ลืมรหัสผ่าน
 ลงทะเบียน
ค้นหา
ดู: 1038|ตอบกลับ: 5

คุณธรรมของกษัตริย์

[คัดลอกลิงก์]

32

กระทู้

138

ตอบกลับ

2405

เครดิต

ผู้ดูแลบอร์ด

เครดิต
2405


คุณธรรมของกษัตริย์
(นำมาจากอรรถกถา สุมังคลชาดกว่าด้วย คุณธรรมของกษัตริย์)

อดีตกาลเมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติอยู่ในนครพาราณสี ทรงบำเพ็ญมหาทาน พระองค์มีคนเฝ้าพระราชอุทยานคนหนึ่ง ชื่อสุมังคละ ในครั้งนั้น พระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่งออกจากเงื้อมภูเขานันทมูลกะ จาริกไปถึงพระนครพาราณสี แล้วอาศัยอยู่ในพระราชอุทยาน วันรุ่งขึ้นได้เข้าไปบิณฑบาตในพระนคร

พระราชาทอดพระเนตรเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้านั้นแล้วทรงเลื่อมใส ไหว้แล้วนิมนต์ให้ขึ้นไปสู่ปราสาท นั่งบนราชอาสน์ ทรงอังคาสด้วยของเคี้ยวของฉันมีรสเลิศต่างๆ ครั้นได้ทรงสดับอนุโมทนาแล้ว ทรงเลื่อมใสยิ่งขึ้น ขออาราธนาให้อยู่ในพระราชอุทยานของพระองค์ ให้คนเฝ้าพระราชอุทยานทำหน้าที่ไวยาวัจจกร

นับแต่นั้นมา พระปัจเจกพุทธเจ้าก็ฉันที่พระราชมณเฑียรเป็นนิตย์ และพักอยู่ที่พระราชอุทยานนั้นโดยมีนายสุมังคละบำรุงพระปัจเจกพุทธเจ้าโดยเคารพ อยู่มาวันหนึ่ง พระปัจเจกพุทธเจ้าเรียกนายสุมังคละมาบอกว่า เราจักอยู่อาศัยบ้านโน้น ๒-๓ วันแล้วจักมา ท่านจงกราบทูลพระราชาด้วย นายสุมังคละก็ได้กราบทูลพระราชาตามที่พระปัจเจกพุทธเจ้าบอก

เมื่อผ่านไป ๒-๓ วัน ในเวลาเย็นพระอาทิตย์อัสดงคตแล้ว พระปัจเจกพุทธเจ้าได้ กลับมาสู่พระราชอุทยาน แต่นายสุมังคละไม่รู้ว่าพระปัจเจกพุทธเจ้ามาแล้ว จึงกลับไปที่เรือนของตน ส่วนพระปัจเจกพุทธเจ้าเก็บบาตรจีวรแล้วออกมาเดินจงกรมหน่อยหนึ่งแล้วนั่งอยู่บนแผ่นหิน

ในวันนั้นมีแขกมาเรือนของคนเฝ้าพระราชอุทยานหลายคน นายสุมังคละคิดว่า จะฆ่าเนื้อที่พระราชาไม่ห้ามในพระราชอุทยาน เพื่อปรุงเป็นอาหารเลี้ยงแขก จึงถือธนูออกไปยังพระราชอุทยานแล้วสอดสายตาหาเนื้อ เมื่อเห็นพระปัจเจกพุทธเจ้านั่งอยู่บนแผ่นหินก็เข้าใจว่า ชะรอยจักเป็นเนื้อใหญ่ จึงเอาลูกศรพาดสายยิงไป



32

กระทู้

138

ตอบกลับ

2405

เครดิต

ผู้ดูแลบอร์ด

เครดิต
2405
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-6-13 19:03:41 | ดูโพสต์ทั้งหมด
พระปัจเจกพุทธเจ้าได้เปิดผ้าคลุมศีรษะกล่าวว่า "สุมังคละ"

นายสุมังคละเกิดความกลัวขึ้นแล้วกล่าวว่า "ข้าแต่ท่านผู้เจริญ กระผมไม่รู้ว่าท่านมาแล้ว เข้าใจว่า เป็นเนื้อจึงยิงไป ขอท่านได้โปรดงดโทษแก่กระผมเถิด"

พระปัจเจกพุทธเจ้ากล่าวว่า "ข้อนี้ยกไว้เถอะ บัดนี้ท่านจะกระทำอย่างไร จงมาถอนเอาลูกศรไปเสีย "

นายสุมังคละไหว้พระปัจเจกพุทธเจ้าแล้วก็ถอนลูกศรออกจากร่างกายของท่าน พระปัจเจกพุทธเจ้าเกิดเวทนาเป็นอันมากได้ปรินิพพาน ณ ที่นั้น

นายสุมังคละคิดว่า ถ้าพระราชาทรงทราบคงจะไม่ยอมไว้ชีวิตเรา จึงได้พาลูกเมียหลบหนีไป

ในทันใดนั้นเอง ด้วยเทวานุภาพได้ดลบันดาลให้เกิดโกลาหลทั่วพระนครว่า "พระปัจเจกพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว"

วันรุ่งขึ้น ผู้คนพากันไปพระราชอุทยาน เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าปรินิพพานแล้วก็พากันไปกราบทูลพระราชาว่า "คนเฝ้าสวนฆ่าพระปัจเจกพุทธเจ้าแล้วหนีไป"

32

กระทู้

138

ตอบกลับ

2405

เครดิต

ผู้ดูแลบอร์ด

เครดิต
2405
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-6-13 19:04:00 | ดูโพสต์ทั้งหมด
พระราชาเสด็จไปด้วยบริวารเป็นอันมาก ทรงบูชาศพเจ็ดวัน แล้วทรงทำฌาปนกิจด้วยสักการะใหญ่ เก็บพระธาตุ ก่อพระเจดีย์บรรจุพระธาตุ บูชาพระเจดีย์นั้น ครอบครองราชสมบัติในกาลต่อมาโดยธรรม.

ฝ่ายนายสุมังคละ พอล่วงไปหนึ่งปี คิดว่า เราอยากรู้ความรู้สึกนึกคิดของพระราชา จึงมาหาอำมาตย์คนหนึ่งแล้วกล่าวว่า "ท่านคงหาทางทำให้รู้ได้ว่า พระราชาทรงรู้สึกในเราอย่างไร?"

อำมาตย์นั้นจึงมากล่าวพรรณนาคุณของนายสุมังคละในสำนักของพระราชาให้พระราชาได้ยิน แต่พระราชาทำเป็นไม่ได้ยินเสีย

อำมาตย์กลับมาบอกนายสุมังคละว่าพระราชาทรงไม่พอพระทัย

พอล่วงไปปีที่สอง นายสุมังคละย้อนมาหาอำมาตย์เพื่อจะรู้ความรู้สึกนึกคิดของพระราชาอีก พระราชาได้ทรงนิ่งเสียเช่นคราวก่อน

พอล่วงไปปีที่สาม นายสุมังคละได้พาลูกเมียกลับมา และอำมาตย์รู้ว่าพระราชามีพระทัยอ่อนลงแล้ว จึงพานายสุมังคละไปยืนที่ประตูพระราชวัง แล้วกราบทูลพระราชาทรงทราบว่านายสุมังคละกลับมา

32

กระทู้

138

ตอบกลับ

2405

เครดิต

ผู้ดูแลบอร์ด

เครดิต
2405
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-6-13 19:04:19 | ดูโพสต์ทั้งหมด
พระราชารับสั่งให้เรียกนายสุมังคละมาหา ทรงทำปฏิสันถาร แล้วตรัสว่า "สุมังคละ เหตุไรท่านจึงฆ่าพระปัจเจกพุทธเจ้าผู้เป็นบุญเขตของเราเสีย? "

นายสุมังคละกราบทูลว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ ข้าพระองค์มิได้มีเจตนาฆ่าพระปัจเจกพุทธเจ้า ข้าพระองค์เข้าใจผิด คิดว่าเป็นเนื้อจึงได้ยิงไป" แล้วได้กราบทูลเหตุการณ์ที่เป็นมานั้นให้ทรงทราบ.

ลำดับนั้น พระราชาทรงปลอบโยนเขาว่า "ถ้าเช่นนั้น ท่านอย่ากลัวเลย" แล้วตั้งให้เป็นผู้เฝ้าพระราชอุทยานอีกครั้ง

อำมาตย์ได้กราบทูลถามว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้สมมติเทพ เหตุไรพระองค์ เมื่อได้ฟังคุณของนายสุมังคละถึง ๒ ครั้งแล้ว ก็ไม่ตรัสอะไรๆ แต่พอได้ฟังในครั้งที่ ๓ เหตุไรจึงทรงเรียกมาอนุเคราะห์"

พระราชาตรัสว่า "ธรรมดาเมื่อพระราชากำลังพิโรธ ก็จะทำอะไรลงไปด้วยความผลุนผลันไม่สมควร ฉะนั้นครั้งก่อนๆ เราจึงนิ่งเสีย แต่ในครั้งที่ ๓ เรารู้ใจของเราว่า ความโกรธนายสุมังคละอ่อนลงแล้ว จึงให้เรียกเขามา" แล้วพระราชาก็ทรงแสดงราชวัตรว่า

32

กระทู้

138

ตอบกลับ

2405

เครดิต

ผู้ดูแลบอร์ด

เครดิต
2405
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-6-13 19:04:40 | ดูโพสต์ทั้งหมด
พระเจ้าแผ่นดินทรงรู้ว่า เรากำลังกริ้วจัดไม่พึงลงอาชญาอันไม่สมควรแก่คนโดยไม่ใช่ฐานะก่อน พึงเพิกถอนความทุกข์ของผู้อื่นอย่างร้ายแรงไว้.

เมื่อใดพึงรู้ว่าจิตของตนผ่องใส พึงใคร่ครวญความผิดที่ผู้อื่นทำไว้ พึงพิจารณาให้เห็นแจ่มแจ้งด้วยตนเองว่า นี่ส่วนประโยชน์ นี่ส่วนโทษ เมื่อนั้นจึงปรับไหมบุคคลนั้นๆ ตามสมควร.

อนึ่ง พระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใดไม่ถูกอคติครอบงำ ย่อมแนะนำผู้อื่นที่ควรแนะนำและไม่ควรแนะนำได้ พระเจ้าแผ่นดินพระองค์นั้น ชื่อว่าไม่เผาผู้อื่นและพระองค์เอง

พระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใดในโลกนี้ ทรงลงอาชญาสมควรแก่โทษ พระเจ้าแผ่นดินพระองค์นั้น อันคุณงามความดีคุ้มครองแล้ว ย่อมไม่เสื่อมจากสิริ.

กษัตริย์เหล่าใดถูกอคติครอบงำ ไม่ทรงพิจารณาเสียก่อนแล้วทำลงไป ทรงลงอาชญาโดยผลุนผลัน กษัตริย์เหล่านั้นประกอบไปด้วยโทษน่าติเตียน ย่อมละทิ้งชีวิตไป และพ้นไปจากโลกนี้แล้วก็ย่อมไปสู่ทุคติ.

พระราชาเหล่าใดทรงยินดีแล้วในทศพิธราชธรรม อันพระอริยเจ้าประกาศไว้ พระราชาเหล่านั้นเป็นผู้ประเสริฐด้วยกาย วาจาและใจ

พระราชาเหล่านั้นทรงดำรงมั่นอยู่แล้วในขันติโสรัจจะ และสมาธิ ย่อมถึงโลกทั้งสอง โดยวิธีอย่างนั้น

เราเป็นพระราชาผู้เป็นใหญ่ของสัตว์และมนุษย์ทั้งหลาย ถ้าเราโกรธขึ้นมา เราก็ตั้งตนไว้ในแบบอย่างที่โบราณราชแต่งตั้งไว้ คอยห้ามปรามประชาชนอยู่อย่างนั้น ลงอาชญาโดยอุบายอันแยบคาย ด้วยความปราณี.

32

กระทู้

138

ตอบกลับ

2405

เครดิต

ผู้ดูแลบอร์ด

เครดิต
2405
 เจ้าของ| โพสต์ 2017-6-13 19:05:34 | ดูโพสต์ทั้งหมด
เมื่อพระเจ้าพรหมทัตตรัสแสดงคุณของพระองค์อย่างนี้แล้ว ราชบริษัททั้งหมดพากันชื่นชมยินดี กล่าวสรรเสริญคุณของพระราชาว่า คุณสมบัติคือศีลและอาจาระนี้ สมควรแก่พวกเราทีเดียว.

ส่วนนายสุมังคละ เมื่อพวกบริษัทกล่าวจบแล้ว ก็ลุกขึ้นถวายบังคมพระราชา ประคองอัญชลีกล่าวสรรเสริญพระราชาว่า

ข้าแต่กษัตริย์ผู้ชนาธิปัตย์ บริวารสมบัติ และปัญญา มิได้ละพระองค์ในกาลไหนๆ เลย พระองค์มิได้มักกริ้วโกรธ มีพระหฤทัยผ่องใสอยู่เป็นนิตย์ ขอพระองค์ทรงปราศจากทุกข์ บำรุงพระชนม์ชีพ ยืนอยู่ตลอดร้อยพรรษาเถิด.

ข้าแต่กษัตริย์ ขอพระองค์จงประกอบด้วยคุณธรรมเหล่านี้ คือโบราณราชวัตรมั่นคง พระราชทานอภัยให้ทูลเตือนได้ ไม่ทรงกริ้วโกรธ มีความสุขสำราญไม่เดือดร้อน ปกครองแผ่นดินให้ร่มเย็น แม้จุติจากโลกนี้ไปแล้ว ก็จงทรงถึงสุคติเถิด.

พระเจ้าธรรมิกราชทรงฉลาดในอุบาย เมื่อครองราชสมบัติด้วยอุบายอันเป็นธรรม คือกุศลกรรมบถ ๑๐ อันบัณฑิตแนะนำกล่าวไว้ดีแล้วอย่างนี้ พึงยังมหาชนผู้กำเริบร้อนกายและจิต ให้ดับหายไป เหมือนมหาเมฆ ยังแผ่นดินให้ชุ่มชื้นด้วยน้ำ ฉะนั้น.

พระศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงด้วยการประทานโอวาทแก่พระเจ้าโกศลแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า พระปัจเจกพุทธเจ้าในครั้งนั้นได้ปรินิพพานแล้ว นายสุมังคละ คนเฝ้าพระราชอุทยานในครั้งนั้นได้มาเป็นพระอานนท์พระเจ้าพรหมทัต พระราชาในครั้งนั้นได้มาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า



ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง เข้าสู่ระบบ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ข้อความล้วน|อุปกรณ์พกพา|ประวัติการแบน|อภิธรรมออนไลน์

GMT+7, 2024-12-4 15:34 , Processed in 0.108917 second(s), 20 queries .

Powered by Discuz! X3.5, Rev.9

© 2001-2024 Discuz! Team.

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้