พระอภิธรรมกับการปฏิบัติวิปัสสนานี้ต่างกับการฟังธรรมอื่นๆ เพราะไม่ว่าเราจะไปอยู่ตรงไหน เราก็ยังพกความเข้าใจไปด้วย เรายังไปโกยบุญได้ ยังไปฟังใครต่อใครได้ แต่เราจะรู้เลยว่านั่นเป็นการสะสมเสบียง แต่สิ่งนั้นเราจะไม่ยึดติดเลยว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะดีที่สุดก็คือ อโลภะ อโทสะ อโมหะ
เมื่อเราไปนั่งฟังใคร ..ความเข้าใจที่เกิดขึ้นเป็นการสั่งสมบุญ แต่เมื่อเราก้าวออกไปปฏิบัติ นำตนเองไปกระทำไม่ใช่แค่ฟัง นั่นแหละตรงนั้นจะเกิด อโลภะ อโทสะ อโมหะ เพราะการรู้เรื่องราวในขณะที่เป็นปรมัตถ์เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้แหละจึงเรียกว่า อโมหะ
ฉะนั้น ถ้าหากเราไม่เข้าใจในเรื่องของปัญญาอย่างนี้ เราก็จะไปแสวงหาบุญตามที่ต่างๆ โยที่ลืมไปว่า เราแสวงหากันมาสารพัดชนิดแล้ว แต่เรายังไม่ได้แสวงหาอยู่สี่อย่าง คือ ความเป็นพระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี และพระอรหันต์
เราเคยรำพึงกันว่า โอ้เอ๋ย โอ้ชีวิต ใครหนอสรรสร้าง? เมื่อเรามาศึกษาแล้วเราก็ทราบว่าใครสร้าง พระพุทธเจ้าทรงเปล่งอุทานว่า นายช่างผู้สร้างเรือน บัดนี้ เราค้นหาเธอจนเจอแล้ว เธอได้สร้างบ้านเรือนมาให้เราตลอดเวลา ในภพน้อยภพใหญ่ บัดนี้เราเจอเธอแล้ว ตัณหา เธอไม่มีทางมาสร้างบ้านเรือนให้เราคือชีวิตให้เราอีกต่อไปแล้ว
โอ้เอ๋ย โอ้ชีวิต ใครหนอสรรสร้าง? คำตอบก็คือ ตัณหา ที่ทำให้เราเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพน้อยภพใหญ่ เรียกว่า สังสารวัฏ โอฆะสงสาร ทำให้เราท่องเที่ยวต่อไปในภพน้อยใหญ่ใน ๓๑ ภูมิ
|