางคนอวดดื้อถือดีว่าเป็นคนฉลาดเหนือชั้นกว่าใครๆ โจมตีการเวียนว่ายตายเกิดว่าเป็นความคิดของคนหัวโบราณที่คร่ำครึล้าสมัย ตายแล้วจะไปเกิดได้อย่างไร แล้วจะเอาอะไรไปเกิดได้ มันสมองต่างหากเล่าเป็นจิตใจ สมองมันสั่งให้เห็น ได้ยิน กิน หรือถ่าย มันสมองมันจะสั่งให้นั่งหรือนอนก็ได้ มันสมองมันสั่งให้หัวใจเต้น ให้ปอดทำงานฟอกโลหิต แล้วให้กระเพาะอาหารเคลื่อนไหว

น่าอัศจรรย์เหลือเกิน มันสมองมันช่างเก่งเหลือหลาย ไม่มีอะไรจะสู้มันได้ เพราะมันเป็นรูปแท้ๆ แต่มันสั่งให้เกิดโลภะ มานะ และทิฏฐิ ได้อย่างสบาย ด้วยหวังว่าจะให้ชีวิตทั้งหลายเป็นไปตามยถากรรม เปรียบเหมือนอยู่ในเรือน้อยที่ลอยอยู่ท่ามกลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาล มองไม่เห็นหนทางว่าจะช่วยตัวเองได้อย่างไร

เขาได้เพียรพยายาม ที่จะเอามันสมองมาเป็นจิตใจ เขาได้เพียรพยายาม ที่จะให้มันสมองซึ่งเป็นสสารและพลังงาน รู้อะไรๆแล้วสั่งให้ร่างกายทำงานได้สารพัดอย่าง และเขาได้เพียรพยายามยัดเยียดให้มันสมองมันมีโลภะ มานะ ทิฏฐิ ขึ้นมาเพื่อจะอวดว่ามันเก่งกาจเหลือใจ

แต่ถึงอย่างไร เขาทั้งหลายก็ไม่สามารถที่จะอธิบายได้ว่าสมองซึ่งเป็นสสารมันทำงานกันอย่างไร โลภะ มานะ ทิฏฐิ มันซ่อนอยู่ที่ตรงไหน

แน่นอน ถ้ามันสมองเป็นจิตใจคือตัวรู้อารมณ์เสียแล้ว ตายลงไปเมื่อใด จะมีชีวิตขึ้นมาใหม่ได้อย่างไร มันก็จะถูกเผาเป็นเถ้าถ่านหรือถูกฝังกลายเป็นดินไป การเวียนว่ายตายเกิดก็กลายเป็นเรื่องเพ้อฝันและล้าสมัย

ถ้ามันสมองเป็นจิตใจจริงๆ พระพุทธศาสนาจะอยู่ไปไม่ได้ เพราะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้วางหลักการเอาไว้ว่า จิตหรือวิญญาณเป็นธรรมชาติที่รู้อารมณ์ ส่วนรูปคือ สสารและพลังงานจะรู้อารมณ์ไม่ได้เลยเป็นอันขาด แม้จะวิวัฒนาการมานานแสนนานสักเท่าใดก็ตาม

เพราะเหตุที่สอนกันไปทั่วโลกว่า มันสมองเป็นจิตใจ ดังนี้เอง โลภะ มานะ ทิฏฐิ จึงได้อุดหนุนให้แสดงออกซึ่งความเห็นแก่ตัวอย่างน่าหวั่นไหวหวาดกลัวอย่างเหลือเกิน เพราะต่างก็หวังจะให้ตนเองรอดและปลอดภัย หวังที่จะได้โดยมิได้มีความยับยั้งชั่งใจ บาปทั้งหลายแม้จะหนักหนาประการใดก็กล้าทำได้ ต่างก็ช่วงชิงผลประโยชน์ เบียดเบียนซึ่งกันเป็นการใหญ่ ต่างก็ยกตัวอวดตัวว่ามีอาวุธมหาประลัยร้ายกาจเหนือชั้นกว่าใครๆ โลกจึงได้ปั่นป่วนวุ่นวาย และแน่นอน จะรบราฆ่าฟันกันตายไปตลอดเวลาอีกนานแสนนานเท่าใดก็ได้

เพราะความเบาปัญญาในปัญหาของชีวิตจิตใจใช่หรือไม่ที่จะทำให้โลกพินาศวอดวาย เพราะความอวดดื้อถือดีว่ามีปัญญาล้ำเลิศมิใช่หรือ จึงได้แสดงออกซึ่งความเห็นผิดว่าคนตายแล้วเกิดใหม่อีกไม่ได้ และเพราะความบ้าคลั่งในวัตถุใช่หรือไม่ จึงได้แสดงออกซึ่งความเห็นแก่ตัวเป็นการใหญ่ไปทั่วทั้งโลก แล้วจะให้เกิดสันติขึ้นมาได้อย่างไร

เขาทั้งหลายหาได้มีปัญญาทราบว่า การเกิดใหม่และเกิดใหม่ต่อๆ ไปนั้น มันก่อทุกข์โทษภัยร้ายกาจประการใด และมากครั้งทีเดียวที่การเกิดใหม่ต้องตกอยู่ภายใต้ความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส จนอธิบายออกมาเป็นถ้อยคำไม่ได้ เพราะเหตุอันเกิดจากความมักได้เห็นแก่ตัวมากมิได้เห็นใจผู้ใด จึงได้กล้าหาญชาญชัยทำบาปใหญ่ลงไปตามประสาของคนที่ขาดปัญญา

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นสัพพัญญู ได้มองเห็นทุกข์โทษภัยของสัตว์ทั้งหลายในแต่ละชาติๆ ที่เกิดขึ้นมา ด้วยพระมหากรุณา จึงได้เผยแพร่ความจริงอันยิ่งใหญ่ของเรื่องชีวิตจิตใจออกสู่ประชาชนตลอดเวลา ๔๕ พรรษา แม้จะถูกพวกเดียรถีร์ ผู้เบาปัญญาจะโจมดีประการใด พระองค์ก็หาได้มีความท้อถอยไม่ เพราะประโยชน์อันยิ่งใหญ่ที่ประชาชนจะได้รับนั้นมากมายเหลือหลายจนสุดที่จะประมาณได้

อย่างไรก็ดี เมื่อพระองค์ตรัสรู้ใหม่ๆ ก็ทรงท้อพระทัยอยู่เหมือนกัน เพราะเรื่องของชีวิตจิตใจนั้นยากที่ชาวโลกจะเข้าใจได้ง่ายๆ จึงคิดว่าจะไม่ขยายออกไป แต่เมื่อพระองค์ได้พิจารณาถึงดอกบัว ๔ เหล่าจึงได้เห็นว่า ดอกบัวที่โผล่พ้นน้ำก็มี ที่กำลังและจะโผล่พ้นน้ำในวันข้างหน้าก็มี สำหรับดอกบัวที่จมอยู่ในโคลนตมก็ต้องปล่อยให้เป็นอาหารแก่เต่าและปลาไป เพราะช่วยไม่ได้จริงๆ ทั้งนี้ก็ด้วยในอดีตของเขาขาดปัญญาในเรื่องของชีวิตจิตใจที่จะเข้ามาอุดหนุน จึงได้หันหลังให้ เปรียบเหมือนผู้ที่เขียนรูปเก่งมาตั้งแต่ยังเล็กๆ ก็เพราะในอดีตชาติเขาเคยฝึกฝนการเขียนรูปมามากแล้ว
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงว่า การเกิดนั้นเป็นความทุกข์ ถ้าไม่เกิดขึ้นมาเสียแล้วจะเอาความทุกข์ไปวางไว้ที่ไหน เพราะความทุกข์ทั้งหลายจะต้องวางอยู่บนชีวิตจิตใจ ด้วยเหตุนี้การเวียนว่ายตายเกิด จึงเป็นความทุกข์ที่น่ากลัวอย่างเหลือเกิน น่ากลัวที่สุดยิ่งกว่าทุกข์ใดๆ ด้วยจะต้องแก้ไขปัญหาให้แก่ตัวเองทุกชาติ ๆ ไป ไม่รู้จักจบสิ้นลงได้ พระองค์จึงได้ชี้หนทางที่จะพ้นทุกข์ได้เด็ดขาดแท้จริง และสิ้นเชิง คือไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไปตลอดกาลนิรันดร นั่นก็คือหนทางอันเอกซึ่งมีอยู่สายเดียวเท่านั้น เรียกว่า
"วิปัสสนากรรมฐาน"

ถ้าการเวียนว่ายตายเกิดไม่มี พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ไม่มี ความตรัสรู้ก็ไม่มีความหมาย และพระพุทธศาสนา ตลอดจนวัดวาอารามจะมีเอาไว้ทำไมให้เศรษฐกิจของชาติต้องเสียหายไปมากมาย สอนเพียงแต่ศีลธรรมจรรยา ครูบาอาจารย์ทั้งหลายเขาก็สอนกันได้

บัดนี้ปัญหาจึงอยู่ที่ว่า เมื่อการเวียนตายเกิดเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่สุดของชีวิตดังนี้แล้ว เราจะมีบทพิสูจน์ในเรื่องนี้บ้างไหม

แน่นอน บทพิสูจน์นั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้มอบให้ไว้มากมายทั้งในภาคทฤษฎีและในภาคปฏิบัติ รอคอยผู้ที่จะเข้ามาพิสูจน์อยู่เสมอ พระพุทธศาสนาเกรงอยู่คนเดียวเท่านั้น คือผู้ที่อวดดื้อถือดีว่ามีปัญญามากเหนือชั้นกว่าใครๆ ไม่กล้าเข้ามาพิสูจน์แล้วยังโจมตีหาว่าเป็นคนหัวโบราณคร่ำครึล้าสมัย เป็นไดโนเสาเป็นเต่าล้านปี

ท่านสาธุชนที่เคารพ ใครๆ ก็พากันสอนว่าให้ต่อสู้ชีวิตเราก็ได้ต่อสู้มาอย่างสุดกำลังสารพัดอย่าง สารพัดวิธี จนถึงบัดนี้มีอายุร่วม ๑๐๐ ปีแล้ว จึงขอถามว่า มีความสุขจริงๆ แล้วหรือ ไม่ต้องแก้ปัญหาให้แก่ชีวิตได้แล้วหรืออย่างไร ยิ่งอายุมากก็ยิ่งต้องแก้ปัญหามากหรือมิใช่

เราต้องกิน อยู่ หลับ นอน ต้องเคลื่อนไหวอิริยาบถไปมาอยู่เสมอ แม้แต่นอนหลับสนิทหัวใจก็ต้องเต้น ปอดกระเพาะอาหาร และลำไส้ก็ต้องเคลื่อนไหว เสียพลังงานไป เช้าขึ้นมาก็ต้องเติมพลังงานให้มันใหม่ ก็จำต้องออกแรงทั้งกาย ทั้งใจ เมื่อดังนี้แล้วจะว่าความเกิดไม่มีทุกข์ได้อย่างไร

ผู้ใดหนอลิขิตชีวิต ลิขิตขึ้นมาแล้วเหตุใดจึงให้ต้องแก้ปัญหาอยู่ทุกเวลานาที

ถ้าตายแล้วก็สูญไป เกิดใหม่อีกไม่ได้ ชีวิตทั้งหลายก็สบาย เพราะทนลำบากเอาเพียงไม่กี่สิบปีก็ตาย แต่ใครที่ไหนเล่ามาให้หลักประกันได้ว่าตายแล้วก็สูญไปเกิดใหม่ไม่ได้ แม้เห็น ได้ยินเท่านั้น ก็ยังอธิบายไม่ได้ว่ามันเกิดขึ้นมาด้วยเหตุผลประการใด

มีคนมิใช่น้อยกล้ากระทำบาปใหญ่ เพราะแน่ใจว่าผลของกรรมไม่มี แล้วตามไปให้ผลในชาติหน้าไม่ได้ จึงกล้าคดโกง คอรัปชั่น กล้าจี้ ปล้นข่มขืน และฆ่ากันตาย โดยมิได้สะดุ้งสะเทือนหวั่นไหว โดยเข้าใจว่า ตนเองนั้นมีกำไร แต่แท้จริงขาดทุนย่อยยับต่างหาก

การเวียนว่ายตายเกิดนั้นเป็นความจริงแท้แน่นอน และลงเกิดมีชีวิตขึ้นมาแล้วจะไม่ต้องแก้ทุกข์ก็ย่อมจะเป็นไปไม่ได้ ไม่ว่าจะเกิดเป็นอะไร พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็มิได้เร่งเร้าให้พาชีวิตไปสู่ความพ้นทุกข์ให้ได้ในชาตินี้เพราะถ้าปัญญาบารมีที่อบรมมาน้อยหรือมิได้อบรมมาเลยจากในอดีตชาติ อาจจะมีกำลังไม่เพียงพอที่จะมาสนับสนุน

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนว่า ความเกิดนั้นเป็นทุกข์ ซึ่งเป็นความจริงแท้แน่นอน พระองค์มิได้เพ่งเล็งไปในแง่ร้ายแต่เพ่งเล็งไปยังความจริง ทั้งก็มิได้ปรารถนาให้ท่านผู้ใดทุ่มโถมตัวลงไปสู่การปฏิบัติเพื่อให้พ้นไปเสียจากความทุกข์โดยเร็วในชาตินี้ หากแต่ขอให้ทำประโยชน์ในชาตินี้เพียงวันละเล็กละน้อยโดยศึกษาเล่าเรียนอ่าจากหนังสือ และฟังจากเทปบันทึกเสียงสร้างสมปัญญาบารมีให้ติดตามชีวิตไปชาติข้างหน้า

ท่านสาธุชนทั้งหลาย โลกนี้หรือโลกไหนๆ ย่อลงไปแล้วก็มีธรรมชาติอยู่ ๒ เท่านั้นเอง คือธรรมชาติที่ "รู้" ซึ่งได้แก่ จิตใจหรือวิญญาณ และธรรมชาติที่ "ไม่รู้" อันได้แก่รูป เรียกว่า สสารและพลังงาน ผู้ศึกษาเรียกรวมกันอย่างย่อๆ ว่า "นาม รูป"

ชีวิตก็มีธรรมชาติทั้งสองอย่างนี้ คือมีนามและรูป ชีวิตทั้งชีวิตย่อลงไปแล้วก็มีอยู่เพียงสองสิ่งนี้เท่านั้นจริงๆ แต่ถ้าต้องการความพิสดารก็จะต้องศึกษาจากพระอภิธรรมปิฎกกันเป็นปีๆ

ชีวิตนี้ก็คือนามและรูป แล้วนามและรูปก็ไม่เที่ยงแม้แน่นอน ย่อมผันแปรเปลี่ยนแปลงไปทุกๆ วินาที วันละนับครั้งไม่ได้ แล้วเราจะพึ่งพาอาศัยกับความไม่เที่ยงแท้แน่นอนจะได้อย่างไร ทรัพย์สินทั้งหลายหรือเงินทองข้าวของอะไรสารพัด อย่างที่เราแสนรักแสนห่วงที่ปรารถนาอยากได้ แล้วอยากจะให้ติดมือเอาไปก็ไม่มีหวังจะเอาไปได้เลยแม้แต่น้อยนิด เมื่อถึงแก่ความตาย เหมือนเราจับนกด้วยมือบนท้องฟ้า และจับปลาด้วยมือในมหาสมุทร ผลที่ได้ก็คือ "กำมือเปล่า"
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงว่า ให้ทานอะไรก็สู้ให้ทานธรรมอันเป็นปัญญาไม่ได้ แล้วท่านจะไม่สร้างสมปัญญาบารมีของท่าน โดยศึกษาแล้วช่วยกันเผยแพร่ปัญญานี้ออกไปให้แก่ญาติมิตรผู้ร่วมความทุกข์ทั้งหลายบ้างเลยทีเดียวหรือ ท่านจะไม่พยายามสร้างสมปัญญาที่สามารถติดตามชีวิตของท่านไปให้เป็นเพื่อนที่แสนดี เพื่อช่วยปกป้องคุ้มครองอันตรายมิให้ระหกระเหินเดินไปในทิศทางที่อาจจะขรุขระทุรกันดารในระหว่างการเดินทางอันแสนไกลบ้างทีเดียวหรือ

แน่นอน ท่านมีความรักใคร่ในชีวิตของท่านมากที่สุด เฝ้าทะนุถนอมอย่างสุดกำลัง แล้วเหตุไฉนเล่าจึงไม่หาหนทางเดินที่ดีที่สุดให้แก่ชีวิตของท่าน

ผมพยายามเคาะประตูบ้านของท่านหลายครั้ง แล้วร้องตะโกนเสนอต่อท่านด้วยเสียงอันดัง ถ้าท่านยังเฉยเสีย ผมก็จนใจ

ขอได้โปรดอย่าลืมว่า
ประมาทอะไรก็ไม่มีผลเสียหายร้ายแรงเท่ากับ ประมาทในเรื่องของชีวิตจิตใจ

เป็นหญิง หรือชายกันแน่ (หญิงหรือชายอยู่ที่ไหน)

ข้าพเจ้าตั้งบ้านเรือนอยู่ภายในเขตจังหวัดพระนคร แต่ออกไปชานเมือง ได้เห็นเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดมหัศจรรย์เรื่องหนึ่ง ซึ่งเกิดขึ้นไม่ห่างไกลกับบ้านของข้าพเจ้ามากนัก ชาวบ้านทั้งหลายต่างก็มีความประหลาดใจแกมความขบขัน ที่มีเหตุการณ์อย่างหนึ่งเกิดขึ้นมาภายในหมู่บ้านนี้ คำพูดจึงออกจากปากหนึ่งไปสู่อีกปากหนึ่งแล้วก็ต่อๆ ไป จนรู้กันทั่วทุกๆ บ้าน แต่ก็ไม่มีผู้ใดอธิบายได้ว่า มีเหตุผลอะไร และความจริงนั้นเป็นอย่างไร

จะไม่ให้ชาวบ้านแตกตื่นและพูดกันทั่วไปทั้งหมู่บ้านได้อย่างไร เพราะ เป็นผู้ชายแต่มีท้องขึ้นมาได้ แล้วก็คลอดลูก ออกมาได้ด้วย

ข้าพเจ้ารู้จักกันดีกับพ่อแม่ของหนุ่มน้อยคนหนึ่งชื่อบุญธรรม แม้ตัวของบุญธรรมเองข้าพเจ้าก็ได้สนทนาปราศรัยด้วยหลายครั้ง เป็นคนขยันขันแข็งมีนิสัยดีพูดจาเรียบร้อย แต่บางครั้งก็ให้สงสัยอยู่บ้าง เพราะเป็นคนรูปหล่อหน้าตาดูคล้ายผู้ชายมากเหลือเกิน แต่บางครั้งบางคราวก็แสดงซึ่งความเป็นผู้หญิงออกมา จนบางคนแอบไปนินทาโดยกระซิบกระซาบกันว่า "กะเทย"
ต่อมาก็มีครอบครัวหนึ่งมาเช่าบ้านอยู่ในหมู่บ้านนี้ แต่มีเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งรูปร่างดีชื่อมานิตย์ ที่ออกจะแปลกเพราะลักษณะท่าทาง ตลอดจนการพูดจาก็สังเกตได้ว่าเป็นหญิงแท้ๆ แต่บางครั้งบางคราวก็ทำตัวเหมือนผู้ชาย ดังนั้นใครๆ ก็ว่าเขาเป็นกะเทย ตกลงหมู่บ้านนี้มีคนที่ชาวบ้านว่าเป็นกะเทย ๒ คน

ต่อมาไม่ช้าคนทั้งสองก็สนิทสนมเป็นเพื่อนรักกัน ใครๆ ก็พากันพูดว่า ทั้งสองคนนี้รักกันมากเหลือเกิน เมื่อเห็นคนหนึ่งแล้ว ก็มักจะไม่แคล้วที่จะเห็นอีกคนหนึ่ง จนใครๆ พากันพูดว่าเขาจะไม่พรากจากกัน เขาทั้งสองกินด้วยกัน นอนด้วยกัน และเที่ยวด้วยกัน ใครๆ ก็พากันหัวเราะชอบใจเพราะหมู่บ้านนี้ก็ไม่ใช่จะใหญ่ แต่ก็มีกะเทยที่น่ารักได้ถึง ๒ คน หมู่บ้านไหนก็ไม่มีเหมือน

เรื่องราวมิได้จบลงเพียงเท่านี้ หากแต่ได้ทวีความเข้มข้นและขบขันให้แก่ชาวบ้านมากยิ่งขึ้น เพราะกะเทยทั้งสองคนจะแต่งงานกัน และเกี่ยงกันว่า ผู้ใดจะเป็นฝ่ายชายมาสู่ขอ เพราะคุณบุญธรรมที่อยู่หมู่บ้านนี้มาตั้งแต่เล็กน้อยนั้น รูปร่างสวยงามเหมือนผู้ชายแต่กิริยาท่าทางเหมือนผู้หญิง ส่วนกะเทยคนที่มาอยู่ใหม่ที่ชื่อมานิตย์นั้น รูปหล่อเหมือนกัน แต่การแสดงออกราวกับเป็นผู้หญิงทุกอย่าง พ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ทางฝ่ายบุญธรรมนั้น เข้าใจว่าลูกของตนเป็นหญิง ญาติทางฝ่ายมานิตย์จะต้องมาสู่ขอจึงจะได้ แต่พ่อแม่และญาติทางฝ่ายของมานิตย์ก็เถียงว่าลูกของตนเป็นหญิงต่างหาก ต้องให้ญาติทางฝ่ายบุญธรรมมาสู่ขอพร้อมด้วยสินสอดทองหมั้นจึงจะถูกต้อง

ด้วยเหตุนี้เอง การแต่งงานระหว่างกะเทยทั้งสองจึงตั้งต้นขึ้นไม่ได้

ฝ่ายบุญธรรมกับมานิตย์เห็นพ่อแม่และญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไม่ได้ ทั้งๆ ที่ใช้เวลาเนิ่นนานมาเป็นเดือน จึงได้พร้อมใจกันเสนอความคิดเห็นอันเป็นคำขาดของตนว่า ให้บุญธรรมเป็นฝ่ายชายไปสู่ขอมานิตย์ แต่ทางฝ่ายมานิตย์จะต้องเรียกสินสอดทองหมั้นเล็กน้อยพอเป็นพิธีเท่านั้น

นอกจากนี้ ทั้งสองยังยื่นคำขาดอีกด้วยว่า ถ้าผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายไม่ตกลงกันด้วยดีแล้ว เขาทั้งสองคนก็จะมาอยู่ด้วยกันเฉยๆ หรือไม่ก็จะหนีตามกันไปเสียเลย

ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็พากันตกใจ เพราะจะทำให้เสียหาย ทำให้เสียชื่อเสียง โดยจะถูกเล่าลือไปทั่วหมู่บ้าน จึงยอมจัดพิธีแต่งงานให้ถูกต้องตามประเพณี ดังนั้น พิธีแต่งงานจึงได้เริ่มขึ้นอย่างเอิกเกริก จนเสียงเล่าลือกันแซดออกไปทั่วหมู่บ้าน เพราะมีญาติมิตรที่มาร่วมในพิธีรดน้ำตามธรรมเนียมกันมากมาย โดยนายบุญธรรมเป็นเจ้าบ่าว และมานิตย์เป็นเจ้าสาว

เสียงลือเสียงเล่าอ้างยังผ่านไปไม่ได้ครบปี เหตุการณ์อันมิได้มีผู้ใดคาดฝันก็ได้เกิดขึ้น และเสียงนี้ได้ดังกระจายออกไป ไม่ใช่เพียงหมู่บ้านเท่านั้น หากแต่เล่าลือกันแซดไปทั้งตำบล เพราะคุณบุญธรรมที่เป็นฝ่ายเจ้าบ่าวแท้ๆ กลับเกิดตั้งท้องขึ้นมาเสียเอง ใครๆ ก็พากันพูดว่า เจ้าบ่าวมีท้อง ผู้ชายตั้งครรภ์ได้ ใครๆ พากันสังเกตว่าเจ้าบ่าวท้องใหญ่ขึ้นมาแทนเจ้าสาว ท้องก็ค่อยๆ โตทุกวันๆ เหตุใดผู้ชายจึงมีท้องได้ ต่างก็พากันวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นานา แล้วต่างก็พากันคอยและเร่งที่จะให้ถึงวันคลอดเสียเร็วๆ เพราะต่างก็พากันพนันขันต่อกันว่า เจ้าบ่าวที่มีท้องนั้นมีลูกในท้องจริงๆ หรือว่าเป็นท้องมานกันแน่

ก็เหมือนกับลูกโป่งที่แตกดังโพล๊ะ นั่นก็คือวันที่ข่าวใหญ่ได้กระจายแพร่สะพัดไปว่า บุญธรรมซึ่งเป็นเจ้าบ่าวนั้นคลอดลูกออกมาแล้วเป็นผู้ชาย

ใครๆ ได้ข่าวก็พากันมาเยี่ยม นอกจากคนในหมู่บ้านแล้วก็ยังมีคนนอกหมู่บ้านอีก จึงมีผู้มาเยี่ยมมากมายเป็นพิเศษ ทั้งนี้ก็เพื่อจะมาเยี่ยมเยียนตามธรรมเนียมแล้วก็หวังจะมาดูด้วยว่าผู้ชายคลอดลูกได้อย่างไร และลูกของกะเทยทั้งสองนั้น เป็นกะเทยด้วยหรือเปล่า แต่ใครๆ ก็พากันผิดหวังเพราะไม่ทราบว่ากะเทยนั้นคืออะไร
เรื่องนี้ อาจารย์เคยอธิบายว่า พระอภิธรรมนั้นเป็นวิทยาศาสตร์ ที่ว่าด้วยเรื่องของชีวิตจิตใจ ถ้าจะอธิบายให้เข้าใจได้ก็จะมีประโยชน์มากแก่ท่านสาธุชนทั้งหลาย ผมหวังว่าคงจะได้ฟังคำอธิบายในไม่ช้า

ท่านสาธุชนที่เคารพ เรื่องแปลกประหลาดน่าอัศจรรย์ใจ เรื่องที่เร้นลับลึกซึ้งอย่างที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ทั้งๆ ที่เกิดอยู่ไม่ห่างไกลนั้นมีมากมาย แต่ทว่ามันหลบหน้าซ่อนตาเสียอย่างมิดชิด จนไม่มีผู้ใดหรือใครในโลกนี้สามารถที่จะอธิบายว่า มันเกิดขึ้นมาได้ด้วยเหตุอะไร ทำไมจึงเป็นไปเช่นนั้นได้ แม้ว่ามันจะปรากฏอยู่ต่อหน้าต่อตาแล้วให้เวลามานับพัน นับหมื่นปีแล้วก็ตาม

สมัยนี้เป็นสมัยที่วิชาวิทยาศาสตร์เจริญรุ่งเรืองมาก มีความสามารถท่องเที่ยวอยู่ใต้มหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาล ท่องเที่ยวอยู่ในห้วงอวกาศที่ไกลแสนไกล แม้ไปเหยียบย่ำอยู่บนดวงจันทร์ซึ่งห่างจากโลกถึง ๒๓๐,๐๐๐ ไมล์ก็ทำได้ง่ายๆ และสามารถผลิตสิ่งที่น่าอัศจรรย์ใจได้มากมายจนนับจำนวนไม่ไหว ทั้งที่เป็นของใช้และอาวุธร้ายๆ ที่ใช้ทำลายล้างกันให้พินาศวอดวาย โดยไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าจะเป็นไปได้
แต่น่าอัศจรรย์เหลือเกิน ที่ค้นคว้าหาความจริงในวิทยาการต่างๆ ไปได้ไกลแสนไกลจนถึงนอกฟ้าป่าหิมพานต์ สามารถผลิตสร้างสิ่งที่มีประโยชน์แก่มนุษย์ได้สารพัดอย่าง แต่สิ่งที่เห็นๆ อยู่ต่อหน้าต่อตาแท้ๆ ซ้ำพูดกันอยู่เสมอๆ ตั้งแต่เล็กๆ มาจนเติบใหญ่ไปจนถึงวัยชรา แต่เหตุผลข้อเท็จจริงของสิ่งนั้นก็ยังอธิบายไม่ได้ เช่นเป็นต้นว่า ผู้หญิง ผู้ชายอยู่ที่ไหน มันเกิดเป็นผู้หญิงผู้ชายขึ้นมาได้ด้วยเหตุอะไร

เมื่อเช่นนี้แล้วจะทราบได้หรือว่า กะเทยคืออะไร กะเทยนั้นมันอยู่ที่ตรงไหน ที่ร่างกายหรือที่จิตใจหรือทั้งสองอย่าง แล้วเป็นกะเทยขึ้นมาได้อย่างไร แล้วแสดงพฤติกรรมผิดปกติ คือผิดกับคนทั้งหลายด้วยเหตุผลประการใด

ร่างกายที่เห็นๆ กันอยู่ต่อหน้าก็ค้นคว้าเข้าถึงมันไม่ได้อีกมากมาย ยิ่งจิตใจด้วยแล้วก็ยิ่งจะห่างไกลจนหมดปัญญาที่จะพูดว่ามันห่างไกลสักเท่าใด

เรื่องเร้นลับลึกซึ้ง ซึ่งนอนอยู่ก้นบึ้งของแดนสนธยานี้ ไม่มีผู้ใดใครที่ไหนในโลกนี้หรือในโลกไหน จะค้นคว้าหาความจริงออกมาได้ เพราะหาใช่วิสัยของผู้ที่มีกิเลสทั้งหลาย หากแต่จะต้องอาศัยสัพพัญญุตญาณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้พระองค์เดียวเท่านั้น

พระอภิธรรมปิฎกมีอยู่ ๔๒,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ มากเท่าพระสูตรกับพระวินัยรวมกัน พระอภิธรรมปิฎกนั้นว่าด้วยเรื่องของชีวิตจิตใจ ตีแผ่ชีวิตจิตใจที่ตื้นเขินและที่ลึกซึ้งสุดที่จะพรรณนาได้ออกมาให้ผู้ศึกษาได้ประจักษ์จนพ้นไปจากความสงสัย แม้ว่าชีวิตจิตใจนั้นแสนจะเร้นลับหรือลึกซึ้งประการใด ก็ขวางกั้นพระสัพพัญญูความตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ได้

ผู้ศึกษาพระอภิธรรมปิฎกมีความเข้าใจแล้ว ก็จะบังเกิดความตื่นเต้นไปกับเรื่องของชีวิตจิตใจ ที่น่าอัศจรรย์มากมาย จะบังเกิดความโสมนัสแจ่มใสเบิกบานใจ ความเร่าร้อนทั้งหลายก็จะค่อยๆ ลดลงไปตามความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ เพราะเกิดมีปัญญาในปัญหาของชีวิตจิตใจ แล้วยังได้เห็นหนทางที่ดีที่สุดว่าควรจะพาชีวิตอันเป็นที่รักยิ่งของตนเดินไปในทิศทางสายไหน

พระอภิธรรมปิฎกนั้นว่าด้วยเรื่องของชีวิตจิตใจ เต็มไปด้วยตัวเลขกำกับเอาไว้มากมาย ควบคุมเอาไว้เพื่อมิให้ผู้ใดพูดธรรมะเอาได้ตามชอบใจ เพื่อมิให้พระพุทธศาสนาล้มละลายไปโดยเร็ว เมื่อเป็นดังนี้แล้วจะให้ศึกษาได้ง่ายๆ จะได้หรือ แล้วจะไม่ให้ผู้ที่มิได้ศึกษากล่าวว่า "จิตใจอะไรกันมีตัวเลขมากมายเป็นร้อยเป็นพัน" จะทำอย่างไร

เขาหาได้มีความเข้าใจไม่ว่า จิตใจมีหนึ่งเท่านั้น(ทั้งยังไม่เที่ยงด้วย) แต่แยกเป็นประเภทต่างๆ ออกไปเหมือนคำว่า "บ้าน" ก็มีหนึ่งเท่านั้น แต่รูปแบบต่างๆ ของบ้านมีมากมาย แล่นรถไปตามถนนเราก็จะเห็นบ้านทรงไทย บ้านสมัยใหม่ต่างๆ นานา บ้านเล็ก บ้านใหญ่ แม้แต่บ้านที่เป็นกระท่อมอยู่กลางทุ่งนา


เขาหาได้เข้าใจไม่ว่า ปรามาณูนั้นเป็นภาษาบาลี พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้แสดงเอาไว้กว่า ๒๕๐๐ ปีมาแล้ว แต่นักวิทยาศาสตร์ได้ยืมเอาคำว่า "ปรมาณู"นี้ไปใช้ แม้คำว่า "อณู" ก็เหมือนกัน พระองค์ได้แสดงโดยแยกเม็ดข้าวเปลือกออกไปเป็นขั้นๆ จนถึง ๘๒ ล้าน ๓ แสนส่วนเศษ ต่อเม็ดข้าวเปลือกเม็ดหนึ่ง ร่างกายของผีสางเทวดาและพญานาค พญาครุฑ ก็มีร่างกายเป็นรูปปรมาณู

เรื่องของชีวิตจิตใจมีความยุ่งยากและสลับซับซ้อนดังนี้เอง ผู้ที่ไม่ยอมศึกษา หรือศึกษาเข้าไปไม่ไหวแม้จะเป็นพระภิกษุแต่ช่างพูดช่างเจรจา จึงได้กล้าหาญชาญชัยแสดงว่า การเวียนว่ายตายเกิดนั้นไม่เป็นความจริง เกิดเป็นผีสางเทวดาและสัตว์เดรัจฉานแปลกๆ เช่น พญาครุฑ พญานาค เป็นต้นนั้นเป็นศาสนาพราหมณ์

บางท่านบรรยายและปาฐกถาธรรมะมา ตั้งแต่หนุ่มจนแก่เฒ่า ไม่เคยพูดถึงเรื่องสำคัญอันเป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา คือการเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพภูมิต่างๆ และหนทางพ้นทุกข์ ซึ่งเป็นทุกข์อันยิ่งใหญ่ซึ่งก็ได้แก่การที่ต้องเวียนเกิดเวียนตาย ต้องแก้ปัญหาให้แก่ชีวิตให้จบสิ้นลงได้ในแต่ละชาติๆ ที่ผ่านไปๆ ท่านก็พูดแต่เรื่องสมาธิเท่านั้น แต่สมาธินั้นหาพ้นทุกข์ได้ไม่

เรื่องของ
กะเทย
นั้น เร้นลับพิสดารอย่างเหลือเกิน จะต้องศึกษาเรื่องของจิต เจตสิก เรื่องรูป คือสสารและพลังงานในพระพุทธศาสนา เรื่องกรรม อำนาจของกรรม และเรื่องการตายการเกิดใหม่ เพราะอดีตชาติไม่มีแล้ว ผู้หญิงหรือผู้ชายก็จะเกิดขึ้นมาหาได้ไม่ และชาติก่อนไม่มีแล้ว การเป็นกะเทยในรูปแบบต่างๆ ก็จะเป็นขึ้นมาไม่ได้เหมือนกัน

ด้วยเหตุที่กะเทยนั้นมิใช่เกิดจากต้นเหตุเพราะเอาเด็กหญิงหรือเด็กชายมาเลี้ยงรวมกันอบรมเพียงในชาติปัจจุบันนี้แล้วจะกลายเป็นกะเทยขึ้นมาได้ ตามที่คนส่วนมากมีความเข้าใจ

ในเรื่องนี้เป็นการบรรยายกะเทยในเรื่องทั่วๆไป และมีเรื่องจิต เจตสิก เรื่องกรรมที่ควรจะศึกษาเสียก่อน เรื่องการตายการเกิดใหม่เรื่องกรรมและอำนาจกรรมสามารถผันแปรรูปได้อย่างไรบ้าง ท่านก็จะได้ศึกษาต่อไป ท่านก็จะหายสงสัยในเรื่องการเกิดเป็นกะเทย และได้ปัญญาในอีกหลายแง่มุม

การบรรยายครั้งนี้ก็เพื่อให้ท่านได้มีความเข้าใจจะได้เป็นพื้นฐานรองรับในอิทธิปาฏิหาริย์ ท่านจะได้พบกับเหตุผลและข้อเท็จจริงว่า เป็นกะเทย ได้ด้วยเหตุผลประการใด และจะได้ทราบรูปแบบต่างๆ ของ การเป็นกะเทย ว่าเป็นไปได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจอย่างไร

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงว่า เหตุไม่มีแล้วผลจะเกิดขึ้นมาไม่ได้ แต่เหตุนั้นมีมากมายอย่างเหลือเกิน แล้วเกิดเหตุก็สลับซับซ้อน มิได้ตื้นเขินและมีเพียง ๒-๓ เหตุ ดังนั้น บางท่านที่ไม่ยอมศึกษาพระอภิธรรมหรือศึกษาเข้าไปไม่ไหวจึงกล่าวหาว่า พระอภิธรรมนั้นมิใช่พุทธพจน์ หากแต่เขาแต่งขึ้นมาภายหลัง

ผมพูดเรื่องนี้บ่อยๆ เพราะความเสียหายใหญ่หลวงเกิดขึ้นกับพระพุทธศาสนาและกับประชาชนอย่างใหญ่หลวงจริงๆ

ในพระอภิธรรมได้แสดงถึงเหตุที่จะทำให้ผลเกิดขึ้นมานั้นบางทีก็มีมากมาย เพียงแค่ "เห็นรูปได้" ก็มีเหตุตั้ง ๗๓ เหตุ มีทั้งเหตุชาติก่อนและเหตุในชาตินี้ ถ้าเหตุในชาติก่อนมิได้มีเข้ามาสนับสนุนแล้วการเห็นก็ไม่มีวันจะเกิดขึ้นมาได้อย่างแน่นอน โดยทำนองเดียวกันนี้เอง คนหรือสัตว์เดรัจฉาน หรือผีสางเทวดา(เทวดาชั้นต่ำ) ก็เป็นกะเทยได้นั้น ก็มีเหตุในชาติอดีตเข้ามาร่วมด้วยเหมือนกัน หาไม่แล้วจะเป็น กะเทย ขึ้นมาเองเพียงเหตุเกิดในชาตินี้เพียงเอาเด็กมาอยู่ร่วมกันก็ย่อมจะเป็นไปไม่ได้

ด้วยเหตุนี้ เมื่อเราต้องเวียนว่ายตายเกิดมาจนนับชาติไม่ไหว มิใช่หมื่นหรือแสนหรือล้านชาติแล้ว เราจะไม่เคยเป็นกะเทย บ้างเลยทีเดียวหรือ แม้พระอานนท์ซึ่งเป็นพุทธอุปฐากแล้วก็เป็นพระอรหันต์หลังจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรินิพพานแล้วไม่นาน ก็ได้เป็นกะเทยมาก่อนในชาติที่ย้อนหลังไปไม่ไกลนัก

ด้วยเหตุผลดังนี้เอง ผู้ที่ศึกษาพระอภิธรรมมามีความเข้าใจ ก็จะไม่หัวเราะเยาะเย้ยกะเทย ซึ่งแสดงพฤติกรรมทั้งหลายทั้งทางร่างกายและจิตใจผิดไปจากคนธรรมดาสามัญทั่วไป แต่กลับจะเห็นใจและมีความสงสารเขาเหล่านั้นแล้วหาหนทาง ที่จะช่วยเท่าที่จะช่วยได้ แล้วจะชี้แนะให้สร้างปัญญา ในปัญหาของชีวิตจิตใจ จะได้ไม่เดินทางซ้ำรอยเก่า ที่จะทำให้เศร้าเสียใจอย่างสุดแสนต่อไปในอนาคต


เขาจะหัวเราะเยาะเย้ยด้วยเห็นว่า เป็นเรื่องที่น่าขบขันได้อย่างไร เพราะได้ศึกษาพระอภิธรรมมีความเข้าใจแล้วก็จะทราบอย่างแน่นอนว่า ตัวเขาเองก็ได้เคยเป็นกะเทยมาแล้วไม่ทราบว่ากี่ครั้งกี่หนเหมือนกัน

สำหรับผู้ที่เป็นกะเทย เมื่อศึกษาได้เหตุได้ผลดีพอสมควรแล้ว เขาก็จะสบายผ่อนคลายทุกข์และความเร่าร้อนลงไปได้อย่างแน่นอน แล้วจะพยายามหาหนทางที่ดีที่สุดที่ชีวิตอันเป็นที่รักยิ่งควรจะเดินไป และผมหวังว่าท่านผู้มีปัญญาทั้งหลายคงจะไม่ท้อถอยในการที่จะศึกษาต่อๆไป ซึ่งผมจะขอยกตัวอย่างมาให้อ่านกันมากหน่อยหลายๆตัวอย่างดังต่อไปนี้

เสพสมบ่มิสม
(จากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่ ๒๗ มี.ค.๒๙)


เรียน คุณหมอนพพร ที่เคารพ

ดิฉันติดตามคอลัมน์ของคุณหมอมาเป็นเวลานานแล้ว นับว่าได้ทั้งประโยชน์และแนวทางปฏิบัติอย่างมาก ขอแสดงความนับถือและชื่นชมมาพร้อมๆ กัน ณ ที่นี้ด้วย ตั้งใจว่าจะเขียนมาถามปัญหาคุณหมอหลายหนแล้ว แต่ก็อ่านพบปัญหาคล้ายๆ กับที่เกิดขึ้นกับตัวเอง จึงไม่ต้องรบกวนคุณหมอ ที่เขียนมาครั้งนี้เป็นปัญหาที่มิได้เกิดขึ้นกับตัวเอง แต่เป็นปัญหาที่ดิฉันเห็นว่าเกิดขึ้นกับสังคมไทยปัจจุบันมากขึ้นทุกวัน จะขอเริ่มเรื่องเลย

ดิฉันมีน้องชายกำลังเรียนอยู่ในสถาบันรั้วของชาติ เราสนิทกันมาก มีปัญหาอะไรมักจะปรึกษาหารือสู่กันฟังเสมอ มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ดิฉันเห็นว่าน่าสนใจ และเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในเมืองไทยยุคปัจจุบัน ทั้งที่เปิดเผยและปิดบัง น้องชายดิฉันเล่าว่า เพื่อนร่วมสถาบันคนหนึ่งจากพฤติกรรมที่น้องชายสังเกต มักจะมีผู้ชายขับรถมารับ-ส่งเป็นประจำและมีความเป็นอยู่ดีขึ้นตามลำดับ มีรถยนต์ใช้ขับไปไหนมาไหน เพื่อนฝูงก็มักพบเพื่อนและชายคนที่มารับ-ส่ง อยู่ด้วยกันเสมอ

ในที่สุดก็ได้ความว่า เพื่อนร่วมสถาบันของน้องชายดิฉันคนนี้ มีนายแพทย์จากสถาบันรั้วของชาติมาติดใจ ดิฉันได้ฟังเรื่องนี้แล้วก็ได้แต่ปลงและรู้สึกเป็นห่วงประเทศชาติขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก นี่มันอะไรกันเมืองไทยจะเต็มไปด้วยคนประเภทจิตผิดปกติไปหมดแล้วหรือ ดิฉันชักไม่แน่ใจในหลักสูตรของสถาบันรั้วของชาติเสียแล้ว หากเรื่องนี้เกิดขึ้นกับบุคคลธรรมดาทั่วไป ดิฉันจะไม่รู้สึกห่วงแต่อย่างใด เพราะเรามักพบเห็นกันอยู่เป็นประจำ แม้กระทั่งถนนหนทาง แต่นี่เกิดกับบุคคลที่เป็นรั้วของชาติ แล้วประชาชนจะมีความมั่นใจต่อรั้วของชาติได้อย่างไร ดิฉันจึงใคร่ขอถามคุณหมอดังนี้

๑. การคัดเลือกบุคคลเข้าเป็นแพทย์ทหารมีการพิจารณาด้วยหรือไม่ว่า บุคคลใดมีจิตผิดปกติทางเพศก่อนหรือไม่ ทั้งนี้ดิฉันเห็นว่าผู้ที่จะเป็นแพทย์ควรเป็นชาย ๑๐๐% เนื่องจากเขาเหล่านั้นจะต้องปฏิบัติหน้าที่ร่วมมือกับบุรุษเพศ ทั้งในยามสงบและยามสงครามมากกว่าบุคคลอื่น หากผู้มีจิตผิดปกติทางเพศปฏิบัติหน้าที่แพทย์ทหารแล้ว ดิฉันเห็นว่าอาจทำให้เกิดอันตรายอย่างมาก

๒. พฤติกรรมของบุรุษที่มีจิตใจผิดปกติทางเพศ มีทางรักษาให้หายหรือไม่ บุคคลเหล่านี้จะปฏิบัติทางเพศอย่างไร ตามที่ดิฉันเห็นมีแต่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะมีพฤติกรรมไปทางสตรี แต่ตามที่ดิฉันยกตัวอย่างมานี้ บุคคลทั้ง ๒ มีสภาพเป็นชาย ๑๐๐% ครบตามเกณฑ์ของการเป็นรั้วของชาติ ดิฉันจึงสงสัยว่าเขาจะมีความสุขกันอย่างไร

๓. หากคุณหมอเป็นพ่อแม่ของผู้ที่มีความผิดปกติทางเพศเช่นนี้ คุณหมอจะมีหนทางแก้ไขปัญหาอย่างไร เพื่อให้ลูกชายของคุณหมอกลับมามีจิตใจปกติเช่นบุรุษทั่วไป

ดิฉันขอรบกวนคุณหมอเพียงแค่นี้ หวังว่าคุณหมอคงจะตอบปัญหาให้ดิฉันหายข้องใจ ดิฉันเข้าใจว่าคงมีอีกหลายคนที่อยากทราบถึงปัญหาเช่นนี้ และต้องการความสว่างจากคำแนะนำของคุณหมออย่างแน่นอน

ด้วยความเคารพ
นิดาวรรณ

ตอบคุณนิดาวรรณ

ความจริงเรื่องสภาพของการผิดปกติในจิตใจแบบรักร่วมเพศ (Homosexuality) ทั้งของผู้ชายและผู้หญิงนี้เป็นกามวิปริตที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติของผู้นั้น ซึ่งยังไม่มีใครทราบสาเหตุที่แน่นอน เป็นแต่คิดกันว่าการเลี้ยงดูอบรมในวัยเยาว์อาจไม่ถูกต้อง และเด็กอาจเกิดความไม่อบอุ่นใจในพ่อแม่ของแกเพียงพอ

เช่น พ่อขาดความเอาใจใส่ต่อครอบครัว กินเหล้าเมายา เล่นการพนัน และก้าวร้าวต่อแม่มาก ลูกชายจึงกลับไปรักและสงสารแม่ ยึดถือเอาอย่างในความดีและความเป็นผู้หญิงของแม่เป็นหลักจนแลดูเห็นเหมือนผู้หญิงไป แต่อย่างไรก็ตาม ผู้ชายที่มีจิตใจรักเพศเดียวกันก็ไม่มีประวัติขาดความรัก ความอบอุ่นใจในวัยเด็กก็มีเยอะแยะ ฉะนั้น จึงไม่มีใครรู้สาเหตุที่แน่นอนของพวกโฮโมเซ็กช่วลเลย น่าจะโทษว่าพระเจ้าปั้นมาผิดเพศมากกว่า คือปั้นให้ร่างกายเป็นชายหรือหญิงสมบูรณ์ดีทุกอย่างแต่ใส่จิตใจผิดไปเท่านั้น

๑. การคัดเลือกบุคคลเข้าเป็นทหาร ไม่ว่าจะหน่วยไหน เป็นแพทย์หรือหน่วยรบ เขาตรวจแต่ความสมบูรณ์ของร่างกายอย่างเดียว ไม่มีทางจะทราบได้เลยว่าจิตใจของผู้นั้นเป็นอย่างไร ยกเว้นการเป็นโรคจิตจริงๆ บางอย่างเท่านั้นที่แพทย์หรือจิตแพทย์จะตรวจพบได้ คนที่มีจิตใจเป็นรักร่วมเพศแบบแอบจิต (Latenthomosexual) นั้น ไม่มีทางจะตรวจพบได้เลย ฉะนั้น จึงไม่มีใครจะทราบได้ อนึ่ง แม้ใครจะมีจิตใจแบบรักร่วมเพศบุคคลเหล่านั้นก็ไม่มีอันตรายอะไรเลย ตราบใดที่เขาไม่จุ้นจ้านและทำความรำคาญให้ใคร ตรงกันข้ามหลายรายอยากหายจากจิตใจเช่นนั้น เขาต้องคิดมาก มีความสับสนในจิตใจและไม่มีความสุขเลย น่าสงสารและเห็นใจเขามากกว่า

๒. ตามความเห็นและประสบการณ์ทางการแพทย์ของผม ผมไม่คิดว่าจะมีทางรักษาผู้มีจิตใจรักร่วมเพศที่แท้จริงให้หายได้เลย บุคคลเหล่านี้จะมีพฤติกรรมทางเพศกับเพศเดียวกัน โดยใช้วิธีทำมาสเตอร์เบชั่นให้กันและกัน เล้าโลมกัน ทำออรัลเซ็กซ์ให้กันจนถึงจุดสุดยอดเป็นส่วนมาก แต่การร่วมเพศกันทางทวารหนัก (Anal in tereourse) นั้นมีเป็นส่วนน้อย

๓. ยากครับ จะเรียกว่า เป็นกรรมของเด็กก็ได้ จิตแพทย์บางท่านบอกว่าในระยะแรกๆ หรือพวกที่เป็นไบเซ็กส์ช่วล อาจช่วยรักษาให้หายได้โดยการบำบัดทางจิต และให้มีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้หญิงไว้เรื่อยๆ ให้เขาเกิดอารมณ์จากการสัมผัสนั้น และสามารถร่วมเพศกับผู้หญิงได้บ่อยๆ ต่อไปเขาก็อาจจะเลิกคิดถึงเพศเดียวกันได้

แต่ในความเป็นจริงแล้วมันยากเหลือเกินที่จะให้คนรักเพศเดียวกันมีจิตใจและอารมณ์กับเพศตรงข้าม แม้จะเป็นลูกชายผมเอง ผมก็ยอมรับว่าเป็นการยากที่จะแก้ไขรักษาเขาได้ เขาจะต้องรับความจริงและเป็นสุขอยู่กับสังคมของพวกเขาโดยไม่ไปทำความเดือดร้อนอะไรให้คนอื่นๆ ในสังคมทั่วไป เขาก็คงเป็นพลเมืองดีทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศชาติได้เช่นเดียวกัน

นพ.นพร
ถ้าเกิดจับใบแดงได้ถูกรุมทึ้งแน่
สัสดีเตรียม ตร.คุมสถานการณ์แล้ว
(จากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๒๕)


ถ้าเกิดจับใบแดงได้ถูกรุมทึ้งแน่
สัสดีเตรียม ตร.คุมสถานการณ์แล้ว
(จากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ ๑ เมษายน ๒๕๒๕)
เทพีดอกไม้พลาสติกที่จะเข้ารับการคัดเลือกทหารเกณฑ์วันที่ ๑ เม.ย.๒๙ นี้ หายตัวไปลึกลับเสียแล้ว มารดาเผยลูกมีความวิตกกังวลว่าถ้าจับได้ใบแดงอาจถูกชายฉกรรจ์รุมทึ้งและคิดมากจนนอนไม่หลับก่อนหายตัวไป สัสดีอำเภอบอกมีชาวบ้านรู้ข่าวจะมีเทพีดอกไม้พลาสติกเข้ารับเลือกทหารเกณฑ์ต่างจะเหมารถมาชมโฉมเป็นประวัติการณ์

รายงานข่าวจากจังหวัดนครสวรรค์แจ้งมาเมื่อเช้าวานนี้ว่า น.ส....อายุ ๒๑ ปี หรือชื่อจริงว่านายอวยชัย.... เจ้าของตำแหน่งเทพีดอกไม้พลาสติกแสนสวย จากการประกวดสาวประเภทสองที่ นสพ.เสรีนครร่วมกับสหมิตรฟิล์มจัดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ และจะต้องเข้ารับการคัดเลือกทหารเกณฑ์ในปีนี้ด้วย ซึ่งครั้งแรกเธอได้เผยความรู้สึกหวั่นไหวว่ากลัวจะถูกชายฉกรรจ์รุมรังแกและมองด้วยสายตาประหลาดระหว่างถอดเสื้อผ้าตรวจร่างกายในวันคัดเลือกตามข่าวที่ไทยรัฐเสนอไปนั้น แต่บัดนี้เธอได้หายตัวไปอย่างลึกลับเสียแล้ว ทั้งๆที่วันนี้เป็นวันที่เธอจะต้องมารับคัดเลือกทหารเกณฑ์เยี่ยงชายฉกรรจ์ทั่วไป

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปที่ร้านเสริมสวยซึ่งเป็นผู้ให้ทุนเทพีคนนี้เรียนเสริมสวย หลังจากที่ได้รับตำแหน่งแล้วทางร้านบอกว่า เธอได้หายตัวไปหลายวันแล้วโดยไม่ทราบสาเหตุ ผู้สื่อข่าวจึงตามไปที่บ้านของเธอที่นครสวรรค์ พบกับนางกิมฮวยมารดาของเทพีคนนี้ ถามว่า ลูกได้กลับมาที่บ้านเหรือไม่ เมื่อทราบว่าผู้สื่อข่าวมาตามหาลูก นางกิมฮวยก็แสดงอาการตกใจบอกว่า ลูกไม่กลับบ้านหลายวันแล้ว ไม่ทราบว่าไปหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหน และนางกิมฮวยเผยว่ายิ่งใกล้วันคัดเลือกทหารเกณฑ์ลูกยิ่งคิดมากจนนอนไม่หลับ ก่อนหายตัวไปได้บ่นว่า ถ้าจับได้ใบแดงคงต้องถูกพวกผู้ชายรุมทึ้งแน่นอน เวลาเข้าไปอยู่ร่วมกัน และเธอกลัวว่าจะถูกมองเหมือนตัวประหลาด ด้วยเหตุนี้เองอาจทำให้ตัดสินใจหนีไปแล้วก็ได้ นางกิมฮวยมารดากล่าว

จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เข้าพบสัสดีอำเภอบรรพตพิสัย ได้รับการชี้แจงว่า วันที่ ๑ เม.ย.นี้ ได้ใช้ศาลาประชาคมเป็นสถานที่จัดพิธีคัดเลือกทหารเกณฑ์ คาดว่าจะมีญาติพี่น้องของชายฉกรรจ์ที่อยู่ในเกณฑ์มาให้กำลังใจกันเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ประชาชนส่วนหนึ่งต้องการมาชมโฉมของเทพีดอกไม้พลาสติกคนนี้ บอกว่าจะเหมารถมา

ดูกันเป็นประวัติการณ์ด้วย ซึ่งทางอำเภอได้ขอกำลังตำรวจมาช่วยดูแลความสงบเรียบร้อยแล้ว (หนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกันนี้ลงข่าวในวันต่อมาว่า วันเลือกทหารเกณฑ์แพทย์ได้ตรวจเป็นการส่วนตัว แล้วยืนยันว่ามิได้เป็นผู้ชายแท้ ดังนั้น จึงไม่ต้องเกณฑ์เป็นทหาร คนที่เตรียมมาดูเลยคอยเก้อไป)
เสพสมบ่มิสม
(จากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่ ๖ มี.ค.๒๘)


สวัสดีคุณหมอที่เคารพ

รู้สึกชื่นชมคอลัมน์ของคุณหมออย่างยิ่ง สารพัดปัญหาที่เข้ามาคุณหมอตอบได้อย่างกระจ่างแจ้งในด้านวิชาการ และไม่ได้ซ้ำเติมผู้ถามเลยเท่าที่สังเกต เมื่อประมาณ ๒ หรือ ๓ ปีที่แล้วคุณหมอได้เคยลงในคอลัมน์นี้บรรยายถึงส่วนต่างๆ ที่เป็นสรีระทางเพศ และในนั้นก็ได้กล่าวถึงว่าอวัยวะส่วนไหนคล้ายคลึงกับส่วนไหน และทำหน้าที่ใกล้เคียงกันได้อย่างไร ซึ่งได้อ่านแล้วก็เก็บเป็นความรู้ส่วนตัวมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะได้เพิ่มความกระจ่างให้กับชีวิตของตนเองเป็นอันมาก ผู้ถามเองเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างจะเป็นผู้หญิง แต่ไม่ถึงกับแต่งตัวเป็นผู้หญิงเพราะหน้าที่การงาน ในที่ทำงานก็ไม่มีปัญหาอะไรเพราะเป็นระดับปัญญาชนทั้งนั้น ทุกคนก็ช่วยประคับประคอง ตนเองก็ได้พยายามวางตัวดี สุภาพอ่อนโยน แต่ก็มีความเป็นผู้นำ

ในอดีตสมัยเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเคยวิเคราะห์ตนเองทั้งทางด้านจิตวิทยาและสังคมวิทยา แต่จนบัดนี้ก็รู้ว่าแก้ตนเองไม่ได้จริงๆ เพราะสมัยเด็กๆ ครอบครัวประสบเคราะห์กรรมพ่อเจ็บป่วยหนักต้องนอนอยู่กับที่แทบเอาชีวิตไม่รอดอยู่ ๓ ปี เป็นช่วงที่ตนเองเกิดได้เพียง ๓-๔ เดือน แม่ไม่ให้เข้าใกล้พ่อเลยตลอด ๓ ปี เพราะกลัวติดเชื้อโรค ก็เลยต้องมีชีวิตมาแบบนี้ และก็ตั้งแต่สมัยเรียนมาจนถึงเกือบเดี๋ยวนี้นั่นแหละที่ถูกผ่านมือเพศชายมาเป็นจำนวนมาก ซึ่งถ้ากล่าวเป็นตัวเลขก็ต้องตกใจ ส่วนใหญ่ผ่านไปเพียงผิวเผิน และในประสบการณ์เหล่านั้นก็พบว่า มีบางคนที่จริงใจและพอจะยอมรับเรา ในจำนวนนั้นมี ๓ คนที่เคยรู้สึกชอบและรักเขา
คนแรกความรู้ไม่สูง ทำอาชีพเปิดร้านขายเหล้าฝรั่ง แต่เขาไปอยู่ต่างจังหวัดเลยห่างเหินไปเอง คนที่ ๒ เป็นนักศึกษาวิทยาศาสตร์การแพทย์ ถึงกับอยู่ด้วยกันแต่ด้วยญาติพี่น้องเขามาวุ่นวาย และเป็นช่วงที่เขาไปอยู่โรงพยาบาลต่างจังหวัด เลยตัดสินใจเลิกกับเขาเอง คนที่ ๓ เป็นนายทหารรู้จักกันตั้งแต่เขาเรียนอยู่โรงเรียนนายร้อยชั้นปีที่ ๓ เคยเป็นนักรักบี้ รูปร่างหน้าตาดีมาก ใช้ทางสายกลางคบกันเป็นเพื่อนฝูง เหล้าเป็นเรื่องของเขา ตกลงกันว่าขอให้เราดีต่อกันเสมอต้นเสมอปลายเท่านั้น บุคคลที่ ๓ ก็อยู่ส่วนของเขาไม่ให้เอามาวุ่นวายกับเรา และเราก็จะไม่ไปวุ่นวายกับผู้หญิงของเขาด้วย

เขาเป็นคนดีพอสมควร แต่ฝ่ายผู้หญิงค่อนข้างจะวุ่นวายตามจับตามกำกับแทบทุกอย่าง เขาเคยพาเราทั้ง ๒ มาพบกัน ยิ่งเพิ่มความเข้มข้นให้ฝ่ายนั้นมากขึ้นไปอีก เขาจะพากันสนุกสนานเที่ยวกันเป็นส่วนใหญ่ และเมื่อเขาจบไปประจำต่างจังหวัด ฝ่ายนั้นก็ตามไปอยู่รอเพื่อแต่งงานเลยทีเดียว โดยที่แฟนเขาไม่ทันตั้งหลักศึกษาหรือตั้งจุดมุ่งหมายในหน้าที่การงานในฐานะนายทหารใหม่เลย ด้วยความสุขและความฟุ้งเฟ้อที่ได้รับการหยิบยื่นให้ เขาทั้ง ๒ ประสบอุบัติเหตุรถยนต์เสียชีวิต และทำให้บุคคลอื่นต้องเสียชีวิตไปด้วย เสียดายที่ไม่ใช่ตายเพื่อชาติ เรามีการติดต่อกันตลอดมา แต่ด้วยที่ตนเองไม่ใช่ผู้หญิงจึงไม่สามารถเข้าไปอยู่ใกล้ชิดชี้แนะทางสติปัญญาให้ได้ จึงปล่อยให้เขาเอาชีวิตไปจบสิ้นด้วยความประมาทเช่นนั้น

เป็นสิ่งที่ผ่านไปแล้วก็จริง แต่เนื่องจากเป็นรายแรกที่จากกันด้วยชีวิต คิดถึงเขาทีไรจิตใจสะท้อนสะท้านจนตราบเท่าทุกวันนี้ คิดแล้วอยากจะแปลงเพศเพื่อจะได้ใช้ชีวิตที่ใกล้ชิดกับผู้ชายมากกว่าทุกวันนี้ถึงแม้คนไทยไม่ยอมรับ แต่คิดว่าคงสามารถหาชาวต่างประเทศที่มีน้ำใจได้ เมื่อเร็วๆนี้มีข่าวหนังสือพิมพ์พักหนึ่ง แต่ยอมรับจริงๆ ว่าตนเองตกเป็นข่าวเพราะไม่ได้อ่าน ถ้าตั้งหลักได้แล้วสักวันจะต้องไปผ่าตัดที่อังกฤษหรือโมร็อกโก อยากจะขอเรียนถามคุณหมอดังนี้

๑. ปกติผู้ที่แปลงเพศจะต้องฉีดฮอร์โมนตลอดชีวิต จะมีอันตรายหรือไม่ เพราะเคยฉีดอยู่เหมือนกัน มีอาการเหมือนคนฉีดวัคซีนช่วง ๒-๓ วันแรก เหมือนเป็นไข้ ปวดหัว หัวใจเต้นแรง ผิวคล้ำ พอวันที่ ๗-๘ ถึงจะรู้สึกกินได้นอนหลับ ผิวสวยมาก

๒. มีคนที่ไปผ่าตัดมาจากอังกฤษบอกว่าหมอต้องใช้ตัดลำไส้บางส่วนออกมาทำช่องเพศทำให้ใช้การได้ดี ไม่ทราบว่าลำไส้ส่วนไหนที่พอจะเอาออกมาทำอย่างนี้ได้

๓. การเสริมหน้าอกสมัยนี้ที่ใช้ถุงบรรจุน้ำเกลือใส่เข้าไปนานปีเข้าจะมีอันตรายหรือไม่ เห็นเพื่อนทำมาสวยกว่าของผู้หญิงทั่วไปมากเหมือนกาวเซ็กส์ในแม็กกาซีนฝรั่งเลยทีเดียว

๔. บางคนที่แปลงเพศแล้วมีการตัดคอหอยด้วย การตัดอย่างนี้มีอันตรายหรือไม่ จะตัดออกได้มากน้อยเพียงไร

๕. ในต่างประเทศ เช่น เยอรมัน ฝรั่งเศส และสหรัฐฯ คนที่แปลงเพศแล้วสามารถมีสามีที่ดีอยู่กินกันได้ กฎหมายก็ยอมรับแสดงว่าฝรั่งเขามีความคิดพื้นฐานเกี่ยวกับเพศอย่างไร ทำไมคนไทยแทบหาไม่ได้เลย


๖. เท่าที่ผ่านมาผู้ชาย ๙๕% มีอารมณ์โดยที่ไม่ต้องปลุกเขา ทั้งๆ ที่เขาเป็นผู้ชายจริงๆ ที่ชอบผู้หญิงมากๆ แสดงว่าความรู้สึกทางเพศอาศัยปัจจัยอื่นด้วยใช่ไหม ตนเองคัดค้านเอามากๆ ที่คนมักจะเข้าใจว่าเขาพวกนี้เป็นเกย์หรือไม่

๗. การถูกร่วมเพศด้านหลังซึ่งพบทั้งศึกเบาศึกหนักขนาด ๗" รอบวง ๖" ก็เคย คนไทยนี่แหละคุณหมอ แต่กล้ามเนื้อส่วนนั้นก็คงเหมือนเดิม ถ้าเจออย่างนี้บ่อยๆ จะมีอันตรายถึงเป็นอัมพาตหรือไตบวมหรือไม่

ทุกวันนี้พยายามทำใจอยู่คนเดีว แต่อย่างไรก็ตามขอความกรุณาคุณหมอช่วยตอบโดยเร็วด้วยเพราะผู้ถามอาจไปต่างประเทศ ขอให้คุณหมอประสบความสำเร็จก้าวหน้าตลอดไป

ด้วยความเคารพ
ผู้รอคำตอบ


ตอบ คนมีปัญหา

คุณได้เล่าปัญหาชีวิตของคุณเกี่ยวกับการแต่งงานกับสามีที่เป็นเกย์ประเภทไบเซ็กช่วล ซึ่งผมได้พบคนไข้ผู้หญิงหลายรายแล้วที่ประสบปัญหาแบบเดียวกับคุณ คือมีแต่ความอับอายชาวบ้านและเป็นทุกข์ เพราะไม่ได้รับความสุขทางเพศจากสามีเท่าที่ควร

เพราะผู้มีจิตใจรักร่วมเพสแบบนี้จะสนใจต่อเพศเดียวกันมากกว่าภรรยาของตน ทำให้ภรรยาต้องหวานอมขมกลืนเพราะไม่สามารถจะไปเหนี่ยวรั้งใจเขาได้ ยิ่งถ้ามีลูกด้วยกันแล้วยิ่งทุกข์หนัก เพราะสงสารลูก ถ้าจะหย่าร้างก็กลัวลูกจะขาดความอบอุ่นใจ เนื่องจากขาดพ่อ มันเป็นเรื่องน่าสงสารและน่าเห็นใจฝ่ายหญิงเป็นอย่างมาก

ผู้ชายที่เป็นเกย์ขนานแท้เขาจะไม่ยอมแต่งงานกับผู้หญิงเป็นอันขาด แต่พวกเป็นครึ่งๆ กลางๆ เช่น พวกไบเซ็กช่วลมักพยายามกลบเกลื่อนปมด้อยของตนด้วยการแต่งงานเพื่อตบตาสังคมและแสดงตัวว่าเป็นชายโดยสมบูรณ์ สามารถมีเมียและลูกได้ แต่แม้จริงแล้วเขาชอบมั่วกับเพศเดียวกันมากกว่า และจิตใจประการหลังนี้ได้แสดงอกหนักกว่าจนภรรยาจับได้ในที่สุด เพราะเสียงครหานินทาจากชาวบ้านและการพบเห็นด้วยตนเอง ภรรยาจึงมีแต่ความทุกข์ระทมใจ นับว่าฝ่ายชายได้กระทำบาปให้แก่เธอและลูกที่เกิดมาอย่างยิ่ง
ในกรณีของคุณ ถ้ายังไม่มีลูกด้วยกัน แม้จะรักเขาสักเพียงไหนก็ควรตัดสินใจให้เด็ดขาด เลิกกับเขาเสียดีกว่า อย่าไปกลัวความอับอายชาวบ้าน ในกรณีต้องหย่าร้างกัน เพราะสามีภรรยาที่เลิกร้างต่อกันนั้นเป็นเรื่องธรรมดา ทุกคู่ย่อมมีเหตุผลของตนเองทั้งสิ้น ไม่ใช่เรื่องต้องอับอายอะไร ชาวบ้านไม่เกี่ยว แต่การต้องทนอยู่ด้วยกันด้วยความไม่เป็นสุข แถมยังอับอายคำครหานินทาของชาวบ้านว่ามีสามีเป็นเกย์นั้นคุณคิดดูซิว่าอย่างไหนน่าอับอายมากกว่ากัน

ผมแน่ใจว่าน้ำหนักของการชอบเพศเดียวกันของสามีคุณมีมากกว่าการชอบเพศตรงข้าม ฉะนั้นคุณควรพูดกับเขาตามตรง และขอร้องเขาให้หย่าให้คุณเสียเถิด จะได้ไม่ทรมานใจกันสืบต่อไป ขณะยังไม่ได้หย่ากันนี้คุณต้องคุมกำเนิดไว้ให้ดีอย่าให้ลูกต้องขาดพ่อของแกในภายหลังดีกว่า
แต่คุณจะเห็นด้วยกับคำแนะนำของผมหรือไม่นั้น ก็ขอให้ไปคิดพิจารณาเอาเอง เพราะผมรับตรงๆ ว่าผมไม่สามารถจะรักษาจิตใจของพวกเกย์ให้กลับเป็นปกติได้

นพ.นพพร

เรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้

ในโลกนี้มีเรื่องที่เร้นลับ และน่าอัศจรรย์ใจมากมายและพิสูจน์ไม่ได้ว่า มันเกิดขึ้นมาได้อย่างไรจากในทุกประเทศทั่วโลก รอคอยนักปราชญ์ราชบัณฑิตหรือนักวิทยาศาสตร์ที่มีความรู้มากๆ มีปัญญาดีๆ ที่จะค้นคว้าหาข้อเท็จจริงอยู่เสมอ บางเรื่องก็เกิดขึ้นมาเองตามธรรมชาติ เช่น ผู้หญิงมีหนวดและมีเคราขึ้นมาได้

ทั้งหนวดและเคราก็งอกขึ้นมายาวมากเสียด้วย หรือเป็นผู้ชายอยู่ดีๆ แต่กลับมีร่างกายและจิตใจเป็นผู้หญิงไปเสียแล้ว กิริยาอาการเป็นผู้หญิงไปหมด หรือเป็นผู้หญิงแต่กลายเป็นผู้ชายทั้งรูปร่างและหน้าตา ทั้งปรารถนาจะแต่งงานกับผู้ชายด้วยกันเสียด้วย

ในญี่ปุ่นก็มีชายคนหนึ่งเจ็บหน้าอกมาเป็นเวลานาน รักษาอย่างไรก็ไม่หาย เมื่อนายแพทย์ได้ตรวจอย่างละเอียดในครั้งสุดท้าย จึงได้ทราบว่าชายคนนี้มีเด็กตัวเล็กๆ อยู่ภายในปอดของเขาคนหนึ่ง แล้วเด็กเล็กๆ นี้ก็ยังมีชีวิตอยู่เสียด้วย นายแพทย์แสดงว่า เด็กเล็กๆ นี้เป็นน้องของเขาเกิดมาเป็นลูกแฝด แต่เหตุไฉนไพล่ไปเกิดอยู่ในปอดของพี่ชายก็ไม่ทราบ

และเมื่อเร็วๆ นี้เองก็มีเด็กเกิดขึ้นในประเทศจีนมี ๒ หัว ๒ ตัว ๒ กระเพาะอาหาร สองระบบหายใจ แต่มีหัวใจเดียว ยังมีชีวิตอยู่ เมื่อเอาอาหารใส่เข้าไปในปากหนึ่ง อีกปากหนึ่งก็ร้อง เมื่อเอาเข็มจิ้มเข้าที่คนหนึ่ง อีกคนหนึ่งก็ร้อง เวลานี้นักวิทยาศาสตร์กำลังค้นคว้าหาเหตุผลและข้อเท็จจริงอยู่.

เปลี่ยนเพศได้ แต่ใช้ "นาง" ไม่ได้

เมื่อวันที่ ๑๑ เดือนมิถุนายน ๒๕๒๓ ศาลอุทธรณ์ กรุงเทพฯ ได้พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นยกคำร้องของนายชุมพร ที่ได้อุทธรณ์ขอเปลี่ยนแก้เอกสารการใช้ "นาย" นำหน้า มาเป็น "นาง" เนื่องจากผู้ร้องอายุ ๒๗ ปี ได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนแปลงเพศจากชายมาเป็นหญิงแล้ว จึงขอถือเพศหญิงตามกฎหมาย

ศาลอุทธรณ์ได้ให้เหตุผลในการยกคำร้องว่า เนื่องจากคำว่า "ผู้หญิง" ตามพจนานุกรม หมายถึงคนที่มีลูกได้ แต่นายชุมพร เพียงแต่ผ่าตัดเปลี่ยนแปลงอวัยวะเพศเท่านั้น หาใช่เรื่องการผ่าตัดเปลี่ยนแปลงเพศได้ไม่

สามีกลายเป็นผู้หญิง

เป็นเรื่องมหัศจรรย์ เพราะชายหญิงเป็นสามีภรรยากันมีลูก ๓ คน อยู่ในสก๊อตแลนด์ด้วยความสุขตามประสาสามี ภรรยา บุตรธิดา แต่ภรรยาเขาได้ประกาศว่า เวลานี้สามีของดิฉันกลายเป็นผู้หญิงเหมือนดิฉันไปเสียแล้ว ทุกๆ ส่วนของร่างกายพร้อมทั้งจิตใจ เวลานี้สามีของเธอชอบไว้ผมยาว สวมเสื้อผ้าผู้หญิงแล้วช่วยเธอทำงานบ้าน แล้วเรียกชื่อตัวเองเป็นหญิงชื่อว่า "เดซี่" เขาไม่ได้แกล้งทำ เขาไม่ได้เล่นละคร หากแต่เป็นไปแล้วจริงๆ เป็นไปแล้วเพราะไม่มีผู้ใดที่จะช่วยเขาได้ เวลานี้เขาอยู่กับดิฉัน เสมือนเป็นพี่น้องหรือเป็นเพื่อนกัน

เกิดมามี ๒ เพศ

จากหนังสือพิมพ์ในประเทศไทย นางสินฯ อยู่บ้านโพน จ.เลย ได้นำลูกที่เกิดขึ้นมา ๑ วัน มอบให้แก่นายแพทย์ผู้อำนายการโรงพยาบาลจังหวัดเลย เพราะเด็กมีอวัยวะเพศ ๒ เพศ แล้วเด็กคนนี้ไม่มีทวารหนักต้องเจาะกันอีกด้วย เวลาถ่ายอุจจาระก็ถ่ายออกมาทางอวัยวะเพศของชายทางเดียว กำลังติดต่อกับกรุงเทพฯเพื่อทำการผ่าตัดช่วยเหลือ จึงเหมือนมีลูก ๒ คนในฐานะที่เป็นพ่อ และมีลูก ๒ คนในฐานะที่เป็นแม่

ท่านที่ปรารถนาจะทราบว่า เกิดเป็นกะเทยขึ้นมาได้อย่างไร<ก็จำเป็นจะต้องศึกษาพระอภิธรรมปิฎกเสียให้พอเข้าใจ หาไม่แล้วเหตุผลและข้อเท็จจริงก็จะปรากฏขึ้นมาไม่ได้

พระอภิธรรมปิฎกมี ๔๒,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ เป็นวิชาวิทยาศาสตร์ที่ว่าด้วยเรื่องของชีวิตจิตใจ ย่อลงไปแล้วก็มีเรื่องจิต เจตสิก รูป นิพพาน ๔ อย่างนี้เท่านั้น

เรื่องของชีวิตจิตใจก็ได้แก่จิต เจตสิก รูป ไม่มีนอกจากนี้ ดังนั้น ผู้ที่มิได้ศึกษาเรื่องจิต เจตสิก รูปให้มีความเข้าใจก็ย่อมจะเข้าถึงความจริงในเรื่องของกะเทยไมได้

ด้วยเหตุดังกล่าว จึงขอเชิญท่านทั้งหลายได้ศึกษาเรื่องจิต เจตสิก รูป อย่างย่อๆ ต่อไปนี้เสียก่อน ผมเชื่ออย่างแน่นอนว่าจะคลี่คลายปัญหาเรื่องกะเทยที่ยังอธิบายไม่ได้ ออกมาให้ท่านได้ประจักษ์

โปรดติดตามตอนต่อไป




ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ข้อความล้วน|อุปกรณ์พกพา|ประวัติการแบน|อภิธรรมออนไลน์

GMT+7, 2024-11-24 11:53 , Processed in 0.094556 second(s), 20 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.9

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้